เปลว สีเงิน
เราเคยถามตัวเองบ้างมั้ยว่า….
ตลอด ๖-๗ ปีมานี้
ทำไม จึงเกิดขบวนการ “หมิ่นสถาบัน” มุ่งสู่การล้มล้างเกิดขึ้น ชนิดจงใจและเปิดเผย?
ทำไม จึงเกิดขบวนการต่อต้าน-ขับไล่นายกฯประยุทธ์เกิดขึ้น จงใจชนิด โดยไม่เกี่ยงวิธีการและรูปแบบ?
ทำไม จึงเกิดขบวนการ เปิดคลับเฮาส์ เพื่อพูดจาดูหมิ่น-ดูแคลนคนภาคอีสาน ภาคใต้เกิดขึ้น ชนิดจงใจ?
ทำไม จึงเกิดขบวนการจ้องหยิบฉวยราคาเฉพาะหน้า เช่น ข้าวเปลือก ผักชี น้ำมันดีเซล มาสร้างกระแสบิดเบือน โดยหลีกเลี่ยงพูดถึงข้อเท็จจริงและสาเหตุ เพียงใช้วาทกรรมนั้น มุ่งโจมตีรัฐบาลอย่างเดียว?
นั่น เพราะอะไร?
ถ้าจะให้ผมตอบ ก็ตอบได้เลยว่า เพราะการเมือง เรื่องชิงเมือง!
ใครล่ะ จะชิงเมือง?
ก็ “ทักษิณ” ไง!
ลำพังทักษิณ อหังการถึงขนาดนั้นเชียวหรือ?
ก็คงไม่ถึงขนาดนั้น ถ้าขบวนการ ๘ กลุ่มทุน องค์การ CFR ที่ครอบงำกลไกเศรษฐกิจ, การเมือง, การเงิน ของสหรัฐและยุโรป ไม่หนุนหลัง
หนุนเพื่ออะไร?
ก็เพื่อให้ระบอบทักษิณกลับมามีอำนาจบริหารอีกน่ะซี
เพราะถ้าระบอบทักษิณครองอำนาจ มันก็ง่าย ที่เขาจะ win-win ด้วยกันอย่างเคย
เปิดประเทศให้ ยุโรป-สหรัฐฯ เข้ามาใช้เป็นฐาน แย่งชิงความเป็นเจ้าเข้าครอง “อินโด-แปซิฟิก” กับจีน
เห็นมั้ยล่ะ…
สมัยยิ่งลักษณ์เป็นนายกฯ ประธานาธิบดี “โอบามา” มาไทย ประตูเมืองงี้ เปิดอ้าซ่า
ทำเอาชาวบ้าน-ชาวเมืองและชาวโลกต่างซี๊ดปาก กระซิบเชิงอิจฉาปนนินทากันว่า
“ถ้าโอบามาอยู่นานกว่านี้อีกนิด เห็นทีไทยจะเสียเมืองชั้นในให้สหรัฐฯ เป็นแน่แท้!?
“อินโด-แปซิฟิก” สำคัญอะไรนักหนา?
มันคืออำนาจครอบครอง ๒ มหาสมุทร คือมหาสมุทรอินเดียกับมหาสมุทรแปซิฟิก
ใครครอง ๒ มหาสมทุรนี้ได้ เท่ากับครองโลก!
ทั้งอาเซียน เอเชียตะวันออก เอเชียใต้ ตะวันออกกลาง และออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ เรียกว่าประเทศในย่านเหล่านี้ทั้งหมด
ต้องสยบยอมให้กับ “เรือดำน้ำนิวเคลียร์” สถานเดียว!!
ประตูเชื่อมจักรวาลอำนาจโลกที่ว่านี่ มันอยู่ตรง “ช่องแคบมะละกา” ที่ทุกเรือสินค้าและน้ำมันต้องมาลอดเข้า-ลอดออกนั่นแหละ
ด้วยภูมิศาสตร์ภูมิภาคที่ตั้งประเทศไทยเรา มันเป็นจุดที่ยักษ์วัดโพธิ์กับยักษ์วัดแจ้ง กางแผนที่แล้ว ต่างบอก
“ใครจะยอมให้ใครมาใช้เป็นฐาน(ฝ่ายเดียว)ไม่ได้”!
แต่ไทยไม่ใช่ “นางวันทอง”
หากแต่ไทยมีเชื้อสาย “ศรีธนญชัย” จึงอยู่กลางเขาควาย แบบเอี้ยวซ้ายก็เสียวนิด เอี้ยวขวาก็สยิวหน่อย
แต่สามารถรักษาชีวิตและพรหมจรรย์มาได้ตลอด ด้วยสไตล์ “ศรีธนญชัยทอล์ค”
แล้วทำไมต้องมุ่งล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์?
เพราะ “การเมืองชิงเมือง” นั่นเป็นเหตุ
ถ้าลองทบทวน ทุกคนก็ทราบ พระมหากษัตริย์ทรงอยู่เหนือการเมือง
ในเอกลักษณ์ความเป็นชาติ
“พระมหากษัตริย์” กับ “ประชาชน” ประหนึ่งแสงแดดกับพยับแดด
มีแดด ต้องมีพยับแดด เห็นแสงแดด ก็ต้องเห็นพยับแดด
เมื่อพระมหากษัตริย์กับประชาชนแยกออกจากกันไม่ได้ รัฐบาลพลเอกประยุทธ์……
โดยแก่น ก็คือประชาชน เป็นพยับแดดอยู่ในสถานะ “หัวหน้ารัฐบาล” ปัจจุบัน
เผอิญพลเอกประยุทธ์ไม่ใช่คนมักใหญ่ใฝ่สูง มีความสัตย์ซื่อเป็นที่ตั้ง จึงพิทักษ์รักษาเนื้อของชาติ คือ “พระมหากษัตริย์, พระศาสนาและประชาชน” เข้มข้น
ไม่ยอมเอาชาติบ้านเมืองไปแลกผลประโยชน์กับใครหรือกับต่างชาติ
เมื่อสถานการณ์โลก มันมาถึงจุดไคลแมกซ์เอาตอนพลเอกประยุทธ์มาเป็นนายกฯ จะพูดว่า เป็นตาซวยของพลเอกประยุทธ์ แต่เป็นคราโชคดีของประเทศ ก็น่าจะได้
เพราะยุคระบอบทักษิณ หมูเขาจะหามกันอยู่แล้วเชียว
พลเอกประยุทธ์ ดันเป็นคานเข้ามาสอด!
ในเมื่อไม่ยอมอย่างระบอบทักษิณยอม เขาก็ต้องหาวิธีกำจัดพลเอกประยุทธ์ให้พ้นไปจากวิถีการเมือง
เขาใช้วิธีไหน?
ก็วิธีเดิมๆ นั่นแหละ เมื่อไม่ยอมเป็นพวกก็ฆ่าทิ้ง พูดกันตรงๆ เรื่องตื้นลึกหนาบางทั้งภายใน-ภายนอกของเมืองไทย
คนไทยน่ะ ที่รู้ ๑ ก็ยังแค่เปลือก
อีก ๙๙ นั่นน่ะ จักรวรรดินิยมอำนาจยุโรป-สหรัฐ มันรู้ลึกทะลุเปลือก-ทะลุเนื้อ!
ขณะเดียวกัน มันทั้งวางคน-วางแผนเดินกลไกลับๆมาตลอด ไม่ใช่ ๑๐-๒๐ ปี เอากันแคบๆ ตั้งแต่ ๒๔๗๕ นั่นมาเลยด้วยซ้ำ
จะกินดำทำยังไง?
ก็ต้องแทงแดงให้แตกกระจายก่อน นั่นหมายถึง การจะเข้าครองประเทศไทยได้ ต้องทำให้คนไทยที่เหนียวแน่นกัน “แตกกระจาย” ออกจากกันก่อน
นั่นคือการทำให้คนไทย “แตกสามัคคี” ปั่นจิ้งหรีดให้กัดกันเอง จากนั้น การแทรกแซงเข้าไปสู่การยึดครองไม่ยาก
ประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน ความเท่าเทียม เป็นท่าไม้ตายที่สหรัฐ-ยุโรปใช้ปลุกปั่นกับทุกประเทศที่เขาต้องการ คือให้ประชาชนที่แตกแยกก่อจลาจลฆ่าตีกันเอง
ตัวแสดงของภาพยนตร์ประชาธิปไตย ที่สหรัฐ-ยุโรป ทั้งเขียนบท ทั้งกำกับการแสดง และลงทุนสร้าง ก็เห็นหน้าค่าตากันอยู่มิใช่หรือ
ไม่ว่า ทักษิณ ธนาธร ปิยบุตร นักวิชาการ จานมหา’ลัย บางพรรคการเมือง เอ็นจีโอ พระสงฆ์องคเจ้า เด็กเล็ก ไม่เว้นกระทั่ง กะเทย โสเภณี สื่อ และฯลฯ
มันจึงเอาการเมืองเข้าไปในสถาบัน ทั้งที่พระมหากษัตริย์ทรงอยู่เหนือการเมือง
เพราะมันรู้ ในเมื่อพระมหากษัตริย์เป็นศูนย์รวมใจ จึงใช้วิธี ปลุกประเด็น “ล้มล้างสถาบัน” หลังจากระบอบทักษิณล่มสลาย เมื่อ ๒๒ พฤษภา.๕๗ ชนิดเข้มเรื่อยมา
เขาต้องการให้ประชาชนแตกแยก ทะเลาะกัน และเป็นสัตรูห้ำหั่นกันเอง ซึ่งก็ได้ผลระดับหนึ่งแล้ว
การเปิดคลับเฮาส์ พูดหมิ่นแคลนคนภาคอีสาน นี่ก็แบบเดียวกัน
คนไทย ๗๐ ล้านคน เป็นคนภาคอีสานราวๆ ๒๒ ล้านคน เรียกว่าร้อยละ ๔๐
ฉะนั้น จึงไม่น่าแปลก ที่เห็นเอ็นจีโอ ซีไอเอ และองค์กรต่างๆของสหรัฐฯ เบื้องหน้าเป็นเทพ เบื้องหลังเป็นซาตาน
แทรกแซงกิจการภายในทางบ่อนทำลายกระจายตัวอยู่ที่อีสานมากสุด!
การดูถูก-ดูแคลน พี่น้องทางอีสานของเขา ก็ได้ผลทางสร้างความแตกแยกในหมู่คนไทยได้ผลทันตา
ตอนนี้ จิ้งหรีด ปราดเข้ากัดกันตามแผนเขาอุตลุต
ต่อไป ก็ทางเหนือ-ทางใต้ คอยดูเหอะ ถูกเขาปั่นให้กัดกันเองเป็นรายต่อไป
ถ้าอยากรู้ ขบวนการปั่นนี้พวกไหน ไม่ยาก
สังเกตง่ายๆ เรื่องวัคซีน ด่ารัฐบาลขรม จัดหาช้า แถมมีแต่ซิโนแวค ไม่เอา จะเอา mRNA อย่างไฟเซอร์ โมเดอร์นา
แล้วเสียเงินไปจองโมเดอร์นากับหมอกะล่อน แต่โมเดอร์นาไม่มาตามนัด
ปรากฎว่า เสียเงินแต่ “เงียบกริบ” ไม่ปั่นทวีต ไม่แฮชแท็ก ไม่ต่อว่า-ต่อขานจอมกระล่อนกันเลยซักคำ
แต่กรณีนายกฯ เรื่องไม่เป็นเรื่อง จับทุกเม็ด-ทุกประเด็น หาเหตุมาโพสต์ มาทวีต เพื่อเยาะเย้ย ถากถาง ด่าว่าสารพัด
ทั้งที่ไปเวที COP 26 ที่กลาสโกว์ ทั้งเรื่องปลูกผักชี เรื่องข้าวเปลือกกิโลละ ๕ บาท เรื่องดีเซล ต่างๆ นานา
นี่คืออะไร?
ก็คือ พวกเงียบกริบจากเสียเงินวัคซีนเทพ กับพวกปั่นข่าวหน้าจอ หน้าเฟซ ด่านายกฯ คือคนขบวนการเดียวกัน!
นั่นคือ ข่าวเฟก ข่าวยุแยง ข่าวบิดเบือนทางมุ่งทำลาย ที่เห็นเกลื่อนจอ เกลื่อนออนไลน์ นั้น
ไม่ใช่จากคนส่วนใหญ่
หากแต่ เป็นพวกขบวนการปั่นจิ้งหรีด ปั่นสังคมด้วยข่าวสารด้านลบที่จัดตั้งขึ้น เพื่อให้สังคมแตกสามัคคี และเกิดสงครามประชาชน
แล้วมันจะเข้าแทรกทันที ตรงรอยแยก-รอยแตกนั่น!
ตอนนี้ หยิบประเด็น แก้-ล้ม ม.๑๑๒ เป็นการใหญ่ ซึ่งมันรู้ว่าทำไม่ได้ สภาเคยตีตกไปครั้งแล้วด้วยซ้ำ เพราะขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญ มาตรา ๖
แต่ที่พยายามโหม มันเป็นแผนสร้างข่าวกระแทกสถาบันให้เป็นกระแสสู่การวิพากษ์-วิจารณ์ไปเรื่อยๆ
เรียกว่าสุมไฟสร้างอุณหภูมิให้ร้อนไปสู่จุดลุกฮือทางประชาชนให้จงได้
อยากบอกธนาธร โดยเฉพาะปิยบุตรด้วยหวังดีไว้นิด
คุณมีสิทธิที่จะไม่พูด…
แต่ประเด็นที่คุณพูดถึงสถาบันในคลับเฮาส์ ในเพจก้าวหน้าระยะนี้ มันเป็นหลักฐานมัดตัวคุณเรียบร้อยแล้ว
“กิ้งกือตกท่อ”
ภาษาฝรั่งเศสเขาว่าไงนะ…บูด?
