ผักกาดหอม
ปลุกผีจากป่าช้า
วานซืนนี้ (๓๑ พฤษภาคม) “ลุงตู่” พูดถึงงบประมาณ แล้วแวะไปที่การตั้งงบประมาณชดเชยโครงการรับจำนำข้าว
“ถ้าพูดเรื่องข้าวที่พูดว่างบวันนี้เป็นงบในอดีตไม่ใช่อนาคต ตั้งแต่ปี ๒๕๕๔ เป็นต้นมา โครงการจำนำข้าว ขาดทุนกว่า ๙.๕ แสนล้านบาท รัฐบาลนี้ตั้งงบชำระหนี้ไปแล้ว ๗.๘ แสนล้านบาท คงเหลือเงินต้น และดอกเบี้ยอีก ๓ แสนล้านบาท เงินตรงนี้ถ้าอยู่เอามาทำอะไรได้อีกเยอะ ถามว่าใครทำเอาไว้ ผมก็ไม่อยากจะพูด ไม่อยากจะย้อนกลับ”
ทัวร์ลงครับ!
ถล่ม “ลุงตู่” ว่าพูดไม่ครบ ชี้แจงไม่หมด
ก็จริงครับ “ลุงตู่” พูดไม่ครบจริง เพราะตัวเลข ๙.๕ แสนล้านบาทนั้น มาจากเงินที่ใช้ไปตามนโยบายการจำนำสินค้าเกษตรทุกประเภท ตั้งแต่ปี ๒๕๕๑-๒๕๕๗ ใช้เงินไป ๙.๕ แสนล้านบาท
ทีนี้มีการอธิบายว่า “เงินที่ใช้ไป” กับ “หนี้” นั้นเป็นคนละเรื่องกัน ก็เท่ากับว่าที่ “ลุงตู่” พูดมานั้นผิดหมด
แล้วข้อเท็จจริงคืออะไร?
“ลุงตู่” พูดเหมารวมจริง แต่โครงการรับจำนำข้าว หรือรับจำนำพืชผลทางการเกษตรอื่นๆ สร้างภาระด้านงบประมาณจำนวนมหาศาลจริงเช่นกัน
เลือกตั้ง ส.ส.สมัยหน้าผมอยากเห็นพรรคการเมืองที่ชูโครงการรับจำนำข้าวครับ
พรรคไหนยังกล้า จะยกนิ้วให้เลย เพราะเท่ากับว่าจ้องจะโกงกันอีกแล้ว
ฝากไปถึงนักวิชาการ นักวิชาเกิน ที่ออกมาอัดลุงตู่ ปกป้อง “ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ” คราวหน้าคราวหลังเห็น “ลุงตู่” พูดไม่หมด ตัวเองก็ต้องพูดให้ครบด้วย
จะได้เป็นการแสดงความเห็นทางวิชาการจริงๆ ไม่ใช่วิชาโกง
โฟกัสไปที่นโยบายรับจำนำข้าวก่อนนะครับ ยังไม่พูดถึงเรื่องโกง
นโยบายรับจำนำข้าวทุกเมล็ดของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ทางสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) เขาสรุปไว้ชัดเจนว่า ก่อให้เกิดผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการค้าข้าวไทย และภาวะหนี้สิน
ช่วงปี ๒๕๕๔-๒๕๕๕ แม้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ยอมรับว่าการจำนำข้าว มีปัญหาในทางปฏิบัติ โดยเฉพาะปัญหาการทุจริตในบางขั้นตอน
แต่ “ยิ่งลักษณ์” ก็ยังยืนยันว่าการจำนำข้าวเป็นนโยบายที่ดี
ครัวเรือนชาวนาทั่วประเทศมีประมาณ ๔ ล้านครัวเรือน
แต่ชาวนาที่เข้าโครงการจำนำมีไม่ถึง ๙ แสนครัวเรือน
คำถามคือชาวนาที่ยากจนได้รับประโยชน์จากโครงการรับจำนำข้าวเท่าใด เงินจำนวน ๓ แสนล้านบาท ที่นำมาใช้ในโครงการรับจำนำข้าวตกไปอยู่ในมือใครบ้าง
ประชาชนส่วนใหญ่ยังเข้าใจผิดว่าชาวนาส่วนใหญ่เป็นคนจน
แต่ข้อเท็จจริงปรากฏในข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติแสดงว่า บรรดาครัวเรือนคนไทยทั้งหมดที่อยู่ในกลุ่มที่มีรายได้ครัวเรือนสูงสุด ๔๐% ของครัวเรือนไทยทั้งหมด ปรากฏว่าเป็นครัวเรือนชาวนาจำนวน ๑.๑๘๕ ล้านครัวเรือน
ครัวเรือนเหล่านี้ได้ประโยชน์จากการจำนำมากที่สุด
เพราะมีผลผลิตข้าวเหลือขายให้รัฐบาลมากที่สุดถึงร้อยละ ๕๒ ของผลผลิตที่ชาวนาทั่วประเทศนำออกขายในตลาด
ดังนั้นโครงการรับจำนำข้าวจึงเป็นการนำเงินภาษีที่เก็บจากประชาชนทุกคน รวมทั้งคนจน ไปแจกจ่ายให้เกษตรกรที่มีฐานะร่ำรวยและฐานะปานกลาง
นโยบายแบบนี้เป็นการเพิ่มความไม่เท่าเทียมของการกระจายรายได้ ซึ่งสวนทางกับวัตถุประสงค์ของรัฐบาล
เรื่องโกง โครงการรับจำนำข้าวก่อให้เกิดการรั่วไหลและความสูญเปล่าจำนวนมหาศาล
ก้อนแรก คือ เงินที่ซื้อข้าวจากชาวนาบางส่วนรั่วไหลไปยังโรงสี และชาวนาในประเทศเพื่อนบ้าน เพราะมีโรงสีบางแห่งลักลอบนำข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาสวมสิทธิ์การจำนำ
นักวิชาการในกัมพูชาคาดว่าอาจจะมีข้าวจำนวนหลายแสนตันเข้ามาในประเทศไทย ถ้ามีข้าวลักลอบสวมสิทธิ์ ๕ แสนตัน
แปลว่ามีเงินภาษีคนไทยจำนวน ๒ พันล้านล้านบาท รั่วไหลไปยังชาวนาในประเทศเพื่อนบ้านและโรงสีที่ทุจริต
โรงสีบางแห่งลักลอบนำข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านมาสวมสิทธิ์ โดยใช้ชื่อของเกษตรกรบางคน
โรงสีตัดค่าความชื้นและสิ่งเจือปนในข้าวของชาวนาเกินความจริง
โรงสีบางแห่งร่วมมือกับเจ้าของโกดัง เซอร์เวเยอร์และเจ้าหน้าที่รัฐในการจัดส่งข้าวจำนวนต่ำกว่าจำนวนที่ต้องส่งจริง
ส่งข้าวคุณภาพต่ำเข้าโกดังรัฐบาล
หรือแม้แต่การที่มีข่าวว่ามีนายหน้านักการเมืองวิ่งเต้นนำข้าวของรัฐบาลไปส่งขายให้แก่ผู้ส่งออกบางคน โรงสีบางแห่งต้องจ่ายเงินค่าวิ่งเต้นเพื่อขออนุญาตข้ามเขตไปซื้อข้าวในจังหวัดอื่นๆ
โครงการรับจำนำข้าวจึงก่อให้เกิดการทุจริตที่เป็นระบบอย่างกว้างขวาง ไม่ใช่เพียงแต่การทุจริตเล็กๆ น้อยๆ เพียงบางจุด
ระบบป้องกันทุจริตมีแต่บนกระดาษ และไม่สามารถตรวจจับผู้ทุจริตรายใหญ่ๆ ได้ เพราะผู้เกี่ยวข้องต่างได้ประโยชน์ร่วมกันจากการทุจริต
การทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวจึงเป็นอาชญากรรมไร้เจ้าทุกข์
โครงการรับจำนำข้าวเป็นการส่งเสริมให้ทุกคนทุจริต
เมื่อชาวนาและโรงสีที่สุจริต เห็นว่าคนอื่นที่ทุจริตไม่เคยถูกลงโทษ แต่กลับร่ำรวยมากขึ้น คนเหล่านี้ก็อาจเปลี่ยนใจหันมาร่วมกระบวนการทุจริต
ทีดีอาร์ไอเขาสรุปเอาไว้เยอะครับ โครงการรับจำนำข้าวยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์มันพัฒนาไปถึงขั้นโกงกันทั้งระบบ
ฉะนั้นการที่นักวิชาเกินบอกว่า งบประมาณที่ตั้งไว้ เป็นเม็ดเงินที่้นำไปใช้ชดเชยโครงการที่ใช้ตามนโยบายรัฐ ไม่ใช่เอาไปใช้หนี้ มันยังไม่ตรงกับข้อเท็จจริง
มันโกงกันทั้งระบบ มันก็คือเงินภาษีประชาชนทั้งประเทศที่ตั้งไว้ ไปเพื่อชดเชยการโกงให้ขบวนการโกงในโครงการรับจำนำข้าวยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์
การทุจริตโครงการรับจำนำข้าวยุคยิ่งลักษณ์ ทำให้เกิดความสูญเปล่า ไปหลายแสนหลายหมื่นล้านบาท
รัฐบาลเก็บข้าวไว้ในโกดังกลางเป็นเวลาเกือบหนึ่งปีทำให้ข้าวเสื่อมคุณภาพ
การสูญเสียตลาดส่งออกข้าวของไทย เพราะรัฐไม่มีความสามารถในการขายข้าวเหมือนพ่อค้าส่งออก ยังมีการสูญเสียรายได้จากการส่งออกข้าวคุณภาพที่ไทยเคยขายได้ในราคาสูง คือ ข้าวหอมมะลิ
ระบบการค้าข้าวแบบแข่งขันของภาคเอกชนถูกทำลาย และทดแทนด้วยระบบการค้าข้าวของรัฐ ที่ต้องอาศัยเส้นสายทางการเมือง
รัฐบาลลุงตู่หันมาใช้ระบบประกันราคา ซึ่งก็ถือว่าถูกต้อง เพราะไม่ต้องรับภาระด้านงบประมาณหนักหน่วงแบบโครงการรับจำนำข้าว
เห็น “ยิ่งลักษณ์” โพสต์เฟซบุ๊กแถว่า
“…ดิฉันจึงอยากขอฝากอะไรไว้ให้เป็นแง่คิดระหว่างพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีว่า แม้รัฐบาลดิฉันถูกโจมตีอย่างหนักว่า ‘สร้างหนี้’ ทั้งๆ ที่สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP อยู่เพียง ๔๕.๙๑% แต่หลังรัฐประหารผ่านไป ๘ ปี หนี้ได้พุ่งขึ้นไปที่ ๖๐.๕๘% โดยรัฐบาลคุณประยุทธ์จัดทำงบประมาณขาดดุลมากขึ้นๆ ทุกปี…”
ก็ไม่รู้จะว่าไงดี
“ยิ่งลักษณ์” บริหารประเทศในช่วงโลกสงบ แต่ก็มาตกม้าตายเพราะตัวเองจะนิรโทษโกงให้พี่ชาย
ขณะที่รัฐบาลลุงตู่ ถือว่าซวยเจอสารพัดโดยเฉพาะโควิด-๑๙ เข้าปีที่ ๓ แล้ว มาเจอสงครามรัสเซีย-ยูเครนอีก
ก็ลองหลับตานึกดู หาก “ยิ่งลักษณ์” บริหารประเทศช่วงโควิดระบาด ประเทศไทยจะอยู่ในสภาพไหน
ไทยเศรษฐกิจรุ่งเรืองอยู่ประเทศเดียว ส่วนประเทศอื่นๆ ฉิบหายวายป่วงอย่างนั้นหรือ
วันนี้วิกฤตไปทั่วโลก แต่หนี้สาธารณะไทย โน้น…อยู่ในลำดับที่ร้อยกว่า
สถานการณ์ของเรายังดีกว่าที่อื่นอีกตั้งร้อยกว่าประเทศ
คอ-นก-รีต จริงๆ
เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า