Fake News!!!!! ถอดโคเคน มอร์ฟีน ฝิ่น ออกจากยาเสพติดให้โทษ ประชาชนครอบครองได้ ถูกกฎหมาย

ตามที่มีการเผยแพร่ในสื่อต่าง ๆ เกี่ยวกับประเด็นถอดโคเคน มอร์ฟีน ฝิ่น ออกจากยาเสพติดให้โทษ ประชาชนครอบครองได้ ถูกกฎหมาย ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ

กรณีข้อความที่โพสต์ว่าโคเคน มอร์ฟีน ฝิ่น ถูกกฎหมายสามารถครอบครองได้นั้น ทางสำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรมได้ชี้แจงว่าขณะนี้ยังไม่มีนโยบายในการประกาศยกเลิกโคเคน หรือฝิ่นออกจากยาเสพติดให้โทษ ซึ่งกฎกระทรวงได้อนุญาตให้จำหน่ายหรือมีไว้ในครอบครองยาเสพติดให้โทษประเภท 2 เช่น โคเคน มอร์ฟีน ฝิ่น เพื่อใช้ในการรักษา การศึกษา และประโยชน์ของทางราชการเท่านั้น

และมีเพียงนโยบายยกเลิกพืชกระท่อมออกจากยาเสพติด เนื่องจากพืชกระท่อมมีฤทธิ์ในการเสพติดน้อยมาก จะไม่ส่งผลกระทบต่อร่างกายและสุขภาพ ซึ่งการปลดพืชกระท่อมไม่มีการเอื้อประโยชน์ใคร แต่ต้องการให้สามารถใช้ในแบบวิถีชาวบ้านได้ และส่งเสริมการใช้ประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจ พึ่งพาตนเองในการใช้เป็นยาสมุนไพร โดยเมื่อมีการถอดพืชกระท่อมจากยาเสพติดแล้ว จะมีกฎหมายดูแลการขออนุญาตปลูก การป้องกันการขายแก่เด็กนักเรียนเยาวชน ไม่มีวัตถุประสงค์มอบเมาแต่อย่างใด

ดังนั้น ขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อ และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องจากสำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.moj.go.th หรือโทร. 0-2141-5100

\ขณะนี้ยังไม่มีนโยบายในการประกาศยกเลิกโคเคน หรือฝิ่นออกจากยาเสพติดให้โทษ โดย อนุญาตให้จำหน่ายหรือมีไว้ในครอบครองเพื่อใช้ในการรักษา การศึกษา และประโยชน์ของทางราชการเท่านั้น หากประชาชนมีการครอบครองไว้นอกเหนือจากวัตถุประสงค์ข้างต้น ถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย

Written By
More from pp
มูลนิธิรามาธิบดีฯ เร่งระดมทุนสนับสนุนผู้ป่วยขาดแคลนทุนทรัพย์ หวังบรรเทาความเจ็บปวด-ยืดระยะเวลาการใช้ชีวิตของผู้ป่วย
ตลอดช่วงทศวรรษที่ผ่านมาประเทศไทยให้การสนับสนุนประชาชนในการเข้าถึงบริการทางสุขภาพด้วยระบบสิทธิประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทอง) เพื่อเปิดโอกาสให้คนไทยสามารถเข้าถึงบริการทางสาธารณสุขได้มากขึ้น
Read More
0 replies on “Fake News!!!!! ถอดโคเคน มอร์ฟีน ฝิ่น ออกจากยาเสพติดให้โทษ ประชาชนครอบครองได้ ถูกกฎหมาย”