เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2564 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และกระทรวงแรงงานภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เห็นความยากลำบาก และมีความห่วงใยพี่น้องแรงงานและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19
จึงมีมาตรการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการ “ล็อกดาวน์” ในพื้นที่สีแดงเข้ม 13 จังหวัด คือ กรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สงขลา และต่อมาได้เพิ่มเติมอีก 3 จังหวัดคือ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และพระนครศรีอยุธยา ครอบคลุม 9 ประเภทกิจการ ได้แก่
กิจการก่อสร้าง กิจการที่พักแรมบริการด้านอาหาร กิจกรรมศิลปะ ความบันเทิงและนันทนาการ กิจกรรมบริการด้านอื่นๆ สาขาการขนส่งและสถานที่เก็บสินค้า สาขาขายส่งและการขายปลีก การซ่อมยานยนต์ สาขากิจกรรมการบริหารและบริการสนับสนุน สาขากิจกรรมวิชาชีพ วิทยาศาสตร์และกิจกรรมทางวิชาการ และสาขาข้อมูลข่าวสารและการสื่อสารนั้น
พบว่าภาพรวมการจ่ายเงินเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา 33 กลุ่มโอนไม่สำเร็จใน 13 จังหวัด มีจำนวน 233,730 ราย จากผลการโอนเงินเยียวยาเมื่อวันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา พบว่า โอนสำเร็จ 139,401 ราย เหลือโอนไม่สำเร็จ 94,329 ราย เนื่องจากไม่ผูกพร้อมเพย์ 91,462 คน ปิดบัญชี 1,200 คน ไม่มีบัญชี 901 คน บัญชีติดเงื่อนไข 15 คน เลขบัญชีไม่ถูกต้อง 73 คน ไม่สามารถทำรายการได้ 678 คน
นายสุชาติกล่าวว่า ทั้งนี้ผู้ที่ยังไม่ได้รับเงินดังกล่าว ทางสำนักงานประกันสังคมจะส่งเลขประจำตัวประชาชนไปให้นายจ้าง เพื่อให้นายจ้างแจ้งให้ลูกจ้างที่เงินยังไม่เข้าดำเนินการผูกพร้อมเพย์กับเลขบัตรประจำตัวประชาชนให้เรียบร้อย เพื่อที่สำนักงานประกันสังคมจะได้โอนเงินให้ทุกวันศุกร์ต่อไป
“การโอนเงินเยียวยาแก่ผู้ประกันตน ใน 13 จังหวัด 9 กิจการ ถือเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนแก่ภาคแรงงานและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ตามเจตนารมณ์ของท่านนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลที่จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เพื่อให้ทุกคน ทุกกลุ่ม เดินหน้าต่อไปได้และก้าวข้ามสถานการณ์โควิดในครั้งนี้ไปด้วยกัน” นายสุชาติกล่าว