สันติ อิ่มใจจิตต์
ใกล้จะถึงเทศกาลปีใหม่แล้วครับ ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ เวลาที่จะไปเยี่ยมเยียนใคร จะต้องมีของขวัญของฝากไปให้ซึ่งกันและกัน ถ้าท่านผู้อ่านยังนึกไม่ออกว่าจะหาของอะไรดีที่ผู้ได้รับจะต้องคิดถึงผู้ให้ตลอดเวลา ผมมีร้านที่จะแนะนำให้ไปซื้อหามาเป็นของฝากของขวัญครับ
ร้านแรกนี้ไม่ใช่ใครอื่นก็คือ ร้าน The Cup ที่โด่งดังเป็นร้านอาหารยุโรประดับตำนานขนานแท้ที่มีรสชาติอร่อยจนเป็นที่กล่าวขานมานานกว่า 40 ปี แต่ได้ปิดตัวลงไปแล้วท่ามกลางความเสียดายของบรรดาเซเลบและนักชิมอาหารยุโรป แต่ช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่นี้
คุณเป๊าะ สุมัณฑนา โมกขะเวส เจ้าของร้าน The Cup ทนเสียงเรียกร้องรบเร้าจากบรรดาลูกค้าแฟนเก่าๆ ที่คุ้นเคยรสชาติของขวัญของฝากของ The Cup ไม่ได้ จึงเปิดร้าน The Cup ที่ชั้น 3 อาคารเลครัชดา ขายเฉพาะของขวัญของฝากเป็นพิเศษ ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 30 ธันวาคม นี้ เท่านั้น
โดยมี Cookie รสชาติยุโรปแท้ๆ วัตถุดิบนำเข้าที่ต้องคัดเลือกชนิดที่ดีที่สุดมาผลิต ชนิดที่ว่าผู้รับเมื่อได้ชิมแล้วจะต้องถามว่าซื้อมาจากที่ใด ทำไมจึงอร่อย หอม หวาน ชุ่มฉ่ำ อย่างนี้ โดยมีให้เลือก คือ
Cookie น้ำหนัก 150 กรัม ราคา 200 บาท
น้ำหนัก 200 กรัม ราคา 260 บาท
น้ำหนัก 500 กรัม ราคา 560 บาท
Cookie Long Box มี 4 รส น้ำหนัก 200 กรัม ราคา 900 บาท
ที่สำคัญคือ น้ำสลัด ที่จะหารสชาติอย่างของร้าน The Cup ไม่ได้ง่ายๆ เมื่อได้ชิมแล้วรับรองว่าจะต้องติดใจ ขาย Set Dressing ชุดละ 490 บาท
ติดต่อได้ที่คุณสมศรี โทรศัพท์ 06-1794-9111 หรือ โทร.0-2264-0247 วันจันทร์-วันเสาร์ จนถึงวันพฤหัสบดีที่ 30 ธันวาคม นี้ ครับ
ร้านของขวัญของฝากร้านต่อมาคือ ร้านก๋วยเตี๋ยวลุยสวน คุณทิพย์ โทร.08-6603-4727, 08-4005-5420 อยู่ที่ตลาดหลังการบินไทย (ตลาดลุงเพิ่ม) เป็นร้านอาหารเพื่อสุขภาพเป็นที่รู้จักกันอย่างดีในหมู่คนที่รักสุขภาพทั่วๆ ไป เป็นเวลานานกว่า 20 ปี
ร้านนี้ผมรู้จักโดยบังเอิญ เนื่องจากมีผู้ที่เคารพนับถือซื้อมาฝากเนื่องในเทศกาลปีใหม่ที่หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ เมื่อได้ชิมแล้วถึงกับต้องโทรศัพท์กลับไปสอบถามผู้ที่นำมาให้ เพราะรสชาติอร่อยมากเหลือเกิน จึงได้ทราบว่าร้านนี้อยู่ที่หลังการบินไทย จึงได้ตามไปถึงที่
สอบถามเจ้าของร้านคือ คุณทิพย์ นราวัลลภ์ สี่สุวรรณกุล ซึ่งเคยทำงานเป็นพนักงานบริษัทแล้วลาออกมาค้าขายเล็กๆ น้อยๆ ที่บ้าน แต่ตัวเธอนั้นเป็นคนที่ชื่นชอบรสชาติของอาหารเวียดนาม ซึ่งเป็นอาหารเพื่อสุขภาพเป็นชีวิตจิตใจ แต่ด้วยความบังเอิญหรือจังหวะชีวิตจะดีขึ้นก็เหลือที่จะเดา
วันหนึ่งน้ำจิ้มของอาหารเวียดนามหมด ก็เลยเอาน้ำจิ้มซีฟู้ดที่มีอยู่ใส่ลงไปแทนแล้วลองชิมดูก็ได้รสชาติอร่อยไปอีกแบบ อร่อยกว่าอาหารเวียดนามที่เคยชื่นชอบเสียอีก ก็เลยเติมโน่นเติมนี่แล้วให้เพื่อนฝูงลองชิม ทุกคนก็บอกว่า อร่อย ควรที่จะทำออกมาขายให้นักชิมทั้งหลายได้รู้ถึงฝีไม้ลายมือ
เมื่อมาได้ทำเลที่อยู่หลังการบินไทยที่สามีทำงานอยู่แผนกบัญชี เปิด ร้านก๋วยเตี๋ยวลุยสวนคุณทิพย์ เป็นต้นตำรับ โดยไม่มีสาขาอื่นใดทั้งสิ้น เป็นสูตรที่คิดค้นมาได้ด้วยตนเอง ซึ่งในการขายนั้นต้องคัดเลือกวัตถุดิบต่างๆ เพื่อสุขภาพจริงๆ ตั้งแต่เลือกผัก เนื้อหมูที่ช่วงนี้มีราคาแพงมาก ก็เลือกจากฟาร์มที่มีคุณภาพและเครื่องปรุงต่างๆ ก็ใช้แต่ของดีๆ แพงเท่าไรก็สู้ขอให้ได้แต่ของดีๆ ก็แล้วกัน ไม่มีการแต่งสีหรือใส่สารกันบูด ทำวันต่อวัน
เริ่มจากการใช้แผ่นก๋วยเตี๋ยวที่จะนำมาห่อก็ไม่ใช่แผ่นก๋วยเตี๋ยวธรรมดา ต้องเอามาทำเพิ่มพิเศษ ปรับปรุงให้สุก ซึ่งถือเป็นความลับขั้นสุดยอด สำหรับไส้ ซึ่งมีเพียงแค่สามไส้ คือ ไส้หมู ไส้กุ้ง และไส้มังสวิรัติ ไส้หมูนั้นต้องใช้ทั้งสันใน สะโพก คอหมู เอามาปั่นรวมกันอย่างหยาบๆ จะเข้ากันเป็นอย่างดี ทั้งเหนียว นุ่ม มัน แล้วนำหมูที่ปั่นแล้วมาผัดใส่แครอท เห็ดหอม เต้าหู้ที่หั่นแบบลูกเต๋า ปรุงรสด้วย เกลือ พริกไทย ซีอิ๊ว ฯลฯ
เสร็จแล้วก็เอามาห่อ เวลาห่อจะใช้แผ่นก๋วยเตี๋ยวรองด้านล่าง ใส่ผักกาดหอม โหระพา และหมูที่ผัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว เวลากินก็นำมาตักแบ่งเป็นครึ่งชิ้น ตักน้ำจิ้มที่อร่อยสุดยอดที่ไม่มีใครเหมือน ทำจากมะนาวแท้ๆ พริกขี้หนูสวน พริกขี้หนูใหญ่ กระเทียม น้ำตาลปีบ เกลือ เรียกว่าพอได้กลิ่นเตะจมูกก็ต้องบอกว่า ใช่เลย ราดลงไป ใส่ปากเคี้ยว แกล้มด้วยผักสดๆ ที่หน้าหนาวอย่างนี้กรอบอร่อย
เช่น ผักชี ผักกาดหอม โหระพา ก็เรียกว่าลุยสวนกันจริงๆ เลยครับ ยิ่งเคี้ยวก็ยิ่งมันปากอร่อยมาก เพราะนอกจากหวานมันแล้วยังมีรสเผ็ดนิดๆ ยิ่งกินก็ยิ่งเผ็ดลึกแต่อร่อย จะเพลิดเพลินกินไปเรื่อยๆ ไม่รู้จักอิ่มกินแล้วเบาท้องไม่หนักท้องเหมือนอาหารอย่างอื่นครับ
ราคาขายไส้หมูกับไส้มังสวิรัติ ชิ้นละ 9 บาท ไส้กุ้ง ชิ้นละ 16 บาท โดยจัดใส่ถาดให้อย่างสวยงามครับ โดยไส้หมูและไส้มังสวิรัติ มีขนาดเล็ก 5 ชิ้น 45 บาท ขนาดกลาง 10 ชิ้น ราคา 90 บาท และขนาดใหญ่ 20 ชิ้น ราคา 180 บาท ส่วนไส้กุ้ง ขนาดเล็ก 5 ชิ้น ราคา 80 บาท ขนาดกลาง 10 ชิ้น ราคา 160 บาท และขนาดใหญ่ 20 ชิ้น ราคา 320 บาท ร้านปิดตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม จะเปิดให้บริการวันที่ 4 มกราคม พ.ศ.2565 ครับ
ของขวัญของฝากร้านสุดท้ายของปีนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่นอีกเช่นกัน เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักชิม มีแฟนๆ ขาประจำที่คอยตั้งตารอกันอย่างเหนียวแน่น เพราะปีหนึ่งจะทำออกมาขายให้ได้ชิมเพียงครั้งเดียว และเป็นระยะเวลาเพียงแค่ 10 วันเท่านั้น ไม่มีต่อเวลาอีก
คือ ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 25 ธันวาคม 2564 ถึงวันที่ 3 มกราคม 2565 คือ บลูเบอร์รี่พาย ของ ร้านพระรามเก้าไก่ย่าง ที่อาหารของร้านได้รับรางวัลระดับโลก บิบกูร์มองด์ ในคู่มือ มิชลินไกด์ ถึง 2 ปีซ้อน คือ ปี 2563-2564 โดยเมนูเด็ดคือ ส้มตำไทย ไก่ย่าง คอหมูย่าง และลาบเป็ด
ส่วน บลูเบอร์รี่พาย นั้น เป็นฝีมือของ คุณพลอย ชนิลเนตร ต่อสหะกุล บุตรสาวของเจ้าของร้านที่เรียนจบปริญญาโททางด้านวิทยาศาสตร์โภชนาการจากมหาวิทยาลับมหิดล ได้เลือกใช้วัตถุดิบชนิดที่ดีที่สุด ตั้งแต่ เนย ขนมปัง นมข้น บลูเบอร์รี่ ฯลฯ
เวลาที่ทำก็ต้องใส่อย่างชนิดที่ว่าไม่หวงของ โดยขายเป็นถาดๆ ใส่กล่องสวยงาม ราคาขายคงเดิมมาหลายปีทั้งๆ ที่ วัตถุดิบแพงขึ้นเรื่อยๆ ราคาถาดละ 480 บาท หรือชิ้นละ 60 บาท รับประกันได้เลยว่ามีรสชาติที่อร่อยมาก เป็นของฝากของขวัญที่ผู้รับไม่รู้ลืม ติดต่อสั่งจองได้ที่ร้านพระราม 9 ไก่ย่าง ซอยพระรามเก้า 39 หรือ โทร. 08-8847-3939 และโทร 0-2318-3939 ครับ