เรื่อยๆดูเขา “ไล่นายกฯ” – เปลว สีเงิน

เปลว สีเงิน

นายกฯ จะรอดมั้ยเนี่ย?
ในสภา….
“ฝ่ายค้าน” บอก นัดนี้ ข้อมูลแน่น “เอาตายแน่”

“๔ ช.พลังประชารัฐ” ก็บีบ
ถ้าไม่เปลี่ยนตัวรัฐมนตรีตามต้องการ โหวตคว่ำแน่!

ในถนน…
สามนิ้ว “ล้มเจ้า” เป็นดาวกระจายกวนเมืองทั้งหน้าสภา, แยกลาดพร้าวและย่านดินแดง
ในคลับเฮาส์….
หัวหน้าขบวนการล้มเจ้าเปิดเวทีคู่ขนาน อภิปรายไม่ไว้วางใจ “ไล่ประยุทธ์” ผ่านหน้าจอ

มีแต่คนไล่นายกฯ
เหลือผมคนเดียวกระมัง ที่รุนหลังนายกฯ “ต้องอยู่ต่อ” สู้มัน..สู้มัน!

เช้าวาน ณ เวทีสัปปายสภาสถาน เกียกกาย พอระฆังยกแรกดังแก๊ง แทนที่จะอื้อฮือ ก็ฮากันซะแล้ว
เพราะฝ่ายท้าชิง “สมพงษ์ เพื่อไทย” พอปร๊าดออกจากมุม ก็ถลาพรืดดดด หน้าคะมำเหมือนเหยียบเปลือกกล้วย
จำคู่ชกไม่ได้ว่าเป็นใคร….

เรียกนายกฯประยุทธ์เป็น “พลเอกประยุทธ์ ยงใจยุทธ” ไปซะงั้น!

หนเดียวก็ว่าอาจเคลิ้มถึงหลวงพ่อจิ๋ว จิตเลยผูก แต่นี่ถึงสองครั้ง-สองครา ก็แสดงถึงว่า จิตแม่ทัพฝ่ายค้าน ถูกจิตผู้นำรัฐบาลข่ม จนงงงวย ตั้งแต่ยกแรก
เง้อดาบประเดิม แม่ทัพก็ตกม้าแอ้งแม้งซะแล้ว!

แล้วนี่จะอภิปรายกัน ๔ วัน ๔ คืน ดูเนื้อหาสาระที่แต่ละพลพรรคค้านขึ้นมาพูดซี
เรื่องโควิด โคแวก วัคซีน การจัดซื้อ จะเอาให้นายกฯ ทุจริตผิดโน่น-ผิดนี่ ให้ได้ แต่มันไม่มี-ไม่ใช่ ก็ใช้ลีลาฉวัดเฉวียน พูดวน หวังให้คนฟังเชื่อ

เห็นคุยมีทีเด็ดทุกครั้งที่อภิปราย
แต่เอาเข้าจริง เหมือนโทรทัศน์บางช่อง ๑ รายการ แต่ล้านรีรัน ซ้ำซาก เป็นตะกอนกากคากรุ

ที่ใหม่ ก็ “จับแพะ-ชนแกะ” ตัวใหม่ ใส่ความรู้สึกตัวเองเข้าไป สร้างข้อมูลว่าลับด้วยลีลา พูดให้คนไม่รู้ ร้อง จริงดิ..จริงดิ?
มันก็พอได้นะ….

เพราะปกติ คนทั่วไป น้อยคนจะมีฐานข้อมูลเรื่องนั้นๆ อยู่ในตัว เมื่อฟังอภิปราย ก็ต้องรับข้อมูลนั้นเข้าไปไว้ในฐานความเชื่อก่อน

อีกอย่างที่สำคัญ การบริโภคข่าวสารของคนไทย ส่วนหนึ่งชอบประเภทเอาฮา เอามัน เอาดรามา มากกกว่าเน้นสาระ ซึ่งหนักหัว

ฉะนั้น ๔ วัน ๔ คืน ของฝ่ายค้าน ……….
การจะให้คนยืนโรงตามดู-ตามฟังตลอดได้ ต้องจริงผสมเท็จ-เท็จผสมจริง “อิงดรามา” ให้หนักเข้าไว้ ลากไปดูผลการลงมติ เช้าวันที่ ๔ กันยา.

แต่ดูขึ้นต้นอภิปราย ความเร้าใจเรื่องผลโหวต ไม่มีแล้ว!
ยิ่งนายกฯ “ฟอร์มเฉียบ” เป็น “นิวประยุทธ์” แบบนี้

สติไม่หลุด….
ตอบละเมียด “เชือดนิ่มๆ” ฝ่ายค้าน ด้วยคารม-คมวาทะ สมวุฒิภาวะผู้นำ ผิดหู-ผิดตา กว่าทุกนัด
นี่มันอภิปราย “ต่ออายุ” ให้นายกฯชัดๆ!

ถ้าจะอภิปรายเพื่อไล่ให้ลาออก ฝ่ายค้านต้องไม่สติแตกอย่างบางคน พรรคของตัว “ล้มเจ้า-ล้มประยุทธ์” ไม่สำเร็จดังใจ จึงใช้ความคลั่งแค้น อภิปรายเหมือนคนบ้า

นี่…นั่งคุยๆ กับท่าน ตอนทุ่มกว่า มีผู้อภิปรายพรรคก้าวไกลขึ้นมาอภิปราย

ผมนั้นเป็นคนทำอะไร “ทีเดียว-อย่างเดียว” ไม่เป็น อย่างเขียนหนังสือ ก็เปิดโทรทัศน์ฟังไปด้วย สะดุดหูตรงไหน ก็แหงะหน้าดูซะที

อย่างอภิปรายเมื่อวาน มาสะดุดหูน้ำเสียงบ่งบอกคลั่งแค้นแน่นอัดอกของคนพูดพร้อมระเบิด แหงะหน้าขึ้นดู พอดีเขาประกาศชื่อ เป็นพล.ต.ต.สุพิศาล อดีตผู้บังคับการตำรวจกองปราบ

เออ…คราวนี้มามาดใหม่ ผิดแผกไปจากเดิม ก่อนๆ เคยเห็นอยู่บ้าง ก็พูดจาพอดีตัวอยู่

เมื่อคืน ถ้ามีมีด-มีปืน ฆ่าได้ เขาคงปรี่ไปฆ่านายกฯให้ตายคามือ เป็นวีรบุรุษพรรคก้าวไกลเครือข่ายก้าวหน้าไปแล้วแน่ๆ

อยากบอกว่า อภิปรายเพื่อนำไปสู่การไม่ไว้วางใจนายกฯ
กับอภิปรายด้วยอารมณ์คลั่งแค้นต้องชำระ มันคนละเรื่องกันนะครับ!

ตั้งแต่คำแรกถึงคำสุดท้าย ทั้งน้ำเสียง ทั้งลีลาอ่านที่เขียนมาอภิปราย มันคนละคน-คนละบุคลิก ของพล.ต.ต.สุพิศาลคนเดิมเลยนะ

ยิ่งเรื่องที่นำมาอภิปราย คือเรื่องม็อบสามนิ้ว “แว้นมอเตอรไซค์” จลาจลเมือง ท่านเป็นตำรวจ น่าเข้าใจการทำหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน

แต่กลับเป็นว่า แว้นจลาจลเมือง ถูก
ตำรวจควบคุมฝูงชน ผิด

แล้วใช้ลีลาอารมณ์เหี้ยมกระหายสาดใส่ ประณามนายกฯ ประณามตำรวจ ใช้คำรุนแรง คุคลั่ง ชนิดคิดไม่ถึง ว่า นี่จะออกจากปากคนเคยเป็นตำรวจชั้นผู้ใหญ่?!

ก็เข้าใจ พรรคก้าวไกล-ก้าวหน้า สนับสนุนขบวนการสามนิ้วในปฎิบัติการ “ปฏิรูปแบบปฎิวัติ” มุ่งการล้มล้างสถาบัน

แต่ฟังที่ท่านประกาศตัวเอง….
ผม พล.ต.ต…กับสิ่งกระทำ มันขัดแย้งในตัวมันเอง จนบอกไม่ถูกว่า ทุเรศ หรือหดหู่ หรือ สมเพช-เวทนาดี ในความเป็น “สัตว์โลกผู้มืดบอด”

มันแสดงชัด พรรคก้าวไกล ไม่แค่หลักสูตร “ล้างสมองเด็ก” ได้ผลเท่านั้้น
หลักสูตร “ล้างสมอง-เปลี่ยนบุคลิกภาพ” การพูด-การคิด-การอภิปราย-การทำ ของสมาชิกพรรค
มันกร้าวร้าวดุจสัตว์ประหลาด มุ่งสู่การปฏิรูปแบบปฏิวัติ ได้ผลเช่นกัน

“เปลี่ยนคิด” อดีตนายตำรวจใหญ่ ก็ว่าน่าทึ่งแล้ว แต่นี่ถึงขั้นเปลี่ยนให้เป็น “คนละคน” ได้ชนิดผิดผู้-ผิดคน
แสดงว่าหลักสูตร “ล่มชาติ-ล้มสถาบัน” ของขบวนการสามนิ้ว จะดูเบาไม่ได้เลยจริงๆ!

จาก ๑ กันยา.ถึง ๔ กันยา.ที่สภานัดโหวต “พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย” รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล บอก
ขบวนการสามนิ้ว จะปฏิบัติการไล่นายกฯ นอกสภาประสานกับฝ่ายค้านในสภา

จุดหมายเขามีทั้งที่เกียกกาย หน้าสภา ที่แยกลาดพร้าว และที่สามเหลี่ยมดินแดง
เขาต้องการปะทะ หวังเป็นเชื้อสนับสนุนการอภิปรายและหวังสู่ “สงครามกลางเมือง”

เป็นมูลเหตุให้ “สหรัฐ-ยุโรป” ประโคมข่าวใช้โลกล้อม และใช้เงื่อนไขนั้น “แทรกแซง” เข้ามา
ถ้ามึงไม่ยอมเป็นเด็กในโอวาทกู เหมือนไต้หวัน เหมือนญี่ปุ่น เหมือนเกาหลีใต้ เหมือนสิงคโปร์
ก็อย่าหวังประเทศสงบ ไม่มีม็อบโหยหาประชาธิปไตย!

ไพ่มันแบเล่นเห็นๆ อย่างนี้นะ..พี่น้อง

พูดถึง “พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย” ที่คุ้นหน้าคู่ม็อบ
จากกันยา.นี้ไป พวกจลาจลเมือง จะดีใจหรือเสียใจก็ไม่ทราบ เพราะจะไม่ได้เป็น “คู่กัด” กับท่านอีกต่อไป

ท่านเลื่อนชั้นเป็น “พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย” แล้ว จากรองผบช.น.ไปเป็น “ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค ๕”
ดูแล ๘ จังหวัดภาคเหนือ เชียงใหม่, เชียงราย, น่าน, พะเยา, แพร่, แม่ฮ่องสอน, ลำปาง และลำพูน

วันนี้ ก็ขลุกขลิก-ขลุกขลัก กันไปตามเรื่อง ช่วงนี้ ก็ตามดูฝ่ายค้านเขาอภิปรายไล่นายกฯ ไปเพลินๆ ละกัน
ขอบอกว่า บรรดา “ตู่ แฟนคลับ” ไม่ต้องห่วง
นายกฯ ท่านหนังเหนียว “หมากัดไม่เข้า” หรอก เชื่อเหอะ!

Written By
More from plew
ด้วยมาตรฐานยุติธรรม #เปลวสีเงิน
เปลว สีเงิน ในความที่ไทยปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย ผู้ที่มีอำนาจมากที่สุด คือใคร รู้มั้ย? ก็ “ประชาชน” ไง เพราะรูปแบบประชาธิปไตย เขากำหนดให้ประชาชนเป็น “เจ้าของอำนาจสูงสุด”...
Read More
0 replies on “เรื่อยๆดูเขา “ไล่นายกฯ” – เปลว สีเงิน”