กรมทางหลวง (ทล.) กระทรวงคมนาคม สรุปสถานการณ์อุทกภัยและดินสไลด์บนทางหลวง ประจำวันที่ 28 กันยายน 2564 เวลา 12.30 น. พบทางหลวงถูกน้ำท่วม/ดินสไลด์ในพื้นที่ 17 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชัยภูมิ เลย ขอนแก่น นครราชสีมา อุบลราชธานี สุโขทัย ลพบุรี กำแพงเพชร พระนครศรีอยุธยา เพชรบูรณ์ สุพรรณบุรี นครสวรรค์ อุทัยธานี นนทบุรี ปราจีนบุรี สุรินทร์ และสระแก้ว จำนวน 69 สายทาง 125 แห่ง ทางหลวงที่การจราจรผ่านได้ 80 แห่ง การจราจรผ่านไม่ได้ 45 แห่ง สำหรับจังหวัดที่การจราจรผ่านไม่ได้ 10 จังหวัด
นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยว่า ตามที่นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับมือพายุดีเปรสชันเตี้ยนหมู่ โดยให้ดำเนินการตามแผนบรรเทาสาธารณภัยอย่างเคร่งครัด พร้อมวางแนวทางป้องกัน ฟื้นฟู เยียวยาหลังสถานการณ์คลี่คลายในทุกมิติ พร้อมทั้งเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างทันท่วงที และประชาสัมพันธ์การดำเนินการให้ประชาชนให้รับทราบนั้น ทล. ขอรายงานรายละเอียดสถานการณ์ประจำวันที่ 28 กันยายน 2564 เวลา 12.30 น. ในจังหวัดการจราจรที่ผ่านไม่ได้ 10 จังหวัด จำนวน 45 แห่ง โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. จังหวัดชัยภูมิ จำนวน 4 แห่ง 3 สายทาง ได้แก่ ทล.201 พื้นที่อำเภอจัตุรัส ช่วง กม. ที่ 107 – 118 ทล.2170 พื้นที่อำเภอจัตุรัส ช่วง กม. ที่ 0 – 4 และช่วง กม. ที่ 15 – 18 และ ทล.2179 พื้นที่อำเภอจัตุรัส ช่วง กม. ที่ 14
2. จังหวัดนครราชสีมา จำนวน 2 แห่ง 2 สายทาง ได้แก่ ทล.205 พื้นที่อำเภอโนนไทย
ช่วง กม. ที่ 212 – 217 และ ทล.2068 พื้นที่อำเภอโนนไทย ช่วง กม. ที่ 35 – 37
3. จังหวัดสุโขทัย จำนวน 5 แห่ง 5 สายทาง ได้แก่ ทล.12 พื้นที่อำเภอเมือง ช่วง กม. ที่ 166 – 171 ทล.101 พื้นที่อำเภอเมือง ช่วง กม. ที่ 79 – 82 ทล.125 พื้นที่อำเภอศรีสำโรง ช่วง กม. ที่ 14 – 19ทล.1347 พื้นที่อำเภอศรีสำโรง ช่วง กม. ที่ 0 – 5 และ ทล.1195 พื้นที่อำเภอเมือง ช่วง กม. ที่ 0 – 1
4. จังหวัดลพบุรี จำนวน 10 แห่ง 3 สายทาง ได้แก่ ทล.205 พื้นที่อำเภอโคกสำโรง (ช่วง กม. ที่ 27, 32, 53, 63, 68 – 71, 82 และ 100 – 104) ทล.2260 พื้นที่อำเภอลำสนธิ ช่วง กม. ที่ 1 – 2 และทล.2243 พื้นที่อำเภอชัยบาดาล ช่วง กม. ที่ 0 – 1
5. จังหวัดกำแพงเพชร จำนวน 4 แห่ง 1 สายทาง ได้แก่ ทล.1 พื้นที่อำเภอเมือง ช่วง กม.
ที่ 419 และ 431 – 432
6. จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จำนวน 3 แห่ง 1 สายทาง ได้แก่ ทล.32 พื้นที่อำเภอหันสัง ช่วง กม. ที่ 32, 39 และ 43
7. จังหวัดเพชรบูรณ์ จำนวน 4 แห่ง 2 สายทาง ได้แก่ ทล.21 พื้นที่อำเภอศรีเทพ ช่วง กม. ที่ 99 – 102 พื้นที่อำเภอวิเชียรบุรี ช่วง กม. ที่ 112 – 116 และ ทล.2275 พื้นที่อำเภอวิเชียรบุรี ช่วง กม. ที่ 33 – 34 และ 44 – 48
8. จังหวัดสุพรรณบุรี จำนวน 2 แห่ง 2 สายทาง ได้แก่ ทล.33 พื้นที่อำเภอเมือง ช่วง กม. ที่ 9 และ ทล.340 พื้นที่อำเภอบางปลาม้า ช่วง กม. ที่ 59
9. จังหวัดนครสวรรค์ จำนวน 10 แห่ง 8 สายทาง ได้แก่ ทล.1 พื้นที่อำเภอตาคลี ช่วง กม. ที่ 339 ทล.11 พื้นที่อำเภอท่าตะโก ช่วง กม. ที่ 68 พื้นที่อำเภอไพศาลี ช่วง กม. ที่ 71 – 72 ทล.225 พื้นที่อำเภอหนองบัว ช่วง กม. ที่ 82 – 84 ทล.1072 พื้นที่อำเภอแม่วงก์ ช่วง กม. ที่ 44 และ 62 – 63 ทล.1119 พื้นที่อำเภอท่าตะโก ช่วง กม. ที่ 31 – 34 ทล.3004 พื้นที่อำเภอท่าตะโก ช่วง กม. ที่ 49 – 54 ทล.3013 พื้นที่อำเภอลาดยาว ช่วง กม. ที่ 41 – 44 และ ทล.3330 อำเภอไพศาลี ช่วง กม. ที่ 20 – 29
10. จังหวัดอุทัยธานี จำนวน 1 แห่ง 1 สายทาง ได้แก่ ทล.3456 พื้นที่อำเภอทัพทัน
ช่วง กม. ที่ 3
โดยแขวงทางหลวงในพื้นที่เร่งให้ความช่วยเหลือดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม น้ำป่าไหลหลาก ดินสไลด์ พร้อมเร่งระบายน้ำและบำรุงรักษาเส้นทาง โดยบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อบรรเทาความเดือนร้อนของประชาชนและให้ประชาชนได้รับความสะดวกปลอดภัยจากการสัญจรโดยเร็วที่สุดอย่างต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง
ทั้งนี้ ทล. ได้สั่งการให้สำนักงานทางหลวง แขวงทางหลวง หมวดทางหลวงทั่วประเทศ เฝ้าระวัง และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากมีพื้นที่ใดประสบปัญหา เจ้าหน้าที่จะเข้าพื้นที่เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนทันที ตามนโยบายของ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
นอกจากนี้ ทล. ได้ติดตั้งป้ายเตือนและอุปกรณ์ความปลอดภัย อุปกรณ์นำทาง ในบริเวณทางหลวงที่ถูกน้ำท่วม พร้อมเฝ้าระวังสถานการณ์จนกว่าจะคลี่คลาย โดยขอให้ประชาชนผู้ใช้ทางโปรดใช้ความระมัดระวังในการเดินทาง ปฏิบัติตามป้ายเตือน ป้ายแนะนำ และคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด หากต้องการสอบถามสภาพเส้นทาง สภาพการจราจร หรือต้องการความช่วยเหลือสามารถติดต่อ ได้ที่สำนักงานทางหลวง แขวงทางหลวง หมวดทางหลวงในพื้นที่ และสายด่วนกรมทางหลวง 1586 (โทรฟรีทุกเครือข่ายตลอด 24 ชั่วโมง) และสามารถติดตามการรายงานสถานการณ์สภาพเส้นทางและเส้นทางเลี่ยงได้ที่ ทวิตเตอร์ : กรมทางหลวง @prdoh1