เปลว สีเงิน
ดูท่า “ตำรวจ” จะเอาจริง
กับ “กลุ่มทุนจีนสีเทา” แก๊งนายตู้ห่าว “หลานเขย” พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก อดีตผบ.ตร.และรัฐมนตรี ยุครัฐบาล “ยิ่งลักษณ์”
ก็ขนาดผบ.ตร.คนปัจจุบัน…..
“พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์” มอบหมายให้ระดับรองผบ.ตร.ถึง ๒ นาย
คือ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล และพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ลงมาลุยตรวจค้นบ้าน คอนโด ที่เป็นแห่งซ่องสุม ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ร่วม ๕๐ แห่ง
ก็ต้องบอกว่า งานนี้…..
เท่ากับ พล.ต.อ.ดำรงศักด์, พล.ต.อ.พิเชษฐ์, พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เอาตำแหน่ง และศักดิ์ศรี “สถาบันตำรวจแห่งชาติ” วางเป็นเดิมพันเลยทีเดียว
แต่ถ้าคดีจบแบบ “ดายหญ้าหน้าดิน” ละก็ ….
ทั้งเกี๊ยะ ทั้งก้อนอิฐ เป็นได้ปลิวว่อน ท่ามกลางเสียงตะโกน “มวยล้มต้มคนดู” แน่!
ได้ยินพล.ต.อ.ต่อศักดิ์บอกหลังตรวจค้นวันก่อน ว่า
“หลังจากนี้ จะตรวจสอบเส้นทางการเงินและยึดทรัพย์สินเครือข่ายนายตู้ห่าวทั้งหมด ซึ่งจะเร่งทำคดีให้จบภายใน ๓ สัปดาห์ แล้วจะชี้แจงรายละเอียดทั้งหมดให้กับสังคมได้รับทราบ รวมถึงจะมีการรวบรวมหลักฐาน เพื่อที่จะขยายผลไปถึง “กลุ่มทุนจีนสีเทา” ที่ใหญ่กว่า
ส่วนความสัมพันธ์ของนายตู้ห่าว ที่มีความเชื่อมโยงกับอดีตรัฐมนตรีและบุคคลที่เกี่ยวข้องในพรรคการเมือง ก็จะต้องมีการสอบสวนรวบรวมหลักฐานให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจนก่อน แต่จะไม่มีการเชิญตัวมาสอบปากคำ ซึ่งการรวบรวมหลักฐานเป็นหน้าที่ของตำรวจ หากพบผิด จะมีการออกหมายจับทันที”
จดใส่ข้างฝากันไว้นะครับ….
-คดีจบภายใน ๓ สัปดาห์
-อดีตรัฐมนตรี, บุคคลเกี่ยวข้องในพรรคการเมือง หากมีหลักฐานว่าผิด ออกหมายจับทันที
ตรงข้อแม้ “หากมีหลักฐานว่าผิด” นี่ ขอถามคำ
บอกใบ้ล่วงหน้าว่า (จงใจ) “สาวไปไม่ให้ถึง” จะมีอย่างนั้นหรือเปล่าครับ?
ตีซะว่า นับจากวันฝากขังนายตู้ห่าวเมื่อ ๒๔ พย.๖๕ ก็ผ่านไป ๑ สัปดาห์แล้ว
ฉะนั้น ราวๆ กลางเดือน ประชาชนพลเมืองไทย-จีน ปูเสื่อรอฟังผบ.ตร.และอีก ๒ รองผบ.ตร.ชี้แจงผลสรุปพร้อมรายละเอียดทั้งหมดได้เลย
การที่ตำรวจตรวจค้น ถึงตรวจค้นช้า แต่ดีกว่าไม่ค้นเลยเฉพาะเมื่อวาน (๓๐ พย.) ทั้งในกทม., ภูเก็ต, ชลบุรี, ประจวบฯ, นครศรีฯ, ปทุมธานี, สมุทรปราการ และอยุธยา รวม ๓๔ แห่ง
ยังไม่รวมวันก่อนๆ อีก เป็นสิบๆ แห่ง….
ล้วนเป็นคฤหาสน์หรู ราคา ๕๐-๑๐๐ ล้านบาทขึ้นไป คฤหาสน์ก็ซื้อแบบเหมาทั้งโครงการ คอนโดฯ ก็ซื้อเหมาทั้งฟลอร์
ที่ฮือฮากันมาก โครงการ Grand Bangkok Boulevard Sukumvit ของบริษัท เอสซี แอสเสท ที่เมีย ลูกสาว และลูกเขยทักษิณ เป็นเจ้าของโครงการ
ทั้งหมดมีแค่ ๖๖ หลัง แก๊งตู้ห่าวซื้อเหมาทีเดียว ๕๐ หลัง ไม่รู้ร่ำรวยอะไร ถึงมีเงินมากมายขนาดนั้น
ยิ่งรถหรู ราคาคันละ ๓๐-๕๐ ล้านด้วยแล้ว แก๊งตู้ห่าวมันซื้อเหมือนซื้อรถเด็กเล่น
อย่าว่าแต่รถหรูเลย เรือบินก็ยังมี!
ดูแต่ละรายการที่ตำรวจเข้าไปตรวจยึด ประเมินแล้ว เป็นร้อย-เป็นพันล้าน ยังไม่พูดถึงที่ยักย้าย-ถ่ายเท ไปหลบซ่อนไว้ที่อื่นก่อนหน้า
ด้วยสามัญสำนึก เห็นแล้วรู้สึกได้เลยว่า ถ้าทำมาหากินสุจริต เข้ามาอยู่เมืองไทยสิบกว่าปี
จะรวยปะล้ำปะเหลือขนาดนี้ มันเป็นไปไม่ได้แน่!!!
คิดดูนะ เป็นคนจีนจรหมอนหมิ่นเข้ามา…
แต่เทพอุ้มสมไปได้หลานสาวพล.ต.อ.ประชาที่เป็นนายตำรวจหญิง สังกัดตรวจคนเข้าเมือง เป็นเมีย!?
อะไรมันจะโป๊ะเช๊ะ ยิ่งกว่านิยายประโลมโลก เล่มละ ๕๐ สตางค์ขนาดนั้น
เมื่อมีเมียเป็นไทย-นายตำวจหญิง ตู้ห่าวก็ยื่นขอแปลงสัญชาติเป็นไทยต่อสันติบาล เมื่อ ๒ สิงหาคม ๕๔
ก่อนหน้ายิ่งลักษณ์เป็นนายกรัฐมนตรีแค่ ๒ วัน คือยิ่งลักษณ์ เข้ารับตำแหน่งเมื่อ ๕ สิงหา.๕๔
ตอนยิ่งลักษณ์ ๓ ที่ “นายนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ” ย้ายจากรัฐมนตรีคมนาคมมาเป็นรมว.มหาดไทย
นายจารุพงศ์ก็อนุญาตให้ “นายหาวเจ๋อ ตู้” หรือตู้ห่าว ได้รับการแปลงสัญชาติเป็นไทย เมื่อปี ๒๕๕๖
ในขณะนั้น พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก เป็นรัฐมนตรียุติธรรม
บิ๊กโจ๊กกับบิ๊กต่อศักดิ์ไปตรวจค้นที่ภูเก็ต ไม่ได้บอกว่าไปตรวจร้านเพชรด้วยหรือไม่?
ที่ผมอ่านๆ จากข่าวแล้วสรุปมาเล่านี้ ประเด็นอยู่ตรงว่า ทำไมเมืองไทยสำหรับกลุ่มจีนสีเทาแก๊งตู้ห่าว
จึงเข้ามาทำธุรกิจ-ธุรกรรม “ทั้งลับ-ทั้งแจ้ง” ได้สะดวกราบรื่นขนาดนี้?
กับคนไทย จะทำธุรกิจหรือขออนุญาตอะไรกับทางการซักอย่าง ต่อให้กราบตีนขอความกรุณา ก็ไม่มีทางจะราบรื่น-ง่ายดายขนาดนั้น
แต่แก๊งตู้ห่าว เข้ามาก็ตั้งบริษัทเป็นสิบ-เป็นร้อยกระจายไปทั่ว
ซื้อบ้านหรูยกโครงการ ซื้อคอนโดฯ ยกฟลอร์ ซื้อรถหรูเป็นสิบ-ยี่สิบคัน ซื้อกระทั่งเรือบิน
เปิดสถานบริการ-ร้านค้าเกลื่อนเมือง เอาเครื่องแบบทหาร-ตำรวจมาแต่งตบตา
แต่ “ระบบตรวจสอบ” ของไทย “บอด” สนิท?!
ยื่นขอสัญชาติไทยปี ๕๔ ตามระเบียบ ต้องอยู่ในเมืองไทยต่อเนื่องอย่างน้อย ๕ ปี จากปี ๕๔ ถึงปี ๖๕ บวกไปอีก ๕ ปี ก็รวมเป็น ๑๖ ปี
ถามกันแบบบ้านๆ ถ้าไม่มีอิทธิพลและกลุ่มการเมืองหนุนหลัง และไม่จ่ายใต้โต๊ะ-บนโต๊ะกับหน่วยราชการเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะตำรวจ
มันจะใหญ่ “คับประเทศ” อย่างที่ผ่านมาได้มั้ย?
ผมจึงมองว่า แก๊งตู้ห่าว
แค่ “มือทำเงิน”
ให้ผู้มีอำนาจ-มีอิทธิพล “กลุ่มใด-กลุ่มหนึ่ง” ในระบบสีและระบบการเมืองไทยเท่านั้น!
แค่รถหรูนั่นน่ะ นำเข้ามาถูกต้องมั้ย เสียภาษีมั้ย เอาไปแจกจ่ายให้ใครบ้าง เคยตรวจสอบเส้นทางการเงินกันบ้างมั้ย
และไม่เคยสงสัยระบบบัญชีรวมถึงการจ่ายภาษีกันเลยหรือ?
ผมอยากให้สังเกต…….
ข้อหาที่จับและควบคุมตัวนายตู้ห่าวระหวางคดีนั้น คือข้อหา….
“สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด, ผู้นั้นสมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด, ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติด
และร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย”
แต่เท่าที่เห็นการตรวจค้น พบนั่น…พบนี่ ล้วนเป็นสมบัติ ข้าวของ ทอง เงิน รถ บ้าน และฯลฯ
ยังไม่ปรากฎว่าพบ “ยาเสพติด” แต่อย่างใดเลย!?
มีแต่ข้าวของเป็นเหตุอ้างอิง ที่ทำให้เชื่อว่าได้มาจากค้ายาเสพติดและธุรกิจผิดกฎหมาย
แต่พยาน-หลักฐานที่เป็น “ของกลาง” ชัดๆ มัดตัวนายตู้ห่าวเรื่องยาเสพติด ยังไม่ได้ยินเลย!
เห็นว่า ผบ.ตร.จะแถลงวันนี้ (๑ ธค.) เกี่ยวกับคดี ก็จะรอฟัง ว่าได้อะไรที่เป็นหลักฐานมัด ตามข้อหาที่จับกุมและฝากขังศาลไว้ขณะนี้
ที่ผมกลัวจะจบแบบ “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” ก็ตรงนี้แหละอย่างที่สังคมโซเชียลเรียกว่า “ไม่ตรงปก”
คือตั้งข้อหาในการจับกุมไว้เรื่องยาเสพติด
แต่เจอแต่บ้าน รถ สมบัติพัสถาน นั่นมันไม่ใช่ยาเสพติด
ลงท้าย คดีก็จะจบแบบ “ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย”
จะถอนสัญชาติก็ไม่ได้ เพราะเขาเป็นผัวของหญิงไทยมียศถึงระดับ “พันตำรวจเอก” หลานเขยอดีตผบ.ตร.
“มีเงิน-มีบารมี” ขนาดนี้….
จะตั้งพรรคการเมืองสักพรรค ใครจะทำไม เผลอๆ อนาคตประเทศไทย จะมีนายกฯ ชื่อ “ตู้ห่าว” เอาซะด้วย
อย่าคิดว่าเป็นไปไม่ได้นะ โครงการหรูระดับหลายพันล้าน ของเอสซี แอสเสท ยังซื้อชนิดยกโครงการได้
จะซื้อสส.ซักโหล-สองโหล ซื้อบัตรประชาชนซักอำเภอ-สองอำเภอ มันยากตรงไหนสำหรับตู้ห่าว!?
ผมชอบใจประโยคที่พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล พูดไว้จริงๆ คือที่ท่านพูดว่า…..
“…..ส่วนความสัมพันธ์ของนายตู้ห่าว ที่มีความเชื่อมโยงกับอดีตรัฐมนตรีและบุคคลที่เกี่ยวข้องในพรรคการเมือง
ก็จะต้องมีการสอบสวนรวบรวมหลักฐานให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจนก่อน
แต่จะไม่มีการเชิญตัวมาสอบปากคำ
ซึ่งการรวบรวมหลักฐานเป็นหน้าที่ของตำรวจ หากพบผิด จะมีการออกหมายจับทันที”
ถ้า “ออกหมายจับ” จริง
จะให้ผมกราบหว่างขาก็ยอมครับ!
เปลว สีเงิน
๑ ธันวาคม ๒๕๖๕