จำหนังโฆษณา “เจ้านาย…ไอ้ฤทธิ์กินแบล็ค” กันได้มั้ย?
ร่วม ๓๐ ปีที่แล้ว ดังทะลุจอ!
รุ่นนมแตกพานวันนี้คงไม่รู้จัก แต่รุ่นนมยานรู้จักแน่ เป็นหนังโฆษณาเหล้าไทยยี่ห้อแมวดำ แต่สลากข้างขวดเขียนเป็นภาษาอังกฤษว่า “BLACK CAT”
ยุคนั้น คำว่า “BLACK” เป็นคำที่รู้กันในหมู่คอเหล้า ว่าหมายถึง “เหล้านอก” ราคาแพงยี่ห้อหนึ่ง
ก็ตกขวดละ ๔๐๐-๕๐๐ บาท แพงระยับ ราคาแพงจึงเป็นตัวบอกทั้งฐานะและทั้งชั้นวรรณะของผู้ดื่มว่า “มีระดับ”
แต่แบล็คไทย คือแบล็คแคท ขวดละไม่ถึงร้อย เอเจนซี่ผู้ทำหนังโฆษณา เขาจึงจับจุดแข็งตรง “แบล็ค” นอก มาแบ็คอัพ “แบล็ค” ไทย
ทำหนังออกมาในกรอบคิด “ไอ้ฤทธิ์” ที่เป็นลูกหนี้ นั่งล้อมวง ดื่มแบล็คแคทกันอยู่ ฝ่ายสมุนเจ้าพ่อนายทุนเงินกู้มาเห็นเข้า ก็แจ้นไปฟ้องเจ้าพ่อ
“เจ้านาย…ไอ้ฤทธิ์กินแบล็ค”!
พอเจ้าพ่อได้ยิน ก็โกรธควันออกตูด นำสมุนขึ้นรถเป็นขบวน หมายไปกระทืบไอ้ฤทธิ์….หนอย ไม่มีเงินใช้หนี้ แต่ดันมีเงินกินแบล็คขวดละ ๔๐๐-๕๐๐
ไอ้ฤทธิ์เห็นคาราวานเจ้าพ่อวิ่งฝุ่นตลบตรงมา…ตกใจ ถือขวดแบล็คแคทค้างคามือ
เจ้าพ่อลงจากรถปรี่เข้าหา…มึงตายแน่!
แต่พอเห็นแบล็คแคทในมือไอ้ฤทธิ์ เจ้าพ่อสตั้นไปซัก ๓ วิ ทั้งบริเวณกลั้นหายใจเงียบกริบ
จะหายใจกันได้ก็ตอน เจ้าพ่อส่งเสียงผ่านลำคออวบ เบา นุ่มนวล กับไอ้ฤทธิ์
“เหล้าแก้วซิ”!
ก็เฮกันซิครับ หนังโฆษณากลายเป็นหนังบู๊ ที่แอนตี้ ไคลแมกซ์ พูดกันต่อๆ ในมุมตลกอยู่นาน ทำให้แบล็คแคทขายทะลายถล่ม
เนี่ย….
ก็คงงงกันละซีว่า อะไรวะ…ไม่เข้าใจ ผมจะมาไม้ไหนกันแน่?
ก็ไม่ไม้ไหนหรอก คือเมื่อวาน (๑๗ มิย.) เห็นผู้ว่าฯ กทม. “นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์” และนายกเมืองพัทยา “นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์” ไปเป็นแขกนายกฯ ที่ทำเนียบรัฐบาล
ไปร่วมประชุมศบค.ในนัด “เปิดหน้ากาก” ประเทศกันได้ตามอัธยาศัย คงได้เห็นบรรยากาศกันแล้วตามข่าว-ตามจอ
ที่ผมนำเรื่องไอ้ฤทธิ์กินแบล็คมาประชันกับเรื่องผู้ว่าฯ กทม.เข้าทำเนียบ ก็เพียงจะบอกว่า
บ้านเมืองที่มีปัญหาจากการแตกแยกในหมู่ประชาชนนั้น ส่วนหนึ่ง มาจาก “ลูกยุ-ลูกเสี้ยม” และการ “เป่าหู” ของลูกน้อง
ถ้าผู้ใหญ่ ที่เป็นเจ้านายหนักแน่น ฟังหู-ไว้หู ไม่หุนหันพลันแล่น ไม่บ้ายุ-ไม่บ้ายอ ยกใจเหนืออารมณ์
จะเป็นส่วนสลายความอึดอัด-ขัดแย้งในบ้านเมือง บรรยากาศสมัครสมานและสรรค์สร้างจะเข้ามาแทนที่ได้มาก
กรณีนายกฯ กับชัชชาติ……
ผมสังเกตว่า มีขบวนการ “เชิดชัชชาติ” ขึ้นไปเหยียบเงานายกฯ นับแต่วินาทีแรกที่รู้ว่าได้เป็นผู้ว่าฯ กทม.
พยายามปั่นข่าว-ปั่นประเด็น สร้างกระแสให้ผู้ว่าฯ กทม.กับผู้นำรัฐบาล ประหนึ่งน้ำกับน้ำมัน อยู่ด้วยกันได้ แต่จะทำงานเข้าด้วยกันไม่ได้
แต่เมื่อวาน ก็ได้เห็นวุฒิภาวะคนเป็นผู้ใหญ่และผู้น้อย จากคนทั้ง ๒ คือนายกฯ และผู้ว่าฯกทม.
นายกฯ ด้วยวุฒิภาวะผู้ใหญ่ ประหนึ่งเจ้าบ้าน กุลีกุจอต้อนรับ เป็นกันเอง-จริงใจ กับแขกที่มาเยือน บอกทั้งกับผู้ว่าฯิกทม.และทั้งนายกเมืองพัทยาว่าิ”เราพี่น้องกัน”
เรียกว่า ผู้ใหญ่ยินดี โอภาปราศรัย มีใจเมตตา
ผู้น้อย ก็นบน้อม พนมมือค้อมวันทา
มันเป็นภาพทำให้สังคมสบายใจ ผู้ใหญ่หันหน้าเข้าหากัน สมุน-บริวารนักเสี้ยม จะได้เบาๆ ลงไป ในเมื่อผู้ใหญ่ “ไม่บ้าจี้”
เมื่อใคร อยู่ในตำแหน่ง-ฐานะไหน ก็ต้องทำงานในหน้าที่ตามตำแหน่ง-ฐานะนั้น ร่วมประสานยังประโยชน์ในงานให้สำเร็จกับบ้านเมืองและประชาชน
อย่างที่ทั้งนายกฯ และทั้งผู้ว่าฯ ชัชชาติให้สัมภาษณ์นั่นน่ะ
ฉะนั้น ลูกน้องก็ดี ผู้มีเจตนาซ่อนเร้นอยู่เบื้องหลังชัชชาติก็ดี อย่าพยายามสร้างภาพ-สร้างข่าว “เสี้ยม” ให้เกิดทัศนคติ “ฝ่ายเขา-ฝ่ายเรา” ระหว่างนายกฯ กับผู้ว่าฯนักเลย!
คนเรานั้น ไม่ได้สูงที่ตัว แต่สูงที่ใจ
แข็งแกร่งก็ไม่ได้วัดกันที่กาย แต่วัดกันที่ใจ
ฉะนั้น ทีมปั่นข่าวสร้างภาพผู้ว่าฯ ถ้าไม่อยากให้คุณชัชชาติต้องเสื่อมเร็ว ถึงขั้นคน ๑ ล้าน ๓ แสน ออกมาบ่นว่า “กูไม่น่าเลือกผิด” ละก็
นี่ก็ พุธที่ ๒๒ มิถุนา.เป็นผู้ว่าฯ จะครบเดือนแล้ว หยุดหนังโฆษณา แล้วเข้าเนื้อหา “ฉายหนังจริง” ให้คนกทม.ดูได้แล้ว!
จากตี ๔ ตี ๕ ออกมาเข้าฉากวิ่ง เปลี่ยนเป็นลงมือในเนื้อหางานที่เป็นปัญหาของกทม.จริงๆ ดีกว่า
วิ่งไปดูซิ ตี ๔ ตี ๕ ทั้งขยะแห้ง ขยะเปียก ถุงขยะเท่าภูเขาย่อมๆ ยังกองคาเสาไฟฟ้าขนาดไหน
หนูตัวเท่าแมว คุ้มครองเป็น “พันธุ์สัตว์เมือง” ที่กทม.คุ้มครองหรืออย่างไร?
อย่าไปวิ่งตรงลานศาลาว่าการกทม.เก่าตรงเสาชิงช้าเลย ตรงนั้น มันเป็นลานโล่ง ลานเรียบ เก๋แค่ถ่ายรูปโชว์
โน่น…ท่านผู้ว่าฯ ลองถีบ ๒ ล้อตีน เปลี่ยนสถานที่ถีบโชว์จากลานเสาชิงช้า ไปถีบบนฟุตบาทดูซิ ว่าถีบได้มั้ย?
อย่าว่าแต่รถถีบเลย…….
ทุกวันนี้ เอาแค่ ๒ ตีนถีบ-ปากกัดของผู้คนกทม.หาฟุตบาทซักแห่งให้เขาเดินได้ ลากกระเป๋าได้ สะดวกสบายเหมือนบ้านเมืองอื่นเขา
เจอแล้วมาถีบผมได้ ๑ ที!
ก็ไม่ได้พูดในความหมายโทษคุณชัชชาติ เพราะท่านเพิ่งมา แต่ปัญหานี้มันรอเทวดาถุงแกงอย่างท่านมาโปรดเป็น “ศตวรรษ” แล้ว
ก็ได้โปรดเถิด พลีสสสสส!
ฝนตก น้ำท่วมขัง ผมไม่ขย้ำคอเรียกร้องท่าน เพราะเข้าใจปัญหาอันเป็นองค์รวม
แต่ละผู้ว่าฯ แก้ปัญหา “รับงาน-สานต่อ” กันมาเรื่อยๆ ที่ตกซู่ จะให้แห้งเหมือนทุ่งลาสมัยก่อน แบบนั้น พูดเพื่อหวังด่านกันละก็ได้ แต่ถ้าใช้เหตุผลพูด มันพูดอย่างนั้นไม่-ได้
เรื่องจราจรในท้องถนนเหมือนกัน
ขอโทษนะ… ศีรษะท่านไม่มีเหาน่ะ ดีอยู่แล้ว ฉะนั้น อย่าพยายามหาเหามาใส่หัว
เคยฟังเพลงของตั๊กแตน ชลดามั้ย “เรื่องนอกวงแขน คนไม่ใช่แฟน ทำแทนกันไม่ได้” นั่นน่ะ
มันไม่ใช่งานที่คนเป็นผู้ว่าฯ กทม.จะมีอำนาจไปแก้อะไรได้โดยตรง การที่ท่านทำให้เห็นว่า เป็นงานกทม.ก็ระวังเถอะ
แค่สี่แยก “สะพานควาย-อนุสาวรีย์” ยังต้องนั่งปวดขี้-ปวดเยี่ยวเป็นชั่วโมงในรถ แล้วคนจะมาร้องให้ผู้ว่าฯ เอาเก๋งสุขาคอยเร่บริการเข้าซักวัน
เอาบนฟุตบาทงานท่านโดยตรงให้มันสะอาดและเดินได้สะดวกซะก่อน ไม่เหยียบร้านค้ารถเข็น ไม่สะดุดแผ่นปูกระเดิดเป็นหลุมบ่อจนหัวคะมำ ข้ามสะพานลอย ไม่ถูกสารพัดสายรัดคอตายก็บุญแล้ว
เมื่อวาน ลงทางด่วนตรงช่องเจาะโรงงานยาสูบ เพื่อเลี้ยวเข้าถนนซอยย้อนลงไปเข้าถนนสุขุมวิท
ผ่านสวนป่าเบญจกิติ มองทางขวา เห็นไม้ใหญ่ ไม้เล็ก พืชคลุมดิน ได้ฝน ยืนต้น เขียวรกครึ้มตามธรรมชาติ
ครั้นมองซ้าย ถนนเล็กๆ ขนานทางด่วน เห็นเจ้าหน้าที่ขมีขมันสร้างสะพานลอยฟ้า ต่อจากในสวนเบญจกิติ ข้ามทางด่วน ลิ่วๆ ไปสวนลุมพินี
ที่จะบอก ไม่ใช่ตรงนี้……..
แต่เป็นตรงถนนเล็กๆ ขนานทางด่วนจากพระราม ๔ ไปออกสุขุมวิทตรงทางรถไฟนั่นแหละ เมื่อก่อน พ่อค้า-แม่ขาย ตั้งร้านค้า-แผงลอย ยาวพรืดไปจนออกถนนสุขุมวิท
แต่ตอนนี้ เขาเคลียร์พื้นที่หมดแล้ว กำลังทำเป็นทางเดินเท้าไปสู่ทางเข้าสวนเบญจกิติ ปรับทัศนียภาพสบายตาสมกับเป็นใจกลางมหานคร
ก็สงสัย พ่อค้า-แม่ขาย เขาไปอยู่ที่ไหนกันหมด ปรากฏว่า ทั้งหมดไปสุมอยู่ใต้ทางด่วน ตรงทางลงสุขุมวิทนั่นเอง!
นี่แหละครับ งานของท่านผู้ว่าฯ ชัชชาติโดยตรง!
ผมไม่อยากใช้คำว่า “ทัศนอุจาด” เลย เพราะเข้าใจและเห็นใจคนค้าขาย ที่เดิม แม้เป็นการบุกรุกที่หลวง แต่การที่เขายอมย้ายโดยไม่รวมตัวเรียกร้อง
นั่นแสดงว่า พ่อค้า-แม่ขาย “จิตใจสูง” เสียสละเพื่อส่วนรวมอยู่แล้ว
จึงอยากให้ท่านผู้ว่าฯ ไป “จัดระเบียบ” เพราะอยู่ริมถนนใหญ่ แต่สภาพมันแย้งตึกระฟ้ามหานครย่านนั้น ให้ภาพไม่งาม ไม่สะอาดเลย
พื้นที่ใต้ทางด่วนตรงนั้นกว้างขวางพอสมควร กทม.เช่าทางด่วนเขาสิครับ ท่านเป็นวิศวะ ก็ดีไซน์แบบแผงลอยให้เก๋ไก๋ น้ำ-ไฟ-ขยะ จัดให้เป็นระบบ แล้วให้เขาเช่าราคาชัชชาติ
ตรงนั้น จะเป็นทั้งหน้าตาท่าน และหน้าตาเมือง ทั้งจะเป็นต้นแบบให้ท่านยกแผงลอยตามฟุตปาทให้ไปอยู่ในที่อันควร ซึ่งไม่เฉพาะตรงนี้ หมายถึงที่อื่นๆ ด้วย
ใต้ทางด่วนสุขุมวิท ที่กั้นห้องกระจกร้างตอนนี้ คนรู้จักกันนี่แหละเช่าทางด่วนเปิดเป็นร้านอาหารเมื่อ ๓๐ กว่าปีก่อน แต่ด้วยเหตุทางฆาตกรรม จึงต้องเลิกไป
ต่อมาเห็นมีคนเช่าขายของ ก็เลิกไปอีก ผู้ว่าฯ เอาพื้นที่ตรงนี้ไปทำให้แม่ค้าเขา อย่างน้อย ๒๐๐ กว่าข้อ ที่หาเสียงไว้ ก็ทำได้ ๑ ข้อละ
เนี่ย….๑๒ สิงหา.นายกฯ จะมาเปิดสวนเบญจกิติ คุณชัชชาติรีบจัดการ ตอนวันเปิด งานรัฐบาลกับงานกทม.จะได้ประสานกันสวยงามไงล่ะ
ใต้ทางด่วนตรงนี้ ทำให้ดีเถอะ แม่ค้า-แผงลอย จะขายดีเป็นเทน้ำ-เทท่า เพราะทั้งไทย-ทั้งเทศมาเที่ยวสวนเบญจกิติ ก็จะตั้งต้น-ลงท้าย ด้วยอาหารการกินกัน ที่ตรงนี้
เชียร์ท่านผู้ว่าฯ กทม.มาตั้งนาน ขอถามคำ
ผมแปะ “เบอร์บัญชี” ไว้ตรงนี้ ได้มั้ยครับ?
เปลว สีเงิน
๑๘ มิถุนายน ๒๕๖๕