วันนี้ “วันพระ” อาสาฬหบูชา ผมขอวิรัติการบ้าน-การเมืองอีกซักวัน คนแก่ก็งี้แหละครับ วันโกนต้องละ-วันพระต้องเว้น เพราะเรื่องบุญ-บาปต่อรองและล้อเล่นไม่ได้ ไม่เหมือนเกณฑ์ทหารที่ยังมีใบดำ-ใบแดงให้จับเป็นทางรอดฉะนั้น ประเภทที่ว่า โกงไว้ก่อน ทำบุญหักลบทีหลัง
แบบนั้น นรกทบต้น-ทบดอก!
ดูท่านนายกฯ ประยุทธ์เป็นตัวอย่าง ก่อนจะเข้าถวายสัตย์ปฏิญานตนต่อ “พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว” เพื่อเข้ารับหน้าที่หัวหน้าคณะบริหารราชการงานเมือง ในตอนเย็นวันนี้ (๑๖ กค.๖๒) เมื่อวาน ท่านพาภริยา
ไปกราบนมัสการ “สมเด็จพระสังฆราช” ขอรับพระราชทานวรคติธรรม
นี่เรียกว่าตั้งนโมเป็นประธาน วิรัติกาย วาจา ใจ ต่อ “สมเด็จพระสังฆราช” เป็นเบื้องปฐมในการทำหน้าที่นายกฯ ไม่มีโกง ไม่มีกิน ไม่มีการสิ้นชาติ
และ “สมเด็จพระสังฆราช” ก็ทรงสัมโมทนียกถา มอบพรเป็นคาถาวิเศษให้นายกฯ ทำไปท่อง และนำปฏิบัติ แล้วจะสำเร็จ นำประเทศ นำประชาชนทั้งชาติ รุ่งโรจน์ โชติช่วงชัชวาลย์ ล้านเปอร์เซนต์
“ศีล-สมาธิ-ปัญญา”
คาถานี้ ๓ คำ จำง่าย แต่เกือบทุกคนคงร้อง โอ้โฮ..ย้าก..ยากในทางปฏิบัติให้ครบถ้วน อย่าว่าแต่ท่านเลย ผมเองก็เหอะ เป็นนกแก้ว นกขุนทองท่องภาษาธรรม แต่ในทางปฏิบัติตัว ยอมรับว่าไม่เป็นประสา หนักไปทางริยำมากกว่าทางธรรมปฏิบัติ
แต่อาสาฬหบูชา ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ ปีนี้ นิมิตมงคลมาบรรจบกันโดยบังเอิญชนิดต้องบอกว่า “ขลัง” เป็นพิเศษด้วยศุภมงคลธรรมฤกษ์ ๓ คาบบรรจบ
๑.เป็นวันอาสาฬหบูชา
-วันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนา
-วันที่พระพุทธเจ้าเริ่มประกาศพระศาสนา
-วันที่เกิดอริยสงฆ์ครั้งแรกคือการที่ท่านโกณฑัญญะรู้แจ้งเห็นธรรม เป็นพระโสดาบัน จัดเป็นอริยบุคคลท่านแรกในอริยสงฆ์
-วันที่เกิดพระภิกษุรูปแรกในพระพุทธศาสนา คือ การที่ท่านโกณฑัญญะขอบรรพชาและ ได้บวชเป็นพระภิกษุ หลังจากฟังปฐมเทศนาและบรรลุธรรมแล้ว
-วันที่พระพุทธเจ้าทรงได้ปฐมสาวกคือ การที่ท่านโกณฑัญญะนั้น ได้บรรลุธรรม และบวชเป็นพระภิกษุ จึงเป็นสาวกรูปแรกของพระพุทธเจ้า เมื่อเปรียบกับวันสำคัญอื่น ๆ ในพระพุทธศาสนา บางทีเรียกวันอาสาฬหบูชา นี้ว่า วันพระสงฆ์ (คือวันที่เริ่มเกิดมีพระสงฆ์)
พิธีกรรมที่กระทำในวันนี้ โดยทั่วไป คือ ทำบุญ ตักบาตร รักษาศีล เวียนเทียน ฟังพระธรรมเทศนา (ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร) และสวดมนต์ (ความรู้เกี่ยวกับวันสำคัญไทย (เสฐียรโกเศศ และ พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตโต)
๒.วันคสช.และวันรัฐบาลคสช. สิ้นสุดการปฏิบัติหน้าที่
๓.วันที่ “พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว” พระราชทานพระบรมราชวโรกาส ให้ครม.เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เพื่อถวายสัตย์ปฏิญานก่อนเข้ารับหน้าที่ เป็นรัฐบาลมีอำนาจสมบูรณ์ในการบริหารประเทศ นับแต่วันนี้เป็นต้นไป
ปากใครจะว่า จะด่า จะชัง คณะรัฐบาลนี้ กระทั่งรายบุคคล ก็เรื่องของปากคน
แต่คณะรัฐบาลนี้ จะอยู่ยาก, อยู่ทน, อยู่สั้น, อยู่ยาว, อยู่ยี้, อยู่เยส, อยู่ยังประโยชน์สังคมชาติให้สำเร็จ หรืออยู่แบบเสร็จพวกกู
ไม่ได้ขึ้นอยู่กับปากคน หรือปากฝ่ายแค้น หากแต่ก็ขึ้นอยู่กับ ๓๕+๑ ในความเป็นรัฐบาลประยุทธ์ ๒/๑ นี้ สำนึก-ตระหนักในความขลัง ๓ คาบบรรจบต่อการทำหน้าที่หรือไม่เท่านั้น ให้เข้าใจว่า ดี-เลว เป็นเรื่องอดีต แต่อนาคตชาติจะรุ่งโรจน์ได้ ก็ไปจากปัจจุบันกระทำ ของคนที่เรียกคณะรัฐมนตรีชุดนี้ อย่างที่ว่า “ถึงมืดมา ก็จะทำให้สว่างไป”
อดีตแก้ไขไม่ได้ แต่อนาคตเรากำหนดได้ ด้วยใจสัตย์ปฏิบัติปัจจุบัน จำรัฐมนตรีธรรมนัสท่านมาน่ะ
คาถาสมเด็จพระสังฆราช “ศีล-สมาธิ-ปัญญา” สี่ปีนี้ รัฐบาลประยุทธ์ เอาศีลให้เคร่งข้อเดียวพอ ประเทศไทยพร้อมใจชยันโต
ศีลมาแล้ว อย่างอื่น รวมทั้ง สมาธิและปัญญา แม้ไม่อยากได้ ก็จะตามมาให้ได้เอง
และท็อปซีเครทกับครม.นี้นะ พวกท่านจะเป็นมนุษย์สุดประเสริฐทุกชาติไป แม้ชาตินี้สัมภเวสีแสนล้านอย่างที่เห็น ท่านก็จะไม่เป็นอย่างเขา ด้วยเคล็ดลับเดียว
คือ ยึดศีลให้เคร่ง ไม่ต้องถึง ๕ เอาว่าซัก ๑ ข้อโดยเฉพาะ “อทินนาทาน”
ข้อ “ไม่โกง” นั่นแหละ!
รับประกันได้ ออกใบเซอร์ให้เลย ด้วยศีล จะไม่มีใครใช้คำว่า ไอ้สาส…อีสาส กับท่านได้แม้ตายไป ยมพบาลเห็นไบเซอร์ ก็จะเสียบก้นท่านขึ้นนั่งเสลี่ยงส่งกลับภพมนุษย์ ถึงปานนั้น
นี่..ไม่ใช่ผมพูดเองส่งเดชนะ ศีลตัวเดียวเท่านั้น “ปิดนรก” ให้ทุกคนได้แน่นอน ยกเว้นพวกเจนๆ ยุคใหม่ ระบบศึกษาเขาไม่สอนศีลธรรมและจรรยา เลยดูเหมือนฝาท่อปิดนรกไม่รู้หายไปทางไหน?
ประเทศไทย ่มีวัดทั้งหมด ๓ หมื่นกว่าวัด
แต่รัฐบาล ๒๐ พรรค นี้ ชาวบ้านทั้งประเทศ เขาหวัง ด้วยรอครม.ประยุทธ์อยู่วัดเดียว
คือ……….
“วัดใจ”!