กลุ่มฯ โรงกลั่นฯ นำเสนอข้อเท็จจริงประเด็นค่าการกลั่นน้ำมัน

นายบัณฑิต ธรรมประจำจิต ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) (กลุ่มฯ โรงกลั่นฯ) เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ยืดเยื้อต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ทำให้ชาติพันธมิตรยกระดับมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย เช่น สหรัฐฯ สั่งห้ามนำเข้าน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากรัสเซีย ขณะที่อังกฤษก็ได้ประกาศยกเลิกการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียภายในสิ้นปี 2565 เช่นกัน รวมถึงยุโรปมีแผนที่จะลดการนำเข้าพลังงานจากรัสเซียลง 2 ใน 3 ภายในปีนี้ ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบโลกพุ่งสูงขึ้นและมีความผันผวนอย่างมาก ทำให้ราคาน้ำมันภายในประเทศปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์นี้ไม่เพียงแต่กระทบต่อผู้บริโภคเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อผู้ประกอบการโรงกลั่นน้ำมันด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งกลุ่มฯ โรงกลั่นฯ มิได้นิ่งนอนใจแต่อย่างใด ยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ประเมินและวิเคราะห์สถานการณ์อย่างต่อเนื่อง

จากประเด็นที่กล่าวถึงกันในสังคมว่า ค่าการกลั่นที่โรงกลั่นน้ำมันได้รับนั้นสูงขึ้นกว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเป็นเพราะส่วนต่างราคาน้ำมันเบนซินหรือดีเซลเทียบกับน้ำมันดิบที่ปรับเพิ่มขึ้นมาตลอด แต่ในความเป็นจริงแล้ว ค่าการกลั่นไม่ได้คำนวณจากส่วนต่างราคาของน้ำมันเบนซินและดีเซลเทียบกับราคาน้ำมันดิบอ้างอิงเท่านั้น แต่ต้องนำส่วนต่างราคาเฉลี่ยของน้ำมันสำเร็จรูปทุกชนิดตามสัดส่วนการผลิต (%Yield) ที่โรงกลั่นผลิตได้

ซึ่งรวมถึงก๊าซหุงต้ม หรือน้ำมันเตาที่มีราคาต่ำกว่าราคาน้ำมันดิบมาคำนวณรวมทั้งหมดเทียบกับราคาน้ำมันดิบที่ซื้อจริง ซึ่งรวมค่าพรีเมียมของน้ำมันดิบ (Crude Premium) หรือราคาส่วนเพิ่มเมื่อเทียบกับราคาน้ำมันดิบอ้างอิง และค่าใช้จ่ายในการขนส่งจากแหล่งผลิตมายังประเทศไทย เช่น ค่าขนส่งน้ำมันดิบทางเรือ ค่าประกันภัย เป็นต้น รวมถึงต้องหักลบต้นทุนค่าพลังงานความร้อน ค่าน้ำและค่าไฟที่ใช้ในการกลั่นอีกด้วย ทั้งนี้ ค่าการกลั่นที่คำนวณได้ดังกล่าวยังไม่สะท้อนกำไรที่แท้จริงของโรงกลั่น เนื่องจากยังไม่ได้หักค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกิดขึ้น เช่น

ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมราคาและภาษี เป็นต้น  เมื่อนำค่าการกลั่นมาหักลบกับค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกิดขึ้น รวมถึงกำไร/(ขาดทุน) จากการบริหารความเสี่ยงด้านราคา (Hedging) และสต๊อกน้ำมัน จึงจะสะท้อนกำไรสุทธิที่โรงกลั่นน้ำมันได้รับจริง ดังแสดงในกราฟด้านล่าง ซึ่งเป็นการแสดงองค์ประกอบของราคาต่างๆ ที่นำมาคำนวณเป็นประมาณการค่าการกลั่นในไตรมาสที่ 1 ปี 2565

ดังนั้น หากพิจารณากำไรที่แท้จริงที่กลุ่มฯ โรงกลั่นฯ ได้รับนั้น จะเห็นว่ากลุ่มฯ โรงกลั่นฯ ไม่ได้มีกำไรสูงตามราคาที่ปรับเพิ่มขึ้นในไตรมาส 1 ที่ผ่านมาแต่อย่างใด อีกทั้งกลุ่มฯ โรงกลั่นฯ ยังต้องเป็นผู้แบกรับความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาหากราคาน้ำมันมีทิศทางปรับตัวลดลงในอนาคต ซึ่งก็เป็นไปตามวงจรของธุรกิจน้ำมันที่มีทั้งขาขึ้นและขาลง โดยสามารถดูได้จากในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ตั้งแต่ต้นปี 2563 เป็นต้นมา

ความต้องการใช้น้ำมันปรับตัวลดลงอย่างเห็นได้ชัดและกลุ่มฯ โรงกลั่นฯ ขาดทุนสต๊อกน้ำมันในปี 2563 เป็นจำนวนเงินรวมสูงกว่า 30,000 ล้านบาท ซึ่งกลุ่มฯ โรงกลั่นฯ ยังคงต้องแบกรับการขาดทุนมาอย่างยาวนานต่อเนื่อง นอกจากนี้ กลุ่มฯ โรงกลั่นฯ ได้ลงทุนในโครงการต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตให้สามารถแข่งขันกับโรงกลั่นน้ำมันต่างๆ ในภูมิภาคได้ และเพื่อให้สามารถปฏิบัติตามกฎระเบียบของภาครัฐ และคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมโดยยึดหลัก ESG (Environment, Social and Governance) ที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแล เช่น โครงการลงทุนเพื่อผลิตน้ำมันตามมาตรฐานยูโร 5 ที่ต้องใช้เงินลงทุนรวมประมาณกว่า 50,000 ล้านบาท เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม แม้สถานการณ์ขณะนี้ราคาน้ำมันยังคงมีความผันผวนสูง ซึ่งกระทบต่อภาคเศรษฐกิจของประเทศและทั่วโลก กลุ่มฯ โรงกลั่นฯ ยังคงเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนความมั่นคงทางพลังงาน และขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศต่อไป



Written By
More from pp
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงการณ์เรื่อง ครม.ใหม่ และการเดินหน้าประเทศ
คำแถลงการณ์นายกรัฐมนตรี เรื่อง ครม. ใหม่ และการเดินหน้าประเทศ 13 สิงหาคม 2563 พี่น้องประชาชนที่รักทุกท่านครับ
Read More
0 replies on “กลุ่มฯ โรงกลั่นฯ นำเสนอข้อเท็จจริงประเด็นค่าการกลั่นน้ำมัน”