ไทยต้องมีเทคโนโลยี-นวัตกรรมของตัวเอง เป็นทางออกเดียวจากวิกฤติสังคมสูงวัย-ขาดแคลนแรงงาน 

แกนนำพรรคก้าวไกลและคณะก้าวหน้า ประกอบด้วย นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า พร้อมคณะทำงานด้านนโยบายคณะก้าวหน้า นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ  ส.ส.กรุงเทพฯ เขตบางแค พรรคก้าวไกล ร่วมเยี่ยมชมศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC NSTDA) พร้อมดูงานด้านนวัตกรรมทั้งในภาคอุตสาหกรรมและภาคเกษตร โดยมี ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการ NECTEC ผู้บริหาร และนักวิจัยให้การต้อนรับและร่วมนำเสนอผลงานวิจัยและนวัตกรรมต่างๆ เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

คณะได้ร่วมชมการสาธิตและรับฟังการบรรยายเกี่ยวกับเทคโนโลยีและนวัตกรรมของ NECTEC ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี IoT ในภาคอุตสาหกรรม (IIoT) ระบบเกษตรแม่นยำและฟาร์มอัจฉริยะ หุ่นยนต์ 3D Scanner คอมพิวเตอร์เพื่อการคำนวณชั้นสูง ระบบ AI และการบริหารจัดการข้อมูลด้วยระบบ Cloud การจัดการน้ำด้วยเทคโนโลยีข้อมูล เป็นต้น ก่อนร่วมกันบรรยายสรุป พร้อมหารือในประเด็นต่าง ๆ โดยเฉพาะเกี่ยวกับอนาคตของประเทศไทยในด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม

นายธนาธร กล่าวว่าการที่ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ทำให้ในอนาคตเราจะมีประชากรวัยแรงงานน้อยลง นำไปสู่ผลิตภาพที่ลดลงและรายได้จากภาษีที่น้อยลง จนกลายเป็นวิกฤติของประเทศ

ทางออกเดียวของประเทศไทยจากวิกฤตินี้ในอนาคต คือการเพิ่มผลิตภาพแรงงาน ผ่านการนำเทคโนโลยีมาใช้ พร้อมกับการทำให้เทคโนโลยีในประเทศไทยใช้วัตถุดิบและผลิตจากภายในประเทศให้มากที่สุด (localization) เพราะหากประเทศไทยยังคงต้องนำเข้าเทคโนโลยีอย่างทุกวันนี้ ส่วนแบ่งมูลค่าของประเทศก็จะต้องไหลออกไปภายนอกสู่ประเทศที่เป็นเจ้าของเทคโนโลยี

ในทางกลับกัน localization ทางเทคโนโลยี จะทำให้เกิดงานที่มีคุณภาพเพิ่มขึ้นในประเทศ เกิดอุตสาหกรรมใหม่ขึ้นในประเทศ และเทคโนโลยีที่เป็นของประเทศไทยเอง ซึ่งโจทย์สำคัญที่สุด ก็คือการสนับสนุนให้มีผู้ประกอบการที่จะเป็นผู้นำเอาเทคโนโลยีที่มีการวิจัยเหล่านี้ไปสู่การสร้างอุตสาหกรรม

“ไม่ต้องถามอีกแล้วว่าประเทศไทยจำเป็นต้องมีเทคโนโลยีเป็นของตัวเองหรือไม่ นี่คือทางออกเดียวของประเทศไทยจากวิกฤติในอนาคตที่อย่างไรก็ต้องทำ ซึ่ง NECTEC จะมีบทบาทสำคัญมากในการนำพาการวิจัยและสนับสนุนให้ประเทศไทยไปสู่จุดนั้น” นายธนาธรระบุ

หลังจากนั้น ตัวแทนของทั้งพรรคก้าวไกลและคณะก้าวหน้า ได้หารือร่วมกับผู้บริหาร NECTEC ถึงความเป็นไปได้ในการแสวงหาความร่วมมือระหว่างกัน เพื่อนำเอานวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารเมือง ทั้งในระดับ อบต. และเทศบาลต่างๆ ที่คณะก้าวหน้าให้คำปรึกษาอยู่ และในส่วนของ กทม. ที่พรรคก้าวไกลได้ทำงานร่วมกันผ่าน ส.ก. ของพรรคก้าวไกลในสภา กทม.

0 replies on “ไทยต้องมีเทคโนโลยี-นวัตกรรมของตัวเอง เป็นทางออกเดียวจากวิกฤติสังคมสูงวัย-ขาดแคลนแรงงาน ”