ตามที่มีสื่อออนไลน์ Thai E-News ได้เผยแพร่ข่าว เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2565 ในหัวข้อข่าว The Isaan Record โดย อติเทพ จันทร์เทศ เรื่องและภาพ ความว่า ได้ลงพื้นที่เพื่อบันทึกความทรงจำของคนในชุมชนมิตรภาพ ชุมชนริมทางรถไฟที่ถูกการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ไล่รื้อเพื่อสร้างทางรถไฟความเร็วสูงระยะที่ 2 โคราช – หนองคาย ซึ่งตอนนี้ รฟท. ยังไม่มีแผนรองรับการอพยพคนกว่า 700 ครอบครัว นั้น
การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กระทรวงคมนาคม ขอชี้แจงว่า การดำเนินโครงการก่อสร้างทางรถไฟทุกโครงการ รฟท. มีแผนดูแลรองรับผู้ได้รับผลกระทบจากก่อสร้างมาโดยตลอด ซึ่งในส่วนชุมชนมิตรภาพที่อยู่ด้านทิศเหนือของสถานีขอนแก่น รฟท. โดยกลุ่มบริษัทที่ปรึกษางานศึกษาออกแบบโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา – หนองคาย ได้พิจารณาแนวทางการดูแลเบื้องต้น โดยให้ชุมชนมิตรภาพ และชุมชนในเขตที่ดินรถไฟที่ได้รับผลกระทบจากโครงการรถไฟความเร็วสูงระหว่าง กม.444+400 ถึงกม. 470+500 ย้ายที่อยู่อาศัยไปอยู่ในเขตย่านสถานีห้วยไห และย่านสถานีสำราญ
อย่างไรก็ตาม ในการประชุมคณะทำงานพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยชุมชนที่อยู่ในที่ดินของ รฟท. ครั้งที่ 1/2565 เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2565 ซึ่งมีนายคมสันต์ จันทร์อ่อน ผู้แทนเครือข่ายสลัม 4 ภาคในฐานะคณะทำงานและผู้ช่วยเลขานุการคนที่ 3 เข้าร่วมประชุม ได้มีการรับทราบข้อเสนอเพิ่มเติม จากโครงการบ้านมั่นคงของสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) ซึ่งได้ทำหนังสือแสดงเจตจำนงเพื่อขอเช่าพื้นที่ของ รฟท. บริเวณสนามกอล์ฟ ข้างสถานีรถไฟขอนแก่นเดิม เนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ สำหรับสร้างที่อยู่อาศัยรองรับชุมชนโนนหนองวัด 2 (ริมราง) และชุมชนเทพารักษ์ 5 ที่ได้รับผลกระทบจากโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเช่นกัน
โดยระหว่างนี้ ทางฝ่ายบริหารทรัพย์สินของ รฟท. ได้รับเรื่องดังกล่าวไปพิจารณาร่วมกับคณะทำงานพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยชุมชนที่อยู่ในเขตที่ดินของ รฟท. เพื่อหาข้อสรุปว่าจะมีการดูแลชุมชนมิตรภาพไปในพื้นที่ใดเพื่อให้เกิดความเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการย้ายไปสถานีห้วยไห หรือสถานีสำราญตามแผนเดิม หรือการย้ายไปในพื้นที่ 2 ไร่ (สนามกอล์ฟ) ที่ พอช.มีแผนสร้างโครงการบ้านมั่นคง ซึ่งอาจปรับแบบสร้างเป็นที่อยู่อาศัยแนวตั้งประเภทอาคารสูง เพื่อรองรับประชาชนจากชุมชนมิตรภาพเพิ่มเติม
รฟท. จึงขอเรียนชี้แจงเพื่อทราบเบื้องต้น ไว้ ณ ที่นี้ และขอย้ำว่า มีความตั้งใจในการดูแลประชาชนและชุมชนที่ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่ และเหมาะสม โดยจะไม่มีการทอดทิ้ง อย่างไรก็ดี ในการดำเนินการต่างๆนั้น การรถไฟฯ คำนึงถึงประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนและส่วนรวมเป็นสำคัญ