นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธานประชุมคณะทำงานบูรณาการการให้บริการประชาชนและนักท่องเที่ยวต่างชาติ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานดอนเมืองให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยมีนายพิศักดิ์ จิตวิริยะวศิน รองปลัดกระทรวงคมนาคม นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม นายสุทธิพงษ์ คงพูล ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด มหาชน (ทอท.) นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) นายการันต์ ธนกุลจีรพัฒน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.)
พร้อมด้วย ผู้แทนกรมการขนส่งทางบก สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กรมศุลกากร กรมการกงศุล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ในวันที่ 11 พฤศจิกายน ๒๕๖๕ ณ ห้องประชุม กระทรวงคมนาคม
จากการที่รัฐบาลมีนโยบายเปิดประเทศเต็มรูปแบบเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2565 ส่งผลให้ปริมาณการเดินทางทางอากาศของประชาชนและนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากการที่นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการเตรียมความพร้อมการให้บริการผู้โดยสารขาเข้าและขาออก ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พบว่า
การให้บริการบางจุดมีลักษณะเป็นคอขวด ส่งผลให้เกิดความหนาแน่นของผู้ใช้บริการในบางช่วงเวลาที่มีเที่ยวบินจำนวนมาก ประกอบกับเดือนพฤศจิกายนเข้าสู่ช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวของประเทศไทย ส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติหลั่งไหลเข้าประเทศผ่าน ทสภ. เป็นจำนวนมาก
ซึ่งในเดือน พฤศจิกายน 2565 มีผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศใช้บริการเฉลี่ยวันละ 43,000 คน อย่างไรก็ตาม ชั่วโมงคับคั่งของผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศ เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมาอยู่ในช่วงเวลาประมาณ 14.00 น. – 17.00 น. ซึ่งมีจำนวนผู้โดยสารใช้บริการสูงถึงกว่า 10,000 คน ส่งผลให้เกิดภาพความแออัดบริเวณด้านหน้าจุดตรวจหนังสือเดินทางขาเข้าระหว่างประเทศ
กระทรวงคมนาคมจึงแต่งตั้งคณะทำงานบูรณาการการให้บริการประชาชนและนักท่องเที่ยวต่างชาติ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานดอนเมือง โดยมี ปลัดกระทรวงคมนาคมเป็นประธาน และมีทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการให้บริการท่าอากาศยานทั้ง 2 แห่ง ร่วมเป็นกรรมการ
เพื่อพิจารณาแนวทางการอำนวยความสะดวกและเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการประชาชนและนักท่องเที่ยวต่างชาติ ณ ท่าอากาศยานทั้ง 2 แห่ง ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย แก้ปัญหาความแอดอัดผู้โดยสารที่เกิดขึ้น รวมทั้งจัดทำแผนการดำเนินงานเพื่อรองรับปริมาณผู้โดยสารที่เพิ่มมากขึ้นในอนาคตที่ประชุมมีมติเห็นชอบ กรอบการปฏิบัติงานของคณะทำงานบูรณาการฯ ทั้งระยะเร่งด่วน (ภายใน 15 วันทำการ) ระยะปานกลาง และระยะยั่งยืน
โดยเป็นกรอบการดำเนินการในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานดอนเมือง ในการปฏิบัติงานในกระบวนการผู้โดยสารขาเข้าและกระบวนการผู้โดยสารขาออก โดยตั้งศูนย์ Single Command Center เพื่อติดตามสถานการณ์และกำกับดูแลการบริหารจัดการ Flow ผู้โดยสารในช่วงที่มีผู้ใช้บริการหนาแน่นทุกกระบวนการให้เป็นไปด้วยความคล่องตัวไม่ติดขัด
ตั้งแต่จุดตรวจหนังสือเดินทาง จุดรับสัมภาระผู้โดยสาร รวมทั้งกระบวนการทางศุลกากร และระบบคมนาคมขนส่งเชื่อมต่อท่าอากาศยาน เช่น รถแท็กซี่ และรถโดยสารสาธารณะ ให้เพียงพอต่อจำนวนผู้ใช้บริการและมีความรวดเร็ว เพื่อบริหารจัดการและแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ ปลัดกระทรวงคมนาคม ได้สั่งการให้ ทอท. ดำเนินการจัดทำข้อมูลจำนวนเที่ยวบินและจำนวนผู้โดยสารปัจจุบัน เมื่อเทียบกับปี 2562 และปริมาณคาดการณ์ในอนาคต เพื่อบริหารจัดการการให้บริการให้สามารถเพียงพอในการรองรับผู้โดยสารได้อย่างมีประสิทธิภาพและแก้ไขปัญหาความแออัดที่เกิดขึ้น เพื่อให้การบริการผู้โดยสารในภาพรวมเป็นไปด้วยความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย
และได้เน้นย้ำให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสถานการณ์ (Monitor) กระบวนการและขั้นตอนการให้บริการต่าง ๆ แบบ Real Time เพื่อเห็นภาพรวมการให้บริการ หากพบปัญหาหรือพื้นที่ให้บริการที่หนาแน่นให้เร่งดำเนินการแก้ไขโดยเร็ว รวมทั้งให้จัดทำสื่อประชาสัมพันธ์คลิปวีดิโอประชาสัมพันธ์บนเครื่องบิน เพื่อสร้างการรับรู้ให้ผู้โดยสารทราบว่าขั้นตอนการเดินทางของผู้โดยสารขาเข้ามีขั้นตอนอย่างไร เพื่อลดความคับคั่งของพื้นที่ให้บริการ
รวมทั้งจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับวิธีการเดินทางมาท่าอากาศยาน และการให้บริการรถ Shutter Bus ภายในท่าอากาศยาน โดยลงสื่อสังคมออนไลน์ สร้างการรับรู้ให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวในวงกว้าง
ปัจจุบัน ทอท. ได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่ออำนวยความสะดวกผู้โดยสารทั้งกระบวนการผู้โดยสารขาเข้าและขาออก โดยกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 สำนักงานครวจคนเข้าเมืองจัดเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองปฏิบัติหน้าที่เต็มทุกเคาน์เตอร์ทุกโซนในช่วงชั่วโมงที่มีผู้โดยสารใช้บริการเป็นจำนวนมาก
และ ทสภ. ได้ปรับรูปแบบการจัดระเบียบการต่อแถว (Queue) ของผู้โดยสารในรูปแบบ Snake Queue เพื่อให้มีความเป็นระเบียบยิ่งขึ้น รวมทั้งจัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกผู้โดยสารให้ได้รับการบริการตรวจหนังสือเดินทางผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศ
ซึ่งทำให้สามารถระบายผู้โดยสารในชั่วโมงคับคั่งได้ทั้งหมดอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลา 30 นาที โดยผู้โดยสารใช้เวลาต่อคิวรอตรวจหนังสือเดินทางเฉลี่ย 15 นาทีต่อคน