เปลว สีเงิน
ขอโทษทีครับ….
หายไปค่อนวัน-ค่อนคืน เผอิญหมอนัดตอน ๖ โมงเย็นวาน กว่าจบคอร์สอบรมโรคประจำตัวก็ ๒ ทุ่มกว่า
ชีวิตเลยติดเคอร์ฟิว โปรดเห็นใจ!
ก็เขียนๆ คุยๆ คาไว้ ตื่นเช้าพอมีแรงข้าวต้ม ขอต่อให้จบ จะอ่าน-ไม่อ่าน ก็สุดท่านจะกรุณา เพราะว่ามัน “ช้าเกินการณ์” ไปนั่นแหละ
……………………..
ยุค “สื่อสารครองโลก” มันก็ดีอย่างนี้
ไม่ว่าอยู่ดูไบ….
อยู่ฝรั่งเศส อยู่ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ หรือในรู้เลี้ยวไหนทุกส่วนของโลก “สื่อสาร-สั่งการ” ถึงกันได้ ชนิดเรียลไทม์
ฉะนั้น วัน-สองวันนี้ “คลับเฮาส์” วงหนึ่ง จึงคึกคักเป็นพิเศษ ด้วยกลุ่มขบวนการ เวียนหน้ารายงานผล “คาร์ม็อบ” เมื่ออาทิตย์ ๑ สิงหา.
ล้ม “ประยุทธ์” ด่านแรก
สู่ปฏิบัติการ “ล้มสถาบัน” เป็นด่านที่สอง
นำโทนาฟและน้องสาวกลับบ้านอย่างเท่ๆ เป็นด่านที่สาม
สู่เป้าหมายสุดท้าย….
เปลี่ยนประเทศจาก “ราชอาณาจักรไทย” เป็นสาธารณรัฐ มี “ประธานาธิบดี” เป็นประมุขแทน “พระมหากษัตริย์”
ยุทธการคาร์ม็อบตามแผน “ถนนทุกสายมุ่งสู่กรุงโรม” ของเขาวานซืน “ปิดถนน-ปิดเมือง” เป็นการ “ซ้อมแผน” ก่อน “วันดีเดย์”
ซึ่งกำหนดกันแล้ว ๗-๘ สิงหา.
พวกเขาจะใช้ฤกษ์ “วันเสียงปืนแตก” ออกปฏิบัติการรุนแรง “ขั้นมีได้-มีเสีย”
ประเมินจากเมื่อวันอาทิตย์-จันทร์ ดูเหมือนพวกเขามีความฮึกเหิมและเหี้ยนกระหือรือในวันที่ ๗-๘ สิงหา.นี้มาก
สองวันที่ผ่าน เขาทำกันอย่างไร ก็ลองทบทวนดู
ใช้กองกำลัง “คนรุ่นใหม่” ที่ล้างสมองปลุกเร้าไว้ถึงระดับซอมบี้ กระจายเป็น “หน่วยหน้า”
บุกเข้าใช้ปฏิบัติการ “เถื่อน-เลว-สถุล” ทุกรูปแบบ กับเจ้าหน้าที่ สาดสีละเลงใส่ ทุบทำลายสถานที่ราชการ ทั้งเขียนข้อความจ้วงจาบหยาบช้าต่างๆ นานา
ใช้ความเป็นกองกำลังบ้าคลั่งร่างกายอยากปะทะเข้าต่อต้าน ทุบตีเจ้าหน้าที่ ที่ควบคุมรักษาความสงบ
บังคับตำรวจปล่อยผู้ต้องหา ปิดถนน ปิดทางเข้าออกสถานที่ราชการ อาคารบ้านช่องชาวบ้านเสียหาย
ทั้งด่าทอเหยียดหยามเจ้าหน้าที่ยิ่งกว่าหมูหมา สาดสีแดงใส่ตำรวจที่ยืนแถวเปียกโชก
คือพยายามทุกทางยั่วให้ตำรวจใช้กำลัง เพื่อเข้าแผนไอที “โลกล้อมประเทศ”
ชุลมุนปุ๊บ กองถ่ายทำของเขาจะบันทึกภาพ นำช็อตเด็ดจากมุมกล้องไปตัดต่อเป็นภาพ “ตำรวจกระทืบรุ่นใหม่ผู้โหยหาประชาธิปไตย” ทันที
แล้วทีมงาน “ปั่นเฟก-ปั่นทวีต” ของเขา ก็ลงมือ ปั่นๆๆๆๆๆ ทั้งเฟซ ทั้งทวีต ทั้งตามสำนักข่าวออนไลน์เครือข่าว เฉพาะเหตุการณ์วันอาทิตย์วันเดียว
ปั่นทวีตกันไป เกือบ ๗ ล้านทวีต!
คิดดูละกัน การใช้ไอทีปั่นข่าวลวงโลกในยุค “สื่อสารครองโลก” ได้ผลกว่าใช้ทหารทังกองทัพรบอีก
โหมประโคมให้เป็นว่า….
ตำรวจผู้ทำหน้าที่รักษากฎหมาย คืออาชญากร พวกสามนิ้วผู้ทำผิดกฎหมาย ก่อการโค่นล้มรัฐบาลและสถาบัน คือ ผู้รักประชาธิปไตย
ดูนายใหญ่จะพึงใจมาก…..
ทุกบิลจึงลื่นไหล เพื่อ “ความฉิบหาย-ทำลายเมือง” ฉากต่อไป ๗-๘ สิงหา.พร้อมทุนสร้าง ชนิดไม่อั้นกับแผน “คาร์ม็อบ” และการยกระดับ “ความรุนแรง” ทุกรูปแบบ
มองว่า การทำให้จราจรทั่วกรุงและปริมาณฑลติดขัดเป็นวงกว้างมากๆ นานๆ จะสร้างความหงุดหงิด ความเบื่อหน่ายให้กับประชาชน
แล้วประชาชนก็จะเกิด “ปฏิกริยาย้อนกลับ” ไปโกรธ ไปด่า ไปตำหนิรัฐบาลและเจ้าหน้าที่รัฐแทน ว่าไม่เอาไหน
การใช้กำลังเข้าปะทะ เข้าทำร้ายเจ้าหน้าที่ ชนิดไม่กลัวกฎหมาย ไม่แคร์อำนาจตำรวจ
จะได้ผลทางจิตวิทยามาก………
๑.ประชาชนจะครั่นคร้าม เกิดจิตระย่อ สยบยอมต่อกองกำลังสามนิ้วล้มเจ้ามากขึ้น
๒.เมื่อจิตประชาชนถูกโจรสยบ ก็จะถอนคอนคลายความเชื่อมั่นอำนาจรัฐ ไปเชื่อมั่นโจรแทน
เพราะเห็นแล้ว….
“ปฏิบัติการระยำเมือง” มีอำนาจ-อิทธิพลเหนือกฎหมายโดย “รัฐบาล-เจ้าหน้าที่รัฐ” ไม่อาจจัดการอะไรพวกเขาได้เลย
และนั่น นานๆ ไป….
เพื่อสวัสดิภาพและความปลอดภัยตัวเอง ประชาชนจะถ่ายความเชื่อมั่น-ศรัทธา จาก “ระบบรัฐ” ไปอยู่ที่ “ระบบโจร”
๗-๘ สิงหา.จริงหรือ….
ที่ขบวนการสามนิ้วจะยกระดับความรุนแรงขั้นสูงสุด?
ลึกๆ ผมไม่รู้
เพียงประเมินจากพวกหัวๆ เขาโพสต์-เขาทวีตกัน หลังคาร์ม็อบได้ภาพ “คุกคามเมือง” นำไปปั่นทวีตบิดเบือนว่า ตำรวจคุกคามสื่อ คุกคามรุ่นใหม่โหยหาประชาธิปไตย
เช่น “นายอานนท์ นำภา” โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า
ม็อบ เท่าที่ทราบ มีการจัดร่วมกันหลายกลุ่ม
1.สมบัติทัวร์ ของพี่หนูหริ่ง รวมตัวที่ถนนวิภาวดี-รังสิต
2.นปช.ทัวร์ ของพี่เต้น รวมตัวกันที่สี่แยกราชประสงค์
3.ราษฎรทัวร์ ของกลุ่มราษฎร รวมตัวที่ราชดำเนิน
“สถานการณ์ตอนนี้แหลมคมมาก …….
เรากำลังทำลายวัฒนธรรมเก่าของการมองการต่อสู้ของประชาชนลงอย่างราบคาบ
เมื่อการต่อสู้มันไม่ได้เป็นแบบรัฐทำอะไรก็ได้ไม่ผิด ประชาชนโต้แย้งตอบโต้ไม่ได้ กลายมาเป็นการต่อสู้แบบคนเท่ากัน”
ถามว่ามันสุ่มเสี่ยงจะเลยเถิดจากสันติวิธีไปสู่การใช้ความรุนแรงซึ่งกันและกัน หรือไม่
ก็ต้องตอบอย่างซื่อสัตย์ต่อตัวเองว่า “เป็นไปได้สูง”
“นายสมบัติ บุญงามอนงค์” หรือ บก.ลายจุด แกนนำกลุ่มคาร์ม็อบ โพสต์สรูปเหตุการณ์คาร์ม็อบ ๑ สค.ประเด็นสำคัญอยู่ตรงข้อความว่า
“มวลชนยังคงอยู่ทุกจังหวัด รอวันลุกขึ้นสู้ เมื่อสัญญาณพลุไฟได้จุดขึ้น”
ใครคือผู้ให้ “สัญญานพลุไฟ” คงไม่ใช่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เข้าของวลี “เผาไปเลยพี่น้อง ผมรับผิดชอบเอง” เมื่อพฤษภา.๕๓ แน่
หรือยุคใหม่ สัญญานจุดมาจากหน้าจอ “คลับเฮาส์”?
ก็ต้องดูกันต่อไป เห็นมั้ย ปลายสัปดาห์นี้ เร้าใจกว่าบอลคู่ชิงเหรียญทองโอลิมปิกเป็นไหนๆ
หรือคนนี้ “นายปิยบุตร แสงกนกกุล” ที่ตอนนี้ ไปนอนสั่งการกับเมียอยู่ที่ฝรั่งศส ยุคไอทีมันดีอย่างนี้ อยู่ที่ไหนก็สื่อสารถึงกันได้ทุกวินาที
พลันที่คาร์ม็อบคึก ปิยบุตรก็โพสต์ข้ามทวีป “แนะแนว” ขั้นต่อไปถึงขบวนการสามนิ้ว ดังนี้
Piyabutr Saengkanokkul – ปิยบุตร แสงกนกกุล
ปฏิรูปแบบปฏิวัติทำข้อเสนอให้ราดิคัลที่สุด ก้าวหน้าที่สุด ไต่เพดานให้มากที่สุด เท่าที่เป็นไปได้ภายใต้ระบอบที่เป็นอยู่
ยกระดับให้ข้อเสนอนี้เป็นข้อเสนอขั้นต่ำที่เราจะไม่ถอยไปมากกว่านี้
หากข้อเสนอนี้ไม่ได้รับการสนองตอบ สถานการณ์จะสุกงอมจนลื่นไถลให้ปฏิรูปกลายเป็นปฏิวัติ
นี่คือ “ปฏิรูปแบบปฏิวัติ”
อุ๊ย…..น่ากลัวจัง
“สุกงอมจนลื่นไถลให้ปฏิรูปกลายเป็นปฏิวัติ” เอากันถึงขั้นนี้จะๆ แจ้งๆ อย่างนี้เชียวหรือ?
คีย์ของการ “ปฏิรูปให้เป็นปฏิวัติ” ตามคำชี้แนะของปิยบุตร อยู่ที่คำว่า “ราดิคัล”
“ราดิคัล” คืออะไร?
ก็คือ การใช้ความรุนแรงให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง, เศรษฐกิจ, สังคม โดยให้ทำกันชนิด “ขุดราก-ถอนโคน”
สรุป “ปฏิรูปแบบปฏิวัติ” ที่ปิยบุตรส่งสัญญานมา ก็คือ
ระบบกษัตริย์ คือราก
“ปฏิรูปแบบปฏิวัติ” ตามคำสังปิยบุตร “ขุดราก” ก็คือให้ล้มสถาบันนั่นเอง!
แต่ยังไงก็ ปิยบุตรก็ไม่น่าใช่ ประธาน “จุดพลุไฟ” ตามนัยที่นายสมบัติโพสต์
งั้น..แล้วใคร?
แล้วผมจะไปรู้ได้ไง เพราะะผมไม่ได้เป็นนายสถานีขลับเห่านี่!?