ผักกาดหอม
นี่แหละสังคมแบ่งขั้ว
ให้ไปซ้ายจะไปขวา
ให้เดินหน้ากลับจะถอยหลัง
อีกฝ่ายทำอะไร ค้านมันทุกเรื่อง
ติดเป็นนิสัยกันหมดแล้ว
เรื่องเปิดประเทศใน ๑๒๐ วัน หลายภาคส่วนเข้าใจ และเริ่มคุยกันแล้วว่าจะไปสู่จุดนั้นได้อย่างไร แต่ก็มีคนบางส่วน เอาแต่กระแนะกระแหนว่า นายกฯ โง่ รัฐบาลไร้ประสิทธิภาพ ไม่มีทางทำได้สำเร็จ น่าจะมีคนติดเชื้อและตายมากขึ้นต่างหาก
วานนี้ “ลุงตู่” ออกมาย้ำเรื่องเปิดประเทศใน ๑๒๐ วันอีกครั้ง
“….ผมขอกล่าวสิ่งที่ผมพูดไปเมื่อวันพุธที่ผ่านมาอีกครั้ง เรื่องตั้งเป้าให้ประเทศไทยควรต้องพร้อมภายใน ๑๒๐ วัน หรือประมาณเดือนตุลาคม ที่จะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าประเทศได้โดยไม่มีเงื่อนไขที่สร้างความยุ่งยากจนเกินไป หลังจากที่มีการฉีดวัคซีนเข็มแรกให้คนไทยอย่างน้อย ๕๐ ล้านคนแล้ว
ผมขอตอกย้ำอีกครั้ง ให้ทุกหน่วยงานและทุกคนที่เกี่ยวข้อง ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่อยากให้มีใครตั้งต้นด้วยข้อจำกัดที่คิดว่าเป้าหมายนี้จะทำไม่ได้
วันนี้ ประชาชนต้องต่อสู้เพื่อความอยู่รอด ทุกวัน ทุกสัปดาห์มีค่าสำหรับเค้า
ดังนั้น ขอให้ร่วมมือกันทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อวิ่งไปให้ถึงเส้นชัย คือเป้าหมาย ๑๒๐ วันให้ได้ เราต้องทำงานแบบมีเป้าหมายที่จริงจัง ชัดเจน
แน่นอนครับว่า อาจจะมีปัจจัยภายนอกที่มารบกวนเราได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการส่งมอบวัคซีน เรื่องสายพันธุ์ใหม่ๆ หรือเรื่องอื่นๆ แต่เราทุกคนต้องทำให้เต็มที่ เพื่อบรรลุเป้าหมายของเราให้ได้ครับ…”
ครับ…หลักของการบริหารไม่ว่าจะเป็นประเทศหรือบริษัทมันต้องตั้งเป้าหมาย แล้วเดินให้ถึงเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้
การกำหนดเป้าหมาย เป็นการสร้างพลัง สร้างความเข้าใจให้ตรงกันว่า จุดสุดท้ายที่จะเดินไปด้วยกันนั้นอยู่ตรงไหน โดยเส้นทางที่จะเดินไปนั้นต้องมีความชัดเจน เป็นรูปธรรมจับต้องได้
การเดินสู่เป้าหมายในสงครามโรคระบาด อาจจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จก็ได้ เพราะเต็มไปด้วยปัจจัยเหนือการควบคุม
แต่ก็ต้องตั้งเป้าหมายไว้พุ่งชน
ที่สำคัญต้องมองให้พ้นความขัดแย้งการเมืองในประเทศไปให้ได้
มี ส.ส.ฝ่ายค้านเอาแต่ด่านายกฯ เฮงซวย ตัวเองไปฉีดวัคซีนครบ ๒ เข็ม แล้วบอกว่าฉีดส่งเดช ฉีดให้มันจบๆ ไป
เป้าหมายฉีดวัคซีนเป็นวาระแห่งชาติ ฉีดเข็มแรกให้ครบ ๕๐ ล้านคน ในเดือนตุลาคม
ณ วันที่ ๑๙ มิถุนายน ฉีดไปแล้ว ๗,๕๘๗,๑๗๘ คน
ตัวเลขกลมๆ เหลืออีก ๔๒ ล้านคนรอฉีดอยู่
ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น
มิติทางสังคม ส.ส.คนนี้ใช้ไม่ได้ ไม่สมกับที่อ้างว่ามาจากประชาชนเลย
มีทัศนคติที่เลวร้ายอย่างรุนแรง
ทั่วโลกเค้าแย่งวัคซีนกัน
ชาวโลกต่างหวังว่าตัวเองจะได้ฉีดวัคซีนในเร็ววัน นับวันรอคอยเพราะเป็นเรื่องความเป็นความตาย
ไม่ใช่เฉพาะตัวเอง คนรอบข้าง คนในครอบครัว โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ล้วนมีความเสี่ยงจากโควิดทั้งสิ้น หากใครคนใดคนหนึ่งเป็นพาหะ
แต่มี ส.ส.ไทยกลับให้เหตุผลในการฉีด เพื่อต้องการให้จบๆ ไป จึงไปฉีดแบบส่งเดช
ถามหน่อยใครบังคับให้ไปฉีด เป็นสิทธิ์ที่จะไม่ฉีดไม่ใช่หรือ
นี่จึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมต้องให้โควิดหลุดจากการเมืองให้ได้
นักการเมืองควรหยุดด้อยค่าวัคซีน สร้างความสับสนให้ประชาชน
หากวัคซีนยี่ห้อไหนไม่ดี ฉีดแล้วป้องกันโควิดไม่ได้ ก็เอาตัวเลขมากาง เอาผลวิจัยมาพูดกัน ไม่ใช่ปั่นกระแสในโซเชียล แล้วไม่ต้องรับผิดชอบอะไร
วัคซีนแต่ละยี่ห้อ ไม่ใช่เอาน้ำกรอกใส่ขวดแล้วจบ
มันผ่านการลงทุน การวิจัย การทดลอง ไม่รู้กี่ขั้นตอน เสร็จแล้ว องค์การอนามัยโลก (WHO) ต้องลงยันต์ให้อีกที
ฉะนั้นสังคมต้องแยกแยะเรื่องพวกนี้ให้ได้
ขอยืมคำ “สามนิ้ว” มาใช้หน่อย
ถ้าการเมืองดี โอกาสเปิดประเทศใน ๑๒๐ วัน มีความเป็นไปได้สูง
ครับ…ก้าวข้ามความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศยังไม่พอ ต้องมองภาพรวมของโลกให้ออกด้วย
ลองนึกภาพดูครับว่าอีก ๑๒๐ วันข้างหน้า สถานการณ์ของโลกจะเป็นอย่างไร
แล้วจะเข้าใจว่าทำไมต้องเปิดประเทศในเดือนตุลาคมนี้
สำหรับประเทศไทย นับหนึ่งใน ๑๒๐ วัน คือวันที่ ๑ กรกฎาคม ตามแผนการเปิดจังหวัดภูเก็ต หรือภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ (Phuket Sandbox)
ตามด้วยพื้นที่ Sealed Routes เกาะสมุย เกาะเต่า เกาะพะงัน ในวันที่ ๑๕ กรกฎาคม
ถัดไปเป็น พื้นที่ Extension คือ เกาะพีพี เกาะไหง ไร่เลย์ จ.กระบี่ และเขาหลัก เกาะยาว จ.พังงา จะเปิดรับนักท่องเที่ยวได้ในเดือนสิงหาคม
ต่อมาถึงคิว Sealed Approach (Areas&Routes) หรือพื้นที่ซึ่งอยู่บนแผ่นดิน คือ อำเภอเมืองเชียงใหม่ อำเภอแม่ริม แม่แตง ดอยเต่า จ.เชียงใหม่ พื้นที่พัทยา อำเภอบางละมุง สัตหีบ (พัทยา) และพื้นที่อำเภอเมืองบุรีรัมย์ สนามช้าง อารีนา จ.บุรีรัมย์ จะเปิดรับนักท่องเที่ยวในเดือนกันยายน
ส่วน กรุงเทพฯ ชะอำ หัวหิน จะเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วงไตรมาสที่ ๔ คือเดือนตุลาคม
ทำไมต้องทำแบบนี้ไม่กลัวโควิดระบาดรอบ ๔ หรือ มีแผนอะไรอยู่ในมือหรือเปล่า
ไม่ใช่เด็กเล่นขายของ แผนมันต้องมี ดู ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ เป็นตัวอย่าง กำหนดหลักเกณฑ์การรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้าพื้นที่จังหวัดภูเก็ต โดยไม่กักตัว ๙ ประเด็น คือ
๑.ต้องเป็นนักท่องเที่ยวที่มาจากประเทศเสี่ยงต่ำและปานกลางตามเกณฑ์ที่กระทรวงสาธารณสุขและ ศบค.กำหนด
๒.ต้องได้รับวัคซีนครบโดสแล้วไม่น้อยกว่า ๑๔ วัน โดยมีเอกสารการรับวัคซีนจากประเทศต้นทางเป็นวัคซีนที่ขึ้นทะเบียน ตามกฎหมายไทยหรือที่ WHO รับรอง กรณีเด็กต่ำกว่า ๖ ขวบให้เดินทางพร้อมผู้ปกครองได้
๓.มีผลการตรวจหาเชื้อโควิดด้วยวิธี RT-PCR ก่อนเดินทางไม่เกิน ๗๒ ชั่วโมง และมีหลักประกัน COVID ไม่น้อยกว่า ๑ แสนเหรียญสหรัฐฯ
๔.เมื่อถึงสนามบินภูเก็ตให้ตรวจหาเชื้อโควิดโดยวิธี RT-PCR และเดินทางไปที่พักโดยรถยนต์ที่ได้มาตรฐาน SHA Plus โดยไม่อนุญาตให้ออกจากห้องพักจนกว่าผลการตรวจยืนยันว่าไม่พบเชื้อ
๕.เข้าพักในโรงแรมที่ได้มาตรฐาน SHA Plus ไม่น้อยกว่า ๑๔ คืน โดยสามารถเดินทางไปในพื้นที่ต่างๆ ในจังหวัดภูเก็ตได้ภายใต้มาตรการป้องกันโรค D-M-H-T-T-A ห้ามออกนอกเขตจังหวัดภูเก็ตก่อนครบ ๑๔ คืน เว้นแต่เดินทางออกนอกราชอาณาจักรไทย
๖.รายงานตัวและรับการตรวจหาเชื้อ Covid-19 ตามเกณฑ์ที่กรมควบคุมโรคกำหนดในวันที่ ๖ และวันที่ ๑๓
๗.ใช้บริการสถานประกอบการที่ได้มาตรฐาน SHA Plus ในจังหวัดภูเก็ต
๘.ติดตั้งแอปพลิเคชันหมอชนะบนสมาร์ทโฟนและอนุญาตให้เข้าถึงตำแหน่งหรือแชร์โลเกชันได้
๙.ไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้าประเทศไทยโดยทางเรือ
ไม่ครบก็เกือบครบ แต่อย่าลืมยังต้องบังคับสวมหน้ากากอนามัยทุกคน ไม่งั้นจะเหมือนอังกฤษที่โควิดกลับมาระบาดอีกรอบ
อีก ๔ เดือนข้างหน้าหลายประเทศฉีดวัคซีนให้ประชาชนส่วนใหญ่ครบ ๒ โดส โดยเฉพาะประเทศร่ำรวยในยุโรป รวมถึงจีนลูกค้ารายใหญ่ของเรา
จุดขายประเทศยังคงเป็นการท่องเที่ยว และจะเป็นเป้าหมายแรกของนักท่องเที่ยวจากจีน ยุโรป อเมริกา ที่ลงแดงมาปีกว่าแล้ว
ถ้าเราไม่เตรียมพร้อม ไม่มีเป้าหมายอะไรเลย ฉีดวัคซีนส่งเดช ธุรกิจภาคบริการ ร้านอาหาร โรงแรม ฯลฯ ไม่มีทางโงหัวขึ้นได้
รายได้จากการท่องเที่ยวคือรายได้หลักของประเทศ
ฉะนั้นคงเข้าใจนะว่าทำไม “ลุงตู่” ถึงประกาศเปิดประเทศใน ๑๒๐ วัน
