ย้อนแย้งของฝ่ายค้าน – เปลว สีเงิน

เปลว สีเงิน

“เพื่อไทย-ฝ่ายค้าน” นี่ เขาก็พิลึกไปอีกแบบนะ
ประชุมสภา …..
ก็คอยจ้องเป็นตัวทำให้ “องค์ประชุมไม่ครบ”
แล้วก็ป้องปากตะโกนไล่ให้รัฐบาล “ยุบสภา”
เวลาเดียวกัน มือก็ยื่นขอแก้รัฐธรรมนูญบ้าง ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ บ้าง เอามันทุกสมัยประชุม
ตูละงงกะพวกมันจริงๆ!

ตกลงจะเอาไง “จะยุบหรือจะอยู่” ก็เอาให้แน่ ทำยังกะ “สภาผู้แทน” เป็นซ่อง
เวลาอยาก ก็มาสภา ใช้สภาเป็นสถานที่บำบัดใคร่ ขอเอาโน่น-เอานี่

เวลาไม่อยาก ก็ยืนออหน้าซ่อง ต้อนเหมือนวัว-ควาย ก็ไม่ยอมเข้า แถมตะโกนให้ตำรวจมาปิดซ่อง

ตลอด ๔ ปี ได้ยินแต่ฝ่ายค้านตะโกน ประยุทธ์ออกไปบ้าง รัฐบาลไปไม่รอดบ้าง อยู่ไม่ถึงได้เป็นประธานประชุม APEC บ้าง
พอประชุม APEC เสร็จ รัฐบาลต้องยุบสภาก่อนปีใหม่แน่!

แล้วเป็นไง….?
มีอะไรเกิดขึ้นกับรัฐบาลอย่างที่เพื่อไทยและทักษิณนายพวกคุณเห่าหอนพยากรณ์ในขลับเห่าไว้บ้าง?

การไปยื่นเปิดซักฟอกรัฐบาลด้วยฉวยหัวข้อที่นักข่าวทำเนียบกระเทียบกระแทกนายกฯ ไปตั้งเป็นญัตติ
นอกจากบ่งถึง “วรรณะทางความคิด” แล้ว….
การกระทำยังบ่งบอกความต่ำชั้นทางวิสัยทัศน์ของคนระดับ “สมาชิกสภาผู้แทนราษฏร”

ไม่เคยทำอะไรด้วย “ความคิดตัวเอง” เลย!

และ ๔ ปี ที่ทำมา ไม่มีอะไร “เพื่อประชาชน” ให้สมกับคำว่า “ผู้แทนราษฎร” เลย
มีแต่ทำเพื่อตัวเอง…..

“แก้รัฐธรรมนูญ” ก็เพื่อตัวเอง ปฎิบัติการล้มรัฐบาลทั้งในที่ลับและที่แจ้ง ก็เพื่อตัวเอง และเจ้านาย “หนีคุก” ของตัวเอง

ปากตะโกน สภาจะหมดสมัยประชุมแล้ว สส.ลาออกกันเกือบหมดแล้ว ยุบสภาได้แล้ว
แต่ตัวเองก็ไม่วาย ยังจะยื่นแก้รัฐธรรมนูญอีก ในมาตรา ๒๗๒ “ตัดอำนาจ ส.ว.” โหวตเลือกนายกฯ

และการโหวตเลือกนายกฯ จากเดิม ให้มาจากบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองเสนอมาเท่านั้น ก็เพิ่มเติมเป็นให้ “มาจาก ส.ส.” ก็ได้
ยื่นในขณะตัวเอง “เพื่อไทย-ฝ่ายค้าน” คอยทำให้ “องค์ประชุมไม่ครบ” หวังให้ยุบสภา
แต่ตัวเองก็ดันยื่นเปิดซักฟอกทั่วไปนายกฯ อีก

พูดตรงๆคือ ต้องการใช้สภาเป็นศาลาปั้นแต่งเรื่อง “ด่านายกฯ” เป็นการตีหัวเล่นฟรีๆ ก่อนลงไปแข่งหาเสียงเท่านั้นแหละ

ที่กะเก็งกันรายเดือนว่า ธันวา.ไม่ยุบ ต้องไปยุบมกรา.แน่ แบบนี้ มกรา.ก็ไม่ยุบแน่ ในเมื่อฝ่ายค้าน “กระสันซักฟอก”
แต่ถ้ารัฐบาลหมั่นไส้ ยุบเป็นการลูบหน้าซะเลย ก็ทำได้

แล้วกุมภา.ล่ะ ยุบมั้ย?
ไม่ต้องถามแล้ว ยุบ-ไม่ยุบ เพราะ ๒๘ กุมภา.๖๖ สภาก็ “ปิดสมัยประชุม”
ถึง ๒๔ มีนา.๖๖ สภาครบวาระ ๔ ปี “หมดเวร-หมดกรรม” กันไปซะที หลังจากทนกันมาจนสุดจะทน

ก็ต้องจัดให้มีเลือกตั้งทั่วไป ภายใน ๔๕ วัน
ก็โน่นแหละ ราวๆ ต้นพฤษภา.๖๖ ได้หย่อนบัตรกัน

เว้นแต่มีเหตุการณ์โลกและเหตุการณ์บ้านเมือง เป็น “เงื่อนไขพิเศษ” ที่ต้องพิจารณา

ถามกันเล่นๆ นะ
คิดมั้ยว่าในภาวะโลก “เซตตัว” ที่ยังไม่ลงตัว เผลอๆอาจมีอะไรที่ไม่เอื้อต่อการเลือกตั้งตามเทอมเวลา ก็อาจมีความน่าจะเป็นได้?!

ก็ให้ไว้ซัก ๕%…๑๐% เพื่อความไม่ประมาท ที่เหลืออีก ๙๐% ให้มีเลือกตั้ง

อันที่จริง ไม่มีความจำเป็นต้องไปแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๗๒ ตัดอำนาจสว.ในการร่วมโหวตเลือกนายกฯ หรอก
เพราะมาตรา ๒๗๒ เป็นบทเฉพาะกาล ๕ ปีแรกเท่านั้น ผ่านเลือกตั้งปี ๖๖ ไปปีเดียว ต่อจากนั้น มาตรานี้ก็เลิกไป

ถ้าอยากแก้จริงๆ ละก็….
ไม่ต้องแก้รัฐธรรมนูญหรอก เพราะไม่เป็นประโยชน์กับสังคมรวมเลย

ขอเสนอให้แก้ที่มันง่ายๆ เป็นการสละประโยชน์ตน (อันไม่ควรได้ขนาดนี้) เพื่อประโยชน์สังคมรวมจะดีกว่า
เช่นเรื่อง “สิทธิประโยชน์ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ๒๕๕๖” ว่าด้วยค่าตอบแทน

ทุกวันนี้ สส.ได้เงินเดือน ๗๑,๒๓๐ บาท +เงินเพิ่มเดือนละ ๔๒,๓๓๐ บาท = ๑๑๓,๕๖๐ บาท/เดือน
มีค่าใช้จายในการเดินทางให้อีก ทั่งโดยรถไฟ รถยนต์ประจำทาง และเครื่องบิน
แถมเบิกให้ผู้ติดตามได้อีก ๑ คนด้วย

แล้วยังมีสิทธิประโยชน์ แต่งตั้งผู้ช่วยประจำตัวได้อีก

-ผู้เชี่ยวชาญประจำตัว ๑ คน ๒๔,๐๐๐ บาท/เดือน

-ผู้ชำนาญการประจำตัว ๒ คน ๆละ ๑๕,๐๐๐ บาท/เดือน รวม ๓๐,๐๐๐ บาท/เดือน

-ผู้ช่วยดำเนินงาน ๕ คน ๆ ละ ๑๕,๐๐๐ บาท/เดือน รวม ๗๕,๐๐๐ บาท/เดือน

นั่นคือ ประชาชนต้องจายภาษีไปให้พวกสส.๑ คน ต่อเงิน ๒๔๒,๕๖๐ บาท/เดือน

ยังไม่คิดค่าเรือบิน ค่ารถรถไฟ ค่ารถโดยสารอีก

และแต่ละสส.ยังเป็นกรรมาธิการคนละคณะ-สองคณะ เบี้ยประชุมครั้ง ๑,๕๐๐ บาท เดือนๆ ฟันไปอีกคนละเป็นหมื่นๆ

ยัง…ยังไม่หมด ยังมีค่าข้าวปลาอาหาร น้ำชากาแฟให้กิน/ดื่มฟรี มีค่ารักษาพยาบาล ค่าคลอดลูก ค่าทำฟัน ค่าไป-กลับที่มาประชุม
ไปต่างประเทศก็ยังเบิกได้อีก แถมมีเบี้ยเลี้ยงด้วย!

สรุปแล้ว ๕๐๐ สส.เฉลี่ยประชาชนต้องจ่ายให้แต่สส.ละคนร่วม ๕๐๐,๐๐๐ บาท/เดือน
๔ ปี เท่ากับ ๔๘ เดือน เป็นเงินเท่าไหร่ เป็นค่าจ้างพวก ๕๐๐ เห่าถ่วงบ้าน-ถ่วงเมืองในสภาชุดนี้

๒๔ มีนา.สภาครบวาระ ๔ ปี
พวกสส.สิ้นสุดสมาชิกภาพ ยังต้องจ่ายค่าเดินทางกลับให้พวกเขาอีกนะ!

ทั้งหมดนี้ คร่าวๆ ที่เป็น “สิทธิประโยชน์” ของพวกสส.โดยเรา…ประชาชนต้องจ่าย แต่ละเดือน แต่ละปี

ถามเล่นๆ ระหว่างบ้านเมืองมีพวก ๕๐๐ นี้ กับไม่มี อย่างไหนบ้านเมืองจะก้าวหน้า ประชาชนจะเป็นสุขและกินดี-อยู่ดีกว่ากัน?

ระบบสภาน่ะดี
แต่ผมหมายถึง ถ้ามี “คนในระบบ” อย่างที่เป็นขณะนี้เท่านั้น ไม่ได้หมายถึงปฎิเสธระบบสภาโดยรวม

เนี่ย…
ตรง “สิทธิประโยชน์” สส.นั่นน่ะ แก้ซี

แก้จากเงินเดือนเป็น “เบี้ยเลี้ยงประชุม” รายครั้ง มาเซ็นเข้าประชุม/เลิกประชุม ถึงจะได้ ไม่มา-ไม่เข้าประชุม “ไม่จ่าย”

ขาดประชุมสมัยละกี่ครั้ง สมมติว่าขาดสมัยละ ๕ ครั้งขึ้นไป โดยไม่มีเหตุจำเป็น ให้ขาดจากสมาชิกภาพไปเลย

เอามั้ย แบบนี้ ….
แล้วไอ้ผู้เชี่ยวชาญ ผู้ชำนาญการบ้าบออะไรนั่น ก็ทุเรศพออยู่แล้ว ยังมีผู้ช่วยมากินเงินหลวงอีก ๕ คน
มันอะไรกัน(วะ)!?

ปริมาณคนกับคุณภาพงานมันอยู่ตรงไหน คิดบ้างมั้ย ไหนบอกว่าอาสาเข้ามารับใช้ประชาชนไงล่ะ

นี่มันขนกันเข้ามาแทะเลือดเนื้อประชาชนชัดๆ เหมือนอธิบดีกรมอุทยานที่ถูกจับคาหนัง-คาเขาเปี๊ยบ ติดป้ายหน้าห้อง
“NO GIVE POLICY” งดรับของขวัญและของกำนัลทุกชนิด แต่เบื้องหลัง ยิ่งกว่าจ้ำบ๊ะ

นี่ก็ทำนองนั้น อาสาประชาชน นอกจากแก้รัฐธรรมนูญเพื่อตัวเอง จ้องล้มรัฐบาล หวังครองอำนาจ เพื่อพาพ่อกลับบ้านแล้ว

๔ ปี ทำอะไรเพื่อชาวบ้านบ้าง ขนาดโควิดมา ป่วย-ตายกันโครมๆ แทนที่จะช่วยกันก่อน

ในขณะรัฐบาลเขาทำงานแทบตาย….
แต่ฝ่ายค้านก็แทบตายเหมือนกัน แต่เป็น “กระหน่ำซ้ำเติม” คอยขัดแข้ง-ขัดขารัฐบาล “แทบตาย”

นั่นละ “งานหลัก” ของฝ่ายค้านชัดๆละ!

พรุ่งนี้ก็ ๓๐ ธันวา.
และ ๓๑ ธันวา.ไม่มีการประกาศให้เป็นวันทำงานปกติ เพื่อ “ผัวเซ็นขาย-เมียเซ็นซื้อ” ที่ดินรัชดาแน่ๆ

ฉะนั้น ส่งท้ายปีเก่า-ต้อนรับปีใหม่ พลุต้องสว่างฟ้า ประชาต้องสว่างใจ

ส่วนสส.จะไปเป็น-ไปตายที่ไหน ก็เชิญตามสบาย
ประเทศจะได้เบาซะที!

เปลว สีเงิน

๒๙ ธันวาคม ๒๕๖๕

 

Written By
More from plew
“การเมืองหน้ากาก” ไทย-สหรัฐ
เนี่ย………. ด้วยตำแหน่ง “โฆษกรัฐบาล”! ถ้าจะตำหนิ “นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์” ก็ต้องตำหนิกันในเรื่องนี้แหละ คือเรื่องการใช้มาตรการควบคุมโควิดกับบุคคลต่างชาติที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศช่วงนี้
Read More
0 replies on “ย้อนแย้งของฝ่ายค้าน – เปลว สีเงิน”