ธนาธร “อยู่ไม่เป็น” ก็เรื่องของเด็กเพิ่งแตกพานทางการเมือง
แต่…….
รัฐบาล “เป็นไม่เป็น” นี่ซี
มันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ที่ (ควรจะ) มีวุฒิภาวะในการบริหารราชการงานเมือง
แต่กลับ “มีน้อย”!
กรณี ๓ สาร พาราควอต,ไกลโฟเซต และ คลอร์ไพริฟอส เป็นตัวสะท้อนดีที่สุด
“แบน-ไม่แบน” ยังเป็นเรื่องรอง
การทำงาน “รัฐมนตรี ๓ พรรค” ผ่าน ๓ กระทรวง “เกษตร-อุตสาหกรรม-สาธารณสุข”
นั่นละเรื่องใหญ่
ไม่มีผลเฉพาะสถานะรัฐบาลเท่านั้น ยังส่งผลไปถึงชาวบ้านด้วย!
ทั้งรัฐมนตรีพลังประชารัฐ รัฐมนตรีประชาธิปัตย์ และรัฐมนตรีภูมิใจไทย มองผ่านเรื่อง ๓ สารเคมี
เห็นชัดเจน……….
ทำงาน “เป็นทีม” ไม่เป็น
ต่างคน-ต่างเก่ง เล่นเรื่องเดียวกัน แต่ไม่ประสานกัน พรรคใคร-พรรคมัน จะเป็นพระเอกเฉพาะตัวกันทั้งนั้น
ฟุตบอล เล่นกัน ๑๑ คน ถ้าโชว์เก่งคนเดียว ก็พังทั้งทีม
รัฐบาลเหมือนกัน……
เล่นกัน ๓๕+๑ คน แต่เรื่องแบน ๓ สาร รัฐมนตรี ๓ พรรค ต่างคนต่างเล่น “เอาเด่น” ในบทตัวเอง
ผลก็ออกมาอย่างที่ “คณะกรรมการวัตถุอันตราย” มีความเห็นเป็นเอกฉันท์เมื่อวาน (๒๗ พย.๖๒) นั่นแหละ ว่า
ให้เลื่อนการเลิกใช้ “พาราควอต-คลอร์ไพริฟอส” จากเดิมที่กำหนดไว้ ๑ ธันวา.๖๒ ไปอีก ๖ เดือน
คือ ให้ไปเริ่มนับจากวันที่ ๑ มิถุนายน ๖๓!
ส่วน “ไกลโฟเซต” ยังคงให้ได้ต่อไป แต่มีเงื่อนไข คือให้ใช้มาตรการ “จำกัดการใช้”
และคณะกรรมการฯ ยังมีคำสั่งให้……
กรมวิชาการเกษตร และกระทรวงเกษตรฯ ไปหาสารทดแทนสารทั้ง ๒ ตัวนั้นมา
หรือไประดมสมองค้นหาวิธีที่เหมาะสมมาดูซิ สำหรับวัตถุอันตรายพาราควอตและคลอร์ไพริฟอส
ในแง่ว่าถ้าจะใช้…….
มันควรต้องทำอย่างไรกันบ้าง ให้มันมีหลัก-มีฐานทางปฏิบัติและทางวิชาการมารองรับ
รวมถึงมาตรการลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นทั้งตัวเกษตรกรและประชาชนผู้บริโภค
คิดหากันได้แล้ว ให้นำมาเสนอ “คณะกรรมการวัตถุอันตราย” พิจารณาอีกที
ภายใน ๔ เดือน นับจากวันนี้!
ก็ตีซะว่า นับจากธันวา.ก็ตกเดือนมีนา.๖๓ เป็นการบ้านที่กระทรวงเกษตรฯของพรรคประชาธิปัตย์ โดยรัฐมนตรีเฉลิมชัย ศรีอ่อน ต้องไปทำส่งครู
สรุปง่ายๆ…..
สาร ๒ ตัว พาราควอต ใช้กำจัดวัชพืช และคลอร์ไพริฟอส ใช้กำจัดแมลง-หนอน
ใช้กันได้ต่อไป จนถึง ๑ มิย.๖๓ แล้วค่อยมาว่ากันอีกที
ส่วน “ไกลโฟเซต” ซึ่งเป็นสารกำจัดวัชพืช ของมอนซานโต สหรัฐฯ “เลิกแบน”
ให้ใช้ได้ตลอดไป แบบ “จำกัดการใช้”
รัฐมนตรีเฉลิมชัย ไม่พูดอะไร (มาก) รัฐมนตรีสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ “ก็ไม่ได้พูดอะไร (มาก)
รมว.สุริยะปกติก็ไม่ค่อยได้แสดงบทอะไรโฉ่งฉ่างในเรื่อง ๓ สารอยู่แล้ว แต่ต้องนั่งหน้าแป้นแถลงในฐานะเจ้ากระทรวง
เมื่อวาน แถลงไป ต้องคอยหลบเกี๊ยะไป
ที่แอคชั่นมากที่สุดในเรื่องนี้ พูดมากที่สุด เป็นข่าวมากที่สุด ต้องยกให้รัฐมนตรีสาธารณสุข “อนุทิน ชาญวีรกูล”
และรัฐมนตรีช่วยเกษตรฯ “มนัญญา ไทยเศรษฐ์” ผู้กำกับกรมวิชาการเกษตร ที่เป็นหลักในเรื่อง ๓ สารนี้
เรียกว่าภูมิใจไทย รับช่อดอกไม้จากแฟนๆ มุมแบน มาแต่ต้น เมื่อวาน ผลออกมาว่า การแบน ๓ สาร “แท้ง” กลางอากาศ
ผ้าเช็ดหน้าปลิวมาให้ซับน้ำตาแทนช่อดอกไม้!
พูดกันตรงๆนะ………
ขึ้นชื่อว่า “สารอันตราย” และมันมีผลถึงประชาชนโดยตรง ในหลักการ ไม่มีใครต้องการให้ใช้ เลิกได้ ก็ควรเลิก
แต่……….
ไม่เพียงเรา เกษตรกรทั้งโลกก็ใช้ และไม่ได้มีเฉพาะ ๓ สารเท่านั้น หากแต่ยังมีสารกำจัดวัชพืช สารฆ่าหนอน-แมลงอันตรายเหมือนๆกัน ที่ขายให้เกษตรกรเลือกใช้ในท้องตลาด เป็นร้อยๆ ชนิดให้เลือกใช้!
นั่นคือ ห้าม ๓ สารนี้ ก็ยังมีอีก ๙๗ สาร ที่เกษตรกรต้องนำมาใช้
ที่มีเกษตรกรมาต่อต้านการแบนนั้น ก็เพราะ เจ้าพาราควอต มันราคาถูกที่สุด และนิยมใช้กันมานาน
ปุบปับให้เลิก แล้วจะให้ใช้อะไร ทั้งปรับตัวไม่ทัน!
ส่วนไกลโฟเซต ใช้กำจัดวัชพืชเหมือนพาราควอต เป็นของมานซานโต สหรัฐฯ
เขาได้รับสิทธิบัตรคุ้มครองการผลิตจากสหรัฐฯ ใครเอาสูตรเขาไปผลิตไม่ได้ ราคาจึงแพงกว่าพาราควอต
แต่ตอนนี้ พ้นการคุ้มครองแล้ว ใครก็เอาสูตรไปผลิตได้ในชื่อการค้าต่างๆ
ประเด็นมันอยู่ตรงว่า……..
ในสหรัฐฯใช้ไกลโฟเซต ในชื่อยี่ห้อ “ราวด์อัพ” เป็นอันดับ ๑ ทั้งไร่ถั่วเหลือง ไร่ข้าวสาลี
ถ้าไทยแบน นอกจากสารตัวนี้เข้ามาขายไม่ได้แล้ว ในทางการค้าที่เป็นอยู่ ไทยต้องนำเข้าถั่วเหลืองและข้าวสาลีจากสหรัฐฯอยู่แล้ว
เมื่อเราแบน……..
แล้วถั่วเหลือง แป้งสาลี ผลไม้จากสหรัฐฯ ไม่ใช่ว่าเขาจะประท้วง โดยไม่ส่งขายให้เรา
หากแต่เราเอง ถ้ายอมให้นำเข้าสินค้าปนเปื้อนสารไกลโฟเซตจากสหรัฐฯ เข้ามา ในขณะที่เราเองห้ามใช้
มันถูกหรือผิดกฎหมายล่ะ?
และมันต่างกันตรงไหน ที่เราห้ามเกษตรกรใช้ แต่พืช ผัก ผลไม้ จากสหรัฐฯ แม้กระทั่งจากประเทศคู่ค้าอื่นๆ ที่เขายังใช้สารทั้ง ๓ ตัวนี้อยู่
เราให้เข้ามาขายให้คนไทยกินได้
ในขณะที่เกษตรกรของเราเอง ใช้ไม่ได้ นำมาขายไม่ได้!?
บ้าหรือดี!
นี่ไม่ใช่ข้ออ้างปฏิเสธการแบน……
แต่เป็นจริงในโลกธุรกิจการค้าเสรีระบบทุน สหรัฐฯ ตีนเขาใหญ่ เขาปกป้องธุรกิจการค้าของเขา มันไม่ใช่เรื่องของเหตุผล
แต่มันเป็นเรื่องการค้า และคำว่า “ตีนกูใหญ่” นั่นแหละ!
เราแบนได้……..
แล้วถ้าสหรัฐฯตอบโต้ ด้วยการแบนสินค้าจากไทยบ้างซึ่งเขาทำแน่ ใครจะตายกว่ากันระหว่างเขากับเรา?
ประเด็นเรื่องสารพิษทางเกษตรก็คือ ทุกคนเห็นด้วย อันตราย เลิกได้ต้องเลิก
แต่เรามีแผนรองรับขนาดไหน ระดับกระทรวง ระดับรัฐบาล เคยนับ ๑ ถึง ๑๐ ถึง ๑๐๐ แล้วหรือยัง
ก่อนเดินกร่าง เตะกระโถน- กระถาง โฉ่งฉ่าง ปรากฏว่า หน้าแข้งแหก!
“สารอันตราย” น่ะ มันมีอยู่ในทุกสิ่ง-ทุกที่
ประเด็นหลักอยู่ที่ เราเคยให้ความรู้ ให้คำปรึกษาแนะนำ กำกับ-ควบคุม ทั้่งจำหน่าย และการใช้ ให้เกษตรกรเข้าใจจริงจังหรือยัง?
เขาใช้กันมาเป็นร้อยปี-สิบปี มันทั้งตาย ไม่ตาย สุดแต่การใช้ด้วยเข้าใจ หรือไม่เข้าใจ
แล้วจู่ๆ เกิดของขึ้น อยากได้หน้า-ได้เสียง เชื่อพวกเอ็นจีโอขาเดียว
พรวดพราด เดือน-ครึ่งเดือน ประกาศ “ห้ามใช้-ห้ามขาย-ห้ามมี”
ถามว่า แบบนี้ ใครรับได้?
ต่อให้เทวดาก็ยังรับไม่ได้ จะเลิกสูบบุหรี่ เลิกกินเหล้า ยังต้องใช้เวลาเป็นปี
แล้วนี่ ใช้กันมาชั่วพ่อ-ชั่วลูก จู่ๆ ให้เลิกใช้ แล้วก็ไม่บอกด้วยนะว่า มีอะไรให้ใช้แทน?
ชาวไร่-ชาวสวนน่ะ จะแบน-ไม่แบน ไม่ตาย
พวกอาชีพ “คิดแทน” ชาวไร่-สวน นั่นตะหาก ที่เห็น ชักดิ้น-ชักงอ จะลงแดงสารเคมีตายทันที!
อาชีพเกษตร คืออาชีพประเทศ
รัฐบาลจะออกนโยบายแบบ “หาเช้า-กินค่ำ” อย่างนี้ไม่ได้
บอกแบน ๓ สาร……..
ชาวบ้านถาม แล้วไงต่อ?
เกษตรฯบอกไม่รู้ อุตสาหกรรมบอกไม่รู้ สาธารณสุขบอกไม่รู้
ในเมื่อพวกเทวดาไม่รู้ ก็ลงจากเก้าอี้ซะซี
แล้วพวกกู “เกษตรกร” จะขึ้นไปนั่ง แล้วจะบอกวิธีให้เอาบุญ!
เรื่องใหญ่ขนาดนี้ คิดได้แค่ ๑ คิดต่อ ๒-๓-๔-๕ ไม่ได้ เป็นแค่ใช้อำนาจสนองจินตนาการแลกเสียงเชียร์
แบบนี้ ต้องไปเป็นรัฐมนตรีอยู่รัฐบาลลำตัด “โย่ง-นง-พวง” โน่น!
มันต้องมีแผนเป็นขั้น-เป็นตอนรองรับเป็นสเตป หักดิบฮวบฮาบแบบนี้ มันเป็นคำสั่งที่ปฏิบัติไม่ได้
ถึงมิย.๖๓ ไม่เลื่อนต่อ ก็ต้องเลิกแบน เชื่อเหอะ ถ้าในรัฐบาลมีแต่พระเอกพรรคใคร-พรรคมัน เล่นกันเป็นทีมไม่เป็น
ฝากท่านรองนายกฯ อนุทินไว้ด้วยปรารถนาดี และบอกรัฐมนตรีร่วมพรรคด้วย
คำว่า “ลาออก”
อย่าพูด………
เพราะในทางปฏิบัติ นั่นเท่ากับ “ใบเสร็จ”!