“จับตาแนวโน้มราคาสินค้าไทย อะไรแพงขึ้นบ้าง จากสถานการณ์อิหร่าน – สหรัฐฯ”

สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างอิหร่านและสหรัฐอเมริกา ที่มีชนวนเหตุมาจากการเสียชีวิตของนายพลชาวอิหร่านจากคำสั่งปลิดชีพของประธานาธิบดีของสหรัฐฯ – โดนัล ทรัมป์ ได้เริ่มส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจไปทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยแล้ว โดยเห็นได้ราคาสินค้าบางอย่างที่ปรับขึ้นแทบจะทันที และสิ่งนี้อาจทำให้วิกฤตข้าวยากหมากแพงที่ประเทศเรากำลังเผชิญอยู่ทวีความรุนแรงมากขึ้นก็เป็นได้

หากมองย้อนกลับไปในช่วงสงครามโลกครั้งสุดท้ายเมื่อเกือบศตวรรษที่ผ่านมา มีสินค้าหลายประเภทที่ปรับราคาสูงจากเดิมมากระหว่างทำสงคราม เช่น ทองคำ น้ำมัน หรือแม้กระทั่งสินค้าประเภทอุปโภคบริโภคอย่างอาหารและน้ำดื่ม เป็นต้น 

จากกราฟแสดงราคาค้าปลีกของสินค้าประเภทอาหาร ในช่วง สงครามโลกครั้งที่ 1 (1914 – 1918) และ สงครามโลกครั้งที่ 2 (1939 – 1945) พบว่าราคาสินค้าเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดไปถึง 2 เท่า เมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดสงคราม

แม้ปัจจุบันยังไม่มีสงครามเกิดขึ้น แต่ภายหลังเหตุการณ์ได้มีสัญญาณการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าบางอย่างที่เกิดจากบ้างแล้ว ดังนี้

ราคาทองคำ 

รอบ ปี หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าววันที่ 3 มกราคม และทำให้ราคาทองในไทยเพิ่มขึ้นตามด้วย ทองคำ” เป็นสิ่งแรกที่ขณะนี้ส่อแววเพิ่มสูงขึ้น อ้างอิงจาก สำนักข่าวรอยเตอร์ ที่รายงานว่าราคาทองคำโลก (Spot Gold) พุ่งไปแตะจุดสูงที่สุดในรอบ 7 ปี หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าววันที่ 3 มกราคม และทำให้ราคาทองในไทยเพิ่มขึ้นตามด้วย

แต่ดูเหมือนว่าการเพิ่มของราคาจะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น เพราะเมื่อวันที่ 10 มกราคมที่ผ่านมา ภายหลังการแถลงการณ์ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ทรัมป์ ที่กล่าวว่าอเมริกาจะไม่ตอบโต้ทางทหาร แต่จะใช้การคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจแทน ผสานกับเหตุการณ์ความพลิกผันเมื่อประชาชนอิหร่านได้ชุมนุมประท้วงของเพื่อขับไล่ผู้นำของตนในกรณียิงเครื่องบินยูเครนตก พบว่าราคาทองโลกได้ลดลงกลับสู่ภาวะก่อนหน้า ยังผลให้ราคาทองในประเทศไทยปรับลดลงมาด้วยเช่นกัน

สรุปควรรีบซื้อทองหรือนำทองมาขายตอนนี้เลยดีไหม?

จากการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ระบุว่า ราคาทอง ณ ตอนนี้ยังคงมีความผันผวนอยู่ค่อนข้างมาก ซึ่ง ไม่แนะนำ ให้ลงทุนซื้อหรือเทขายทองคำปริมาณมากในช่วงนี้

ราคาน้ำมัน (เชื้อเพลิง)

สิ่งต่อมาที่ราคาสูงขึ้นคือ “น้ำมัน” ที่หลังจากเกิดเหตุการณ์นั้นราคาน้ำมันโลกดีดตัวขึ้นราว 5.7% ยังผลให้ราคาน้ำมันในไทยเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน จากการสำรวจราคาน้ำมันจากบริษัท บางจาก คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)2 ภายหลังวันที่ มกราคม ราคาน้ำมันในไทยมีการปรับตัวขึ้นเฉลี่ยราว ๆ 50 สตางค์ในทุกประเภทน้ำมัน

ราคาอาหาร สินค้าอุปโภคบริโภคในครัวเรือนและยารักษาโรค

จากฐานข้อมูลราคาสินค้าออนไลน์บน Priceza.com ราคาขายปลีกและขายส่งสินค้าเกษตรของกรมการค้าภายใน และราคายากลางจากกระทรวงสาธารณะสุข ยังไม่พบการปรับขึ้นราคาของ สินค้าในกลุ่มอุปโภคบริโภค อาหาร น้ำดื่ม หรือยารักษาโรค อย่างมีนัยสำคัญใด ๆ

สรุปภาพรวมราคาสินค้าในไทย ที่ได้รับผลกระทบจากอิหร่าน-สหรัฐฯ

จะเห็นว่าจากสถานการณ์ดังกล่าว ณ ขณะนี้มีเพียงราคาทอง และน้ำมัน ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด ส่วนราคาสินค้าประเภทอื่น ๆ ที่เกิดมาจากกระบวนการทั้งในภาคอุตสาหกรรม และภาคการเกษตร เช่น สินค้าอุปโภค บริโภค ยังคงที่ หรืออาจเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยตามกลไกการตลาด

อย่างไรก็ตามผู้บริโภคอย่างเรายังควรต้องเฝ้าระวัง และติดตามข่าวสารให้ดี เพราะไม่ใช่แค่ราคาสินค้าเท่านั้นที่อาจจะกระทบถึงเรา แต่อาจจะรวมไปถึงสภาพเศรษฐกิจที่อาจเปลี่ยนไปก็ได้ เนื่องจาก ณ ปัจจุบันสถานการณ์ดังกล่าวยังไม่มีทีท่าจะจบลงด้วยดีง่าย ๆ

Written By
More from pp
มูลนิธิ เมเจอร์ แคร์ มอบ “ห้องหนังเพื่อการเรียนรู้” ให้กับ โรงเรียนบ้านโซกม่วง อ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย
พัชรอร  วงศ์กำแหง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย เป็นประธานรับมอบ “ห้องหนังเพื่อการเรียนรู้” ห้องที่ 53 พร้อมชุดอุปกรณ์กีฬา ให้กับ โรงเรียนบ้านโซกม่วง อ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย จาก เด่น  ดับโศก ผู้บริหาร มูลนิธิ เมเจอร์ แคร์ เพื่อเพิ่มพื้นที่การเรียนรู้...
Read More
0 replies on ““จับตาแนวโน้มราคาสินค้าไทย อะไรแพงขึ้นบ้าง จากสถานการณ์อิหร่าน – สหรัฐฯ””