แซะจน “เสียมหัก” จนได้-เปลว สีเงิน

เปลว สีเงิน

วันนี้ นึกว่าคงไม่ไหว….
เพราะหัวหมุนติ้วแต่เช้า กะนอนคุยกับเพดานซักวัน
แต่ฟังโขมงโฉงเฉงข่าวจากโทรทัศน์ ที่ว่า….
การที่พลเอกประยุทธ์ “แยกคนละทาง” กับ “พลเอกประวิตร” ในการลงพื้นที่ เมื่อวาน (๒๒ กย.)
นั่นคือการวัด “พลังบารมี” ว่าใครเหนือใครและสส.พรรคพลังประชารัฐ “จะเลือกข้างไหน”?
แล้วก็นับจำนวนหัวสส.ที่ตามลงพื้นที่ ใครจะมากกว่าใคร ปรากฏว่า ที่ตามนายกฯไปเพชรบุรี “น้อยกว่า”
สู้ลุงป้อมไม่ได้…

“ธรรมนัส” เลขาฯ พรรค นำทีมสส.ตามเป็นหางราชสีห์ ตั้ง ๕๐ กว่าคน
“พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา” ที่พลเอกประวิตรตั้งเป็น “ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค” ก็ไปด้วยรถคันเดียวกัน
สรุป นายกฯ “ตีนลอย”

สส.พลังประชารัฐ “เอาป.ป้อม” ไม่เอา “ป.ประยุทธ์”!
ฟังแล้วก็เอนจใจ

ความจริงทั้งฟังทั้งอ่านข่าว ” ๒ ป.แตกกัน” มาหลายวันแล้ว ดูที่มา-ที่ไป ก็เห็นแต่คำว่า “แหล่งข่าว” บ้าง หยิบแต่ละกริยาการของ ๒.ป.มาปะติด-ปะต่อ

แล้วเป็นตุ-เป็นตะว่า นั่นคือสัญญาน “ผีไม่เผา-เงาไม่เหยียบ” กันแล้วบ้าง
คือไม่มีตัวตนคนพูดเรื่องนี้เลย นิมิตแล้วตีเป็นข่าวกันเอง เป็นเรื่องราวใหญ่โต หนักๆเข้าชักเวิ้งว่าง ก็อ้าง “แหล่งข่าววงใน”

วงในคือใคร คือ “พชรว.นิวส์” ใช่ป่าว?
ยุหวังให้แตก ด้วยคิดง่ายๆ และโง่ๆ ว่า เมื่อพี่ป้อมเบ็ดเสร็จในพรรค ตัดนายกฯ พ้นจากวงจรพรรคแล้ว ขั้นต่อไป ก็เป็นกาวใจ “เพื่อไทย-พลังประชารัฐ” จับมือกันตั้งรัฐบาล

“โหวตค่ำ” คราวนี้ไม่ได้….
เลือกตั้งครั้งใหม่ ก็จะตั้งร่วมกัน โดยพลังประชารัฐมีแค่ป.ป้อม ไม่มีป.ประยุทธ์!

โถ…
“บ้องตื้น” ทั้งสำนักเสี้ยม ลุงป้อมก็ “เตือนน้อง” บ้างก็จะดี ว่ามึงจะพาพี่ไปตายรึไง?

นายกฯน่ะ….
เขาไม่กลัวพลังประชารัฐจะไม่เอาหรอก พลังประชารัฐตะหาก ที่กลัวว่า “นายกฯ จะไม่เอาพลังประชารัฐ”!

แต่ก็พอดี ที่เรื่องนี้ “ออกจากปาก” ลุงป้อมเอง เมื่อวาน ผมอ่านข่าวเว็บไซท์ตอนบ่าย ยังไม่แน่ใจ จนเมื่อฟังจากคลิปข่าว ก็ชัด ดังนั้น ที่ว่าจะไม่คุยวันนี้ ก็มีเรื่องให้ต้องคุย

พลเอกประวิตร “ดับข่าว” นี้ว่าไง…?
ก็อ่านเอานะ

ที่นำมาลงนี้ ผมคัดจากเว็บ “ผู้จัดการ ออนไลน์” ลุงป้อมตอบคำถามนักข่าว ที่ตามไปดูพื้นที่เตรียมการรับมือน้ำท่วม

นักข่าว:มีการตั้งข้อสังเกตการลงพื้นที่ของท่านว่า มี ส.ส.มารอต้อนรับเยอะ และลงพื้นที่วันเดียวกับนายกฯ ถือเป็นการวัดพลังทางการเมือง?

พล.อ.ประวิตร:ไม่มี ไม่ได้วัดพลัง ผมกับนายกฯ ดีกันอยู่ตลอดเวลา เจอกันทุกวัน จะให้ทะเลาะกันได้อย่างไร
ความจริงแล้ว นายกฯ ก็อยากลงพื้นที่มาดูที่บางบาล แต่ผมวางแผนไว้ก่อนแล้ว ท่านก็เลยไปลงพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี มันตรงกันพอดี ไม่ได้มีอะไร

นักข่าว:ส.ส.มารอต้อนรับเยอะมาก

พล.อ.ประวิตร:ไม่มีอะไร ที่แล้วผมไปที่ไหนก็มี ส.ส.ไปมากแบบนี้ทุกที่ ผมไปภาคใต้ ก็มีมากอย่างนี้ทุกพื้นที่ พวกเธอเพิ่งมากัน ในพรรคผมไม่มีอะไร เรียบร้อย รักกัน คุณไปเขียนกันเอง ไม่เชื่อผม”

นักข่าว:จากนี้ จะเห็นการลงพื้นที่มากขึ้น

พล.อ.ประวิตร:ก็ต้องดูแลประชาชนมากขึ้น นายกฯ กำชับ ส.ส.ให้ลงพื้นที่เพื่อเตรียมการเลือกตั้งในปีนี้ หรือปีโน้นต่อไปก็แล้วแต่”

เนี่ย…
คู่กรณีที่ข่าวจับชนกัน ว่าอย่างนี้ ส่วนใครจะว่าไง ก็ว่ากันไปด้วยสติปัญญาวินิจฉัย

แต่สติปัญญาอย่างนายณัฐวุฒิ เป็นไพร่ค่ารถจ่ายหน้างานแล้วยังล้มเหลว วานซืน หันไปเป็นนักวิเคราะห์ข่าว เห็นโพสต์ยาวเหยียด
ใครเขียนให้ล่ะ ?

จับไมค์ปลุกระดม “เผาไปเลยพี่น้องงง…” ผมเชื่อ เพราะเห็นมาแล้ว
แต่การเขียนบทวิเคราะห์-วิจารณ์ยาวเหยียดแบบนั้น ผมไม่เชื่อ ว่าไพร่เต้นจะเขียนได้

ที่หยิบมาพูด เพราะอ่านแล้ว พล็อตเดียวกับ “แหล่งข่าววงใน” ที่ป่าวๆ กันเปี๊ยบเลย
“พชรว.นิวส์” ด้วยกันละซีท่า!?

ที่ว่า “พลเอกประวิตรตั้ง “พลเอกวิชญ์” เป็นประธานยุทธศาสตร์พรรค กันท่า “นายกฯ ประยุทธ์” ไม่ให้เข้าไปยุ่มย่ามในพรรคนั่นน่ะ

นอกจากไพร่เต็มตัว แม้มีบุญได้เป็นรัฐมนตรีก็ตาม ก็ยังงั่งตามสันดานไพร่ไม่เพี้ยน
เคยอ่านพรบ.พรรคการเมืองบ้างหรือเปล่า ที่พูดนั่นน่ะ?

นายกฯ จะเข้าไปยุ่มย่ามในพลังประชารัฐได้ไง เพราะท่านไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค
ขืนเข้าไป ผิดทั้งพรรค-ทั้งคน ถึงขั้นยุบพรรคเชียวนะ!

และที่พลเอกประวิตรตั้งพลเอกวิชญ์เป็นประธานยุทธศาสตร์พรรคนั่นก็เถอะ ขอเตือนด้วยหวังดี
จะตายน้ำตื้น “ยกพรรค”!

ตายเพราะอะไร ไม่อยากพูด “เจ็บคอ” อ่านพรบ.พรรคการเมืองนี่ดีกว่า จะยกมาให้ดู

มาตรา ๒๘ ห้ามมิให้พรรคการเมืองยินยอมหรือกระทําการใดอันทําให้บุคคลอื่นซึ่งมิใช่สมาชิกกระทําการอันเป็นการควบคุม ครอบงํา หรือชี้นํา กิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทําให้พรรคการเมืองหรือสมาชิกขาดความอิสระ ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม

มาตรา ๒๙ ห้ามมิให้ผู้ใดซึ่งมิใช่สมาชิกกระทําการใดอันเป็นการควบคุม ครอบงํา หรือชี้นํากิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทําให้พรรคการเมืองหรือสมาชิกขาดความอิสระ ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม

มาตรา ๓๒ ห้ามมิให้ผู้ใดซึ่งมิใช่พรรคการเมืองใช้ชื่อ ชื่อย่อ ภาพเครื่องหมายของพรรคการเมืองหรือถ้อยคําในประการที่น่าจะทําให้ประชาชนเข้าใจว่าเป็นพรรคการเมืองหรือใช้ชื่อที่มีอักษรไทยประกอบว่า “พรรคการเมือง” หรืออักษรต่างประเทศซึ่งแปลหรืออ่านว่า “พรรคการเมือง”

และมาตรา ๑๐๘ มีว่า…….
ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๒๙ ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้นั้น

มาตรา ๑๑๐ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๓๒ หรือมาตรา ๙๔ วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ

เป็นไงครับ….
ยังจะตะบันข่าวในประเด็น ประวิตรตั้งพลเอกวิชญ์กันท่านายกฯ เพื่อไม่ให้เข้าไปมีอำนาจในพรรคอีกมั้ย?

นายกฯ ท่านรู้ ท่านเป็นแค่นายกฯรับเชิญจากพปชร. ขอบเขตการใช้อำนาจท่านอยู่ในรัฐบาล ไม่ใช่และไม่มีในพรรค เพราะท่านไม่ได้เป็นสมาชิก

ขืนเข้าไป ก็เจอข้อหา ควบคุม..ครอบงำ..ชี้นำ ตามมาตรา ๒๘- ๒๙ นายกฯ ไม่ซวย พรรคพปชร.นั่นแหละ
“ซวยยกพรรค” เลย!

รู้อย่างนี้เแล้ว พวกอุ้มลุงป้อมไปตีกับนายกฯก็ช่วยกันอุ้มให้ดีเถอะ
เพราะการตั้งพลเอกวิชญ์เป็นประธานยุทธศาสตร์พรรค เข้าไปร่างยุทธศาสตร์ เตรียมการเลือกตั้งให้พรรคนั่นน่ะ

ทั้งพลเอกประวิตรและพลเอกวิชญ์ เคยบอกเองมิใช่หรือ
“เข้ามาช่วย ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค”!
“ผมมาด้วยใจอยากช่วย เป้าหมายคือชนะเลือกตั้ง”

การเป็นมือทำงานระดับบริหารนโยบายในพรรคกับพลเอกประวิตร นั่นก็
เตรียมคำตอบไว้เหอะ….

ว่างานที่ช่วยทำนั้น มันต่างกับ “ควบคุม..ครอบงำ..ชี้นำกิจกรรมของพรรค” ตามมาตรา ๒๘- ๒๙ หรือไม่ อย่างไร?

ตานี้แหละ…
เปลี่ยนประเด็น “เสี้ยม” ไปเป็นเตรียม “เสียม” กันได้แล้วหละมั้ง?
“ขุดหลุมฝัง” ไปด้วยกันไงล่ะ!

 

Written By
More from plew
ภูเก็ตกับ “ศูนย์สุขภาพโลก”
รัฐบาลกู้เงินมา ๑ ล้านล้าน เป้าหมาย เพื่อ….. ใช้ปราบโควิด, แจกจ่ายชาวบ้าน, สร้างงาน, กระตุ้น-ฟื้นฟูเศรษฐกิจ แบบเฉพาะหน้าและแบบยั่งยืน เห็นสส.และหน่วยงานต่างๆ เสนอโครงการ...
Read More
0 replies on “แซะจน “เสียมหัก” จนได้-เปลว สีเงิน”