กสม.หรือ “กำไลอีเอ็ม?” – เปลว สีเงิน

เปลว สีเงิน

กสม.เขาหายกันไปไหนหมด?
เห็นออกมาสังเกตการณ์ม็อบ “สามนิ้วกวนเมือง” อยู่วัน แถ-ลงแล้ว ก็หายจ้อย
ไม่สนใจบ้างเรอะ
ว่าม็อบสามนิ้วเป็นคนกลุ่มไหน วัยไหน ออกมาชุมนุมสันติ หรือออกมาก่อจลาจลเมือง ในขณะที่โควิดระบาดด้วยเจตนาอะไร?
เที่ยวพล่าน จ้วงจาบหยาบช้าสถาบัน ทุบทำลาย เผาสมบัติทางราชการ
ใช้อาวุธและสิ่งเทียมอาวุธ ถล่มใส่เจ้าหน้าที่ เพื่อสร้างสถานการณ์ปะทะ จนเกิดบาดเจ็บ การค้า-การขายเสียหาย การจราจรต้องปิด ประชาชนเดือดร้อน แทบไม่เว้นแต่ละวัน

[ส่งฟรี ขั้นต่ำ 200.-] Protex โพรเทคส์ ฟอร์เมน สปอร์ต 65 กรัม ซื้อ 4 แถม 1 รวม 5 ชิ้น สบู่ก้อน

นี่หรือ คือเสรีภาพ ชุมนุมสันติ ปราศจากอาวุธ เป็นการแสดงออกตามวิถีทางประชาธิปไตย ถูกต้องตามพรบ.ชุมนุมสาธารณะ ในสายตา กสม.?

“สิทธิมนุษยชน” น่ะ ต้องของทุกคน ทั้งตำรวจ ทั้งม็อบ และทั้งชาวบ้าน
ไม่ใช่ Human Right มีเฉพาะฝ่าย “ยุโรป-อเมริกัน” หนุนหลัง

รัฐบาลไหน มันต้องการคว่ำ เพราะไม่ยอมเป็นรัฐบาลใบสั่ง ก็ใช้ Human Right คอยทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงให้ขบวนการ “ประชาธิปไตยล่มชาติ”

เห็นๆ ในฮ่องกง ในบ้านเราตอนนี้!
ชาวบ้านรู้เช่นเห็นสันดานม็อบสามนิ้ว ก็ไม่เอาด้วย ก็ไประดมวัยต่อมซ่ากำลังทำงาน ร่างกายอยากปะทะ มาเป็นกองกำลัง เป็นหน่วยกรี๊ด หน่วยตะโกน คอยขว้างปา ระดมยิงหนังสติ๊กใส่ตำรวจ

พอถูกจับ ก็ว่าตำรวจทำร้ายเยาวชน อายุแค่ ๑๔-๑๕ แล้วตอนนี้ ๕ ขวบ ๗-๘ ขวบ ก็ไปเอามาม็อบ ให้ซุ่มยิงเจ้าหน้าที่
กสม.ไม่เห็นหรือ?

หรือรอให้เด็กถูกพวกเดียวกันเหยียบตายหรือถูกยิงมั่วด้วยหนังสติ๊กถูกกันเองเสียก่อน
ค่อยมาแถลงว่า ตำรวจทำเกินกว่าเหตุ ผิดหลักมนุษยชน?

ยุคนี้ มันยุคไอที ยุงตดยังเห็น
แล้วกสม.ไม่เห็นภาพในยุคไอทีหรือ ที่เขาโพสต์ เขาไลฟ์สด กันให้ว่อน ว่า “จริงที่เป็นจริง” ของเหตุการณ์ มันคือแบบไหน-อย่างไร?

ตำรวจจ้องปราบ จ้องใช้ความรุนแรงกับม็อบทันที-ทันใด หรือฝ่ายม็อบ มาด้วยต้องการปะทะ
ปรี่ใส่ตำรวจก่อน โดยไม่สนการตั้งเวทีปราศรัยสันติใดๆอย่างที่ผู้ชุมนุมบริสุทธิ์ทั้งหลายเขาทำกัน

ม็อบสามนิ้วปราศจากอาวุธ ใฝ่สันติ จริงหรือไม่?
ไม่จำเป็นต้องมีใครฟ้อง-ใครพิสูจน์ถึงความเที่ยงตรงในการทำหน้าที่ของกสม.หรอก
เพราะเรื่องราว-ข่าวภาพ แต่ละช็อตในโลกออนไลน์ มันบอกชัดถึงการกระทำของทุกฝ่ายอยู่แล้ว
คมชัดทุกแง่-ทุกมุม…..

เที่ยงตรงกว่ามาตรฐาน “ศาลโลก” เป็นร้อยเท่า!
ถ้ากสม.อ้างไม่รู้ ด้วยไม่เห็นด้วยตา แต่ด้วยจิตสำนึกละอายในผิด-ถูก กสม.ต้องรู้

เพราะกสม.เป็นมนุษย์ มนุษย์แปลว่า ผู้มีใจฝึกแล้วจึงเป็นคนประเสริฐ
ถ้ายังไม่มั่นใจตามจิตสำนึกระลึกรู้ ไปยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมกับ “เจ๊จุก คลองสาม” ก็ได้

เพราะเจ๊จุกวันนี้ ทำหน้าที่ “ตุลาการออนไลน์”
มีทั้งข้อมูล ทั้งภาพเหตุการณ์ ทั้งประวัติแต่ละตัวแสบ “ครบสมบูรณ์”

เทคโนโลยีสื่อสาร มันสามารถ “สแกนกรรม” ให้เห็นผลกรรม คือการกระทำ ว่าใคร-ฝ่ายไหน ทำอะไร “ก่อน-หลัง” ได้ฉับพลันทันที

สังคมทุกวันนี้ จึงสัมผัสได้ถึง “ยุติธรรม-อยุติธรรม” ทางเหตุการณ์ได้ทันที “ผ่านไอที”
ก่อนที่ “อยุติธรรม-ยุติธรรม” ในระบบ จะมีเป็นคำตอบด้วยกาลเวลาที่ทำให้การแสวงหาความยุติธรรมมันเสื่อมค่าไป

แล้วนั่นไงล่ะ
เพราะอย่างนี้…….
กสม.และอีกหลายองค์กรทุกวันนี้ ในทัศนคติประชาชน มันจึงเป็น “ส่วนเกิน” ทางสังคม
เป็นแค่ “ก้อนกรวด” ที่จักรวรรดิอำนาจตะวันตก “ยุโรป-สหรัฐ” ยัดใส่รองเท้าประเทศที่ด้อยอำนาจไว้
ให้คอย “กัดส้น-กัดตีน” ทำหน้าที่พิทักษ์ผลประโยชน์ให้ยุโรป-สหรัฐฯทางการค้าและทางการเมือง

ไม่มีแค่กสม.หรอก….
ทุกเรื่องที่เกี่ยวพันประโยชน์และอำนาจควบคุม เขาจะต้องเป็นเทพแฝงผู้พิทักษ์

รัฐบาลที่ไม่เป็นเด็กดี เขาก็จะใช้องค์กร กลไก ต่างๆ ที่เขาให้มีทางสังคม เป็นก้อนกรวดในรองเท้าจัดการ
เรื่องประมง เรื่องสินค้าเกษตร เรื่องทรัพยากร เรื่องการค้า-การขาย ฯลฯ เขามีองค์กร “อ้างโลก” เป็นเครื่องมือใช้บีบ-ใช้คลายให้เขาทั้งนั้น

ประเทศด้อยทำอะไรขัดใจเขาละก็ มาเลยเชียว…
ใช้แรงงานเด็กบ้าง แรงงานสัตว์บ้าง ละเมิดสิทธิมนุษยชนบ้าง ขัดสิ่งแวดล้อมบ้าง สารปนเปื้อนบ้าง ไม่ได้มาตรฐานบ้าง

องค์กร-กลไกเหล่านี้ ส่วนใหญ่ตีตราสหประชาชาติ มันคือ “กำไล EM” ที่จักรวรรดิอำนาจ สวมติดข้อเท้าประเทศที่ด้อยกว่า อย่างนั้นจริงๆ

อืมมมม…
ผมมันคนสมองหนืด คิดช้า-ทำช้า เวลายุคเคอร์ฟิวมันโบยตี (ขออาศัยสำนวนพี่ทอน-พี่บูดหน่อยนะ) รวบรัด อ่านนี่กันหน่อย

คือระยะนี้ เห็นโหยหาไฟเซอร์ “วัคซีนเทพ” กันเหลือเกิน ทั้งคนด่านหน้า ด่านหลัง
ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร เทพเพราะศึกษาถ่องแท้แล้วว่าไฟเซอร์เทพจริง หรือเขาว่าเทพ ก็เทพตามเขา แล้วก็เห่อกัน ด้วยเห็นเป็นเท่?

ก็อ่านนี่กันหน่อยนะ อุตส่าห์นั่งแกะที่ท่านให้สัมภาษณ์คุณสุทธิชัย หยุ่น
ต่อไปนี้ คือคำให้สัมภาษณ์ของท่านอาจารย์หมอ “นพ.ประสิทธ์ วัฒนาภา” คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล
………………

นพ.ประสิทธ์ : ผมขออนุญาตพูดตรงๆ แบบนี้เลยนะครับว่า วันก่อนผมไปออกรายการ เขาถามตรงๆ แบบนี้เลย
“อาจารย์ ถ้าเป็นอาจารย์จะฉีดมั้ย”
“ฉีดแน่”

“อาจารย์จะฉีดไฟเซอร์มั้ย”
“ไม่ฉีดแน่”

คือในทางทฤษฏี ถ้าจะอธิบาย ผมอธิบายอย่างนี้นะครับ วัคซีนที่เป็นแมสเซนเจอร์ mRNA ที่เข้าไปในตัวเราเนี่ย
มันจะเข้าไปในเซลล์ปกติ และเข้าไปในนิวเครียสของเซลล์ปกติ แล้วมันจะกำหนดรหัสที่จะส่งข้อมูลออกมาในไซโตพลาสซึ่มของเซลล์

ให้มันสร้างโปรตีนออกมาอยุู่ที่ผิวของเซลล์ โปรตีนนี่คือ สไปค์โปรตีน ฉะนั้น ภูมิต้านทานเรา ก็จะถูกกระตุ้นให้รู้จักมัน
วันหลังตัวไวรัสโคโรนาที่มีสไปค์โปรตีนเข้ามา มันก็จะไปจัดการ แปลว่าอะไร แปลว่าเซลล์ปกติ มันก็จะถูกระบบภูมิคุ้มกันจ้องมองมันอยู่เหมือนกัน

เขาจึงบอกว่า มันมีโอกาส ที่การฉีดวัคซีนแบบนี้ อาจทำให้เกิดโรคที่ “ภูมิคุ้มกันตัวเราเองทำลายภูมิคุ้มกันตัวเอง”  จริงๆ โรคที่เราคุ้นเคย คือโรคพุ่มพวงนั่นไง โรคพุ่มพวงเป็นชั้นหนึ่งในโรคแบบนี้ โรคแบบนี้มีหลายๆโรค
แต่ถ้าเราดูไกลๆ มันมีโอกาสจริงๆ ที่อาจเกิดโรคก็ได้ ไม่เกิดก็ได้ แต่ในทางทฤษฏี ก็มีโอกาสจะเกิดภาวะแทรกซ้อนโรคพวกนี้

ในขณะที่วัคซีน ๒ อันที่เหลือ ที่เราสั่งเข้ามาเนี่ย โดยเฉพาะซิโนแวค ซึ่งเป็นวัคซีนที่แบบนี้ มีเทคโนโลยีมาเป็นสิบๆ ปีแล้ว

เป็นวัคซีนที่เรานำเชื้อมาทำให้มันเปลี้ยใส่เข้าไปในตัวเรา หน้าตามันเหมือนเดิม ภูมิคุ้มกันเราก็จำมันได้ เวลาตัวจริงเข้ามา ก็ไปจัดการกับมัน

ภูมิคุ้มกันเรามีศักยภาพในการจดจำ มันจะจำหน้าตาตัวนี้ มันเปลี้ยแล้ว แต่หน้าตาเหมือนเดิม
ฉะนั้น เวลาไวรัสเข้าไปมันก็จะจัดการ เพียงแต่ว่าวัคซีนพวกนี้มันแพง เทคโนโลยีเก่า แต่กลายเป็นว่ามันแพง
เพราะกระบวนการผลิตวัคซีนพวกนี้ ต้องเอาเชื้อจริงๆ มาเลี้ยงเพิ่มจำนวน และก็ต้องระวังความปลอดภัยไม่ให้เชื้อกระจาย

พวกนี้ค่าใช้จ่ายสูงแน่นอน เพราะต้องใช้ห้องปฏิติการที่เรียก PSL อย่างน้อย ๓ เพื่อป้องกันการระบาดของเชื้อ
เพราะฉะนั้น ค่าใช้จ่ายจึงสูงมาก โดสละตกประมาณ ๒๐ เหรียญ มันจึงแพงกว่า

แต่ขณะเดียวกัน ไวรัล เวคเตอร์ ของแอสตร้า เซนเนก้า ที่เข้ามาเนี่ย มันเป็นเทคโนโลยีอีกอย่างหนึ่ง เราเอาเชื้อไวรัสเหมือนกัน แต่ไม่ใช่ไวรัสโควิด
แต่เป็นไวรัสที่มีสารพันธุกรรมที่สร้างโปรตีนคล้ายๆ โปรตีนติดกับมันเพื่อให้ร่างกายจำมันได้
ผมเชื่อว่าปลอดภัยกว่าเยอะ และเทคโนโลยีทำให้มันถูกลง

แต่ผมเชื่อว่า ๒ อันนี้ สำหรับเมืองไทย ผมบอกแล้วว่า ผมฉีดแน่ และ ๒ อันนี้ ผมมั่นใจว่าปลอดภัย
ยิ่งใครฉีดซิโนแวคเนี่ย ใครฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ทุกปี นั่นแหละเทคโนโลยีตัวเดียวกัน

สุทธิชัย หยุ่น : ซิโนแวคของจีนเนี่ย แรกเริ่มคนสงสัยมากกว่าไฟเซอร์นะ แต่คุณหมอประสิทธิ์บอกกว่า มันกลับกัน?

นพ.ประสิทธิ์ : เพราะมันเป็นเทคโนโลยีเดียวที่ทำวัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่เราฉีดกันทุกปีๆ นั่นแหละครับ คือเอาเชื้อมาทำให้มันเปลี้ย
เพราะฉะนั้น เทคโนโลยีอันนี้ ถามว่าอันตรายมั้ย บอกว่าเป็นเทคโนโลยีที่เรารู้จักมากที่สุด
ความปลอดภัยน่าจะเยอะสุด

คนบางคนกลับไม่แน่ใจแอสต้รา เซนเนก้า เผอิญคนมันยังติดใจของจีนกับไม่ใช่ของจีนแบบเนี้ย
แต่ผมเชื่อว่า ๒ ตัวนี้ ความปลอดภัย ผมมั่นใจครับ.
……………….

ครับ….
คนที่ฉีดซิโนแวคไปแล้ว เปลี่ยนจากใจเสียเป็นดีใจได้แล้วครับ โอกาศกลายพันธุ์เป็นสัตว์ประหลาดไม่มีแน่นอน
ส่วนใครที่กระหายไฟเซอร์ ก็เชิญตามสบาย.


Written By
More from plew
วัน “เริ่มต้น” สู่วัน “สิ้นสุด” #เปลวสีเงิน
เปลว สีเงิน วันนี้ ๑๘ มิถุนา. ทุกคนคงส่ายสายตาล่อกแล่กไปที่ “ศาลอาญา” ที “ศาลรัฐธรรมนูญ” ที เพราะที่ “ศาลอาญา”...
Read More
0 replies on “กสม.หรือ “กำไลอีเอ็ม?” – เปลว สีเงิน”