บี. บราวน์ หนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีทางการแพทย์ชั้นนำของโลก ตอกย้ำถึงความสำคัญของการมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อสังคมพร้อมนำเสนอแนวคิดริเริ่มและจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมให้เกิดการเติบโตอย่างทั่วถึงในชุมชนต่าง ๆ ในประเทศไทย ด้วยความมุ่งมั่นในการปกป้องและพัฒนาสุขภาพของผู้คนทั่วโลก บี. บราวน์ ได้นำเสนอแนวคิดร่วมสมัยที่ให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อพัฒนากลยุทธ์ด้านความยั่งยืนพร้อมผลักดันให้องค์กรบรรลุการเติบโตอย่างยั่งยืนตลอดจนส่งผลประโยชน์ให้คนรุ่นต่อไปนำแนวคิดด้านความรับผิดชอบต่อสังคมมาใช้สำหรับการขับเคลื่อนองค์กรด้วยความรับผิดชอบ
หนึ่งในความมุ่งมั่นหลักของ บี. บราวน์ คือการมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อสังคม บริษัทฯ จึงได้ตระหนักถึงความสำคัญของการรับผิดชอบต่อสังคมเพื่อให้ทุกภาคส่วน อาทิ พนักงาน สังคม และสิ่งแวดล้อม ตลอดจนระบบนิเวศทางธุรกิจ สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน บี. บราวน์ เป็นองค์กรธุรกิจครอบครัวที่ให้ความสำคัญกับบุคลากรควบคู่ไปกับนวัตกรรมและประสิทธิภาพเป็นอันดับแรกและใช้ค่านิยมเหล่านี้เป็นตัวชี้นำอนาคตขององค์กร นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับการเพิ่มขีดความสามารถเทคโนโลยีทางการแพทย์อีกด้วย
นอกเหนือจากการพัฒนานวัตกรรมเพื่อการดูแลผู้ป่วยที่ดีขึ้นแล้ว บี. บราวน์ ยังมุ่งมั่นที่จะทำให้สามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลอย่างทั่วถึงและพัฒนาระบบการรักษาพยาบาลโดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนา
คำนึงถึงคนรุ่นต่อไปในทุกย่างก้าวที่เราทำ
บี. บราวน์ ประเทศไทย มุ่งมั่นที่จะสนับสนุนประเด็นทางสังคมที่ประเทศไทยให้กำลังให้ความสำคัญในระยะยาว นอกเหนือจากกิจกรรมทางธุรกิจในปัจจุบัน บริษัทฯ มุ่งเน้นในการถ่ายทอดความเชี่ยวชาญ ส่งเสริมการทำงานในระดับภูมิภาคที่ดำเนินงาน และเพิ่มโอกาสสำหรับคนทำงานในทุกช่วงอายุ ตั้งแต่การสนับสนุนด้านทรัพยากร ด้านการเงินในรูปแบบของการสปอนเซอร์และการบริจาค รวมถึงงานอาสาสมัครและการแบ่งปันความเชี่ยวชาญโดยพนักงาน ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ประเมินโครงการเพื่อสังคมเป็นระยะๆ โดยให้ความสนใจเป็นพิเศษว่าการมีส่วนร่วมนั้นก่อให้เกิดประโยชน์ต่อความต้องการส่วนบุคคลของกลุ่มเป้าหมายในแง่มุมใดบ้าง
นายสายัณห์ รอย กรรมการผู้จัดการ บริษัท บี. บราวน์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในฐานะสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัวนี้ ความรับผิดชอบต่อสังคมถือเป็นสิ่งที่ บี. บราวน์ ให้ความสำคัญมานานหลายทศวรรษ จากการตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม องค์กรของเราได้ใช้ทรัพยากรที่เรามีอยู่อย่างประหยัดตลอดจนเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและสังคมเพื่อความยั่งยืน นอกจากนี้ยังมีการแลกเปลี่ยนความเชี่ยวชาญอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างสรรค์โซลูชันสำหรับอนาคตภายใต้กรอบการสร้างสรรค์คุณค่าขององค์กร (Value Creation Cycle) สิ่งที่เรามุ่งมั่นในที่นี้เป็นมากกว่าความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กร แต่เป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงเหตุผลของเราในการยืนหยัดเพื่อผู้คนทั่วโลก เราเชื่อว่าการกระทำเพียงครั้งเดียวสามารถสร้างความแตกต่างในชุมชนได้ และการกระทำร่วมกันนั้นสามารถส่งผลกระทบในวงกว้างต่อโลกที่พวกเราทุกคนอาศัยอยู่ร่วมกัน”
ในปี 2565 บี. บราวน์ ประเทศไทย ได้จัดกิจกรรมมากมายเพื่อช่วยเหลือประชาชนและบุคลากรทางการแพทย์ในการต่อสู้กับโควิด-19 ได้แก่ การร่วมมือกับมูลนิธิดวงประทีปในการบริจาควัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้กับชุมชนคลองเตยและการบริจาคเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นและผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ให้กับชุมชนท้องถิ่น-, การประกาศความร่วมมือกับโรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง ในการตั้งศูนย์ล้างไตที่โรงพยาบาลสนามเพื่อให้บริการล้างไตฟรีแก่ผู้ป่วยโควิด, การประกาศความร่วมมือกับองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน และสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (สรพ.) เพื่อมอบความรู้ให้แก่ประชาชนในการป้องกันโควิด-19 โดยได้บริจาคหนังสือสุขอนามัยมือแก่โรงเรียนในจังหวัดอุบลราชธานี และ มอบเจลแอลกอฮอล์ล้างมือให้กับโรงพยาบาลต่างๆ
นอกจากการดูแลสุขภาพ กลุ่มธุรกิจ บี. บราวน์ ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาความเป็นอยู่ที่ดีและเพิ่มโอกาสให้เด็กๆ ทั่วโลกในโครงการ “B. Braun for Children” ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2547 ซึ่งส่งผลประโยชน์ต่อเด็กๆ กว่า 80,000 คนทั่วโลก สำหรับในประเทศไทย บี. บราวน์ ได้สนับสนุนทางการเงินในการปรับปรุงโรงเรียนคชเวชวิทยาในจังหวัดอยุธยา และการปรับปรุงและปลูกต้นไม้โรงเรียนบ้านยางโทนในจังหวัดกาญจนบุรี โดยโครงการนี้ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อปกป้องและพัฒนาสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีสำหรับเด็กเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมความสามารถในการเรียนรู้และการเสริมสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีเพื่อเป็นรากฐานของอนาคตที่สดใสสำหรับเด็กๆ ทุกคน
นายแทน ศรีอุดร ผู้นำทีม CSR Club บริษัท บี. บราวน์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เรามีความตั้งใจที่จะช่วยเหลือสังคมผ่านโครงการต่างๆ ที่อุทิศให้กับโรงเรียน เด็ก ชุมชน สิ่งแวดล้อม และแง่มุมอื่นๆ ที่สำคัญ เราเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าความมุ่งมั่นของเราจะช่วยส่งเสริมและพัฒนาสังคมไปในทางที่ดีขึ้น”