9 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 11.20 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ครั้งที่ 1/2565
ถึงกรณีปัญหาราคาน้ำมันและจะมีการทบทวนปรับโครงสร้างภาษีน้ำมันหรือไม่ว่า เมื่อวานนี้ (8 ก.พ. 65) ได้มีการหารือแล้ว โดยขอให้รอการชี้แจงให้ทราบในรายละเอียดอีกครั้ง
ทั้งนี้ เห็นได้ว่ารัฐบาลมีแผนเรื่องกองทุนน้ำมัน การเตรียมวงเงินกู้ไว้สำหรับที่จะชดเชย โดยกองทุนน้ำมันก็ติดลบอยู่ในขณะนี้ ขณะเดียวกัน รัฐบาลยังเตรียมรองรับปัญหาเรื่องของแก๊สในหลายมิติด้วยกัน ซึ่งสาเหตุไม่ได้มาจากเรา แต่มาจากต้นทุนพลังงาน ที่เราพึ่งพาวัตถุดิบที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ
ดังนั้น ต้องไปเปรียบเทียบดูจากประเทศรอบบ้าน และในภูมิภาคว่าเป็นอย่างไร ประเทศไทยอยู่ในกลุ่มไหน หลายประเทศอาจจะถูกกว่าไทย เพราะเขามีแหล่งพลังงานในประเทศ เรื่องนี้ขอให้รออีกนิดหนึ่ง เพราะการดูแลไม่ใช่ดูแลคนกลุ่มโน้นกลุ่มนี้ รัฐบาลให้ความสำคัญกับคนที่มีรายได้ไม่มากอยู่แล้ว ทุกคนต้องช่วยกัน เรื่องสถานการณ์พลังงานยังติดพันอีกมากและไม่ใช่ระยะเวลาสั้น รัฐบาลต้องหาวิธีการที่เหมาะสม จะเห็นได้ว่ามีการควบคุมราคาไม่ให้เกิน 30 บาท อีกทั้งจะมีการพิจารณาเรื่องภาษีต่าง ๆ เช่น ภาษีสรรพสามิต ด้วย
นายกรัฐมนตรีกล่าวอย่าลืมว่าถ้าเกี่ยวข้องกับเรื่องเหล่านี้ จะทำให้รายได้ของรัฐลดลงไปมาก มีผลกระทบอื่น ๆ หรือเปล่า จะลดได้แค่ไหนอย่างไร ก็ต้องฟังเสียงจากหลายฝ่าย เดือนหนึ่งประมาณ 3,000 กว่าล้านบาท ถ้าระยะยาว 6 เดือน ก็ประมาณ 18,000 กว่าล้านบาท เป็นตัวเลขคร่าว ๆ เฉพาะเรื่องน้ำมัน แล้วยังมีเรื่องแก๊สอีก รัฐบาลพยายามจะตรึงราคาให้มากที่สุด จึงขอให้เข้าใจด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะขอร้องสมาคมรถบรรทุกด้วยหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลทำความเข้าใจมาโดยตลอด เมื่อวานนี้ผู้ชุมนุมมีความเข้าใจไปแล้วส่วนหนึ่ง ขณะนี้ประเทศไทยเผชิญวิกฤติหลายด้านด้วยกัน และไม่เคยมีรัฐบาลไหนเจอมาก่อน ที่พร้อม ๆ กันอย่างนี้ ตั้งแต่โควิด-19 ราคาน้ำมัน ราคาพลังงาน การแข่งขันทางการค้า ความมั่นคงในภูมิภาค ความขัดแย้งทางทะเล การแข่งขันการลงทุน การย้ายฐาน ประเทศไทยมีศักยภาพมากมาย
ซึ่งนายกรัฐมนตรีพยายามพูดคุยกับต่างประเทศที่เดินทางมาไทย เขาก็ชื่นชมประเทศไทยทุกเรื่อง ทั้งเรื่องการบริหารโควิด-19 ภาคเอกชนชื่นชมในการดูแลช่วยเหลือให้ไม่ต้องปิดโรงงาน ในส่วนแรงงานก็ได้รับการเยียวยา ดูแลเรื่องการฉีดวัคซีนต่าง ๆ เขาบอกว่าของเขาไม่มีแบบนี้ นี่คือสิ่งที่เกิดในประเทศไทย ฉะนั้นสิ่งดี ๆ ก็เกิดขึ้นมาก ดังนั้น ขอร้องสื่อให้ออกสิ่งดี ๆ ไปด้วย ส่วนสิ่งที่เป็นปัญหาก็ดำเนินการแก้ไข
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงเรื่องโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ว่า รถไฟฟ้าสายสีเขียว ถือได้ว่าเป็นรถไฟฟ้าสายแรกของไทย และได้มีการต่อขยายมา ในอดีตเส้นแรกต้องลงทุนกับภาครัฐอย่างเดียว ในปัจจุบันมีการลงทุนรูปแบบ PPP ยืนยันว่า ไม่เอื้อผลประโยชน์ใครทั้งสิ้น ผลประโยชน์เป็นไปเพื่อประชาชนและประเทศชาติ โดยต้องหาแนวทางไม่เพิ่มภาระหนี้สาธารณะ และย้ำว่า คณะรัฐมนตรีไม่มีความขัดแย้งกันทั้งสิ้น ทุกคนมีความเห็น นายกรัฐมนตรีฟังทุกคน ขึ้นกับเหตุและผลและข้อกฎหมายที่มีอยู่ ซึ่งฝ่ายกฎหมายจะไปพิจารณาและมีคำชี้แจงอยู่แล้ว รัฐบาลกำลังแก้ไขปัญหาอยู่ คณะรัฐมนตรีจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ก็สามารถชี้แจงได้