เปลว สีเงิน
เรื่อง “ฉีดวัคซีน”
คณะกรรมการ “วัคซีนแห่งชาติ” ออกแผนใหม่ล่าสุดมาแล้ว!
Walk – in ครับ Walk-in แปลว่า “ฉุยฉายพราหมณ์”
ไม่ต้องรอถึงมิถุนา…..
เอาตั้งแต่เดี๋ยวนี้เลย เห็นเขาตั้งหน่วยบริการนำร่องที่ไหน ฉลุยแฉลบเข้าไปเลย
แต่แบบเต็มวง พร้อมทั่วแผ่นดิน ก็ต้องมิถุนา.เป็นต้นไป เพราะตอนนั้น วัคซีน “พระเอกของเรา” แอสตร้า เซนเนกา มาพรึ่บแล้ว
ขอความร่วมมืออย่าง…..
ไม่ว่าจะมาฉีดผ่านช่องทางไหน ต้องลงทะเบียน “หมอพร้อม” ด้วยทุกคน
เพื่อประโยชน์ตัวเราเอง ฉีดแล้วเป็นไง มีข้อมูลอะไรอัพเดท หมอกับเรา จะได้ส่งข่าวคราวถึงกันได้สะดวก
ดูรายละเอียด “แผนใหม่” กันหน่อยก็ได้
“นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต” ปลัดสาธารณสุขแถลงเมื่อวาน (๑๓ พค.๖๔)
ให้ “สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด” ทุกจังหวัด เปิด “๓ ช่องทาง” ให้ประชาชน “เข้าถึง” การฉีดวัคซีนได้
๑.ลงทะเบียนผ่านไลน์และแอป “หมอพร้อม”
๒.คนอายุ ๖๐ ขึ้นไป, กลุ่ม ๗ โรคเรื้อรัง, อ้วน น้ำหนักตัวเกิน ๑๐๐ กก. จองผ่านโรงพยาบาล หรืออสม.ก็ได้
๓. Walk in เดินเข้าไปรับบริการเลย ก็ได้
ตามแผนปฏิบัติการพรมฉีดถ้วนหน้านี้ แอคชั่น ตั้งแต่มิถุนา.เป็นต้นไป
ปัญหาแยกย่อยหน้างาน ไม่ต้องรอรายงานตามลำดับชั้น เจ้าหน้าที่ตัดสินใจได้เลย
ยึด “สะดวก-พอใจ” ของคนมาฉีดเป็นหลัก
อย่าเป็น “หัวลูกเต๋า” ไม่รู้จักพลิกแพลงแก้ไขปัญหาหน้างาน คน “ระบบราชการ” ต้องหัด “คิดเป็น-ทำเป็น-พูดเป็น” แต่เดี๋ยวนี้
และหัด “รับผิดชอบ” ด้วย!
พูดถึงท่านปลัดสาธารณสุข เออ…มันเรื่องอะไรกันมิทราบ?
เห็นสั่งย้าย “นายแพทย์สวรรค์ กาญจนะ” แบบไม่มีปี่-มีขลุ่ย จาก ผอ.โรงพยาบาลประจำจังหวัดชุมพร ไปเป็นผอ.โรงพยาบาลระดับอำเภอ ที่เบตง!
ข่าวว่า คุณหมอสวรรค์ “ยื่นใบลาออก” จากราชการแล้วเพราะขอทราบเหตุผลในการ “ย้ายนอกฤดูกาล” และย้ายจากจังหวัดไปอำเภอ ก็ไม่มีคำตอบ
หมอสวรรค์ผิดพลาด-บกพร่องอะไรชนิด “คอขาด-บาดตาย” หรือครับ ท่านปลัดฯ?
ถึงย้ายผอ.โรงพยาบาล ขณะกรำศึกโควิด?
ผิดพลาดหรือผิดใจใครหรือครับ?
กรณี “ย้ายเดี่ยว” นอกฤดูกาลอยางนี้ ผมดูแล้ว ลำพังตัวปลัดเองคงไม่ทำ แล้วใครสั่งให้ปลัดทำ ทำด้วยเหตุผลใด?
ท่านคงไม่ตอบ และผมก็อยากไม่เซ้าซี้ท่าน
แต่เพื่อไม่ให้นักรบหน้าศึก “แพทย์-พยาบาล” ต้องเสียขวัญ-เสียกำลังใจ
และเพื่อเก็บรักษาขุนพลศึกทางการแพทย์เอาไว้ใช้ ท่านปลัด “ยับยั้งใบลา” หมอสวรรค์ไว้ก่อนดีกว่า
พูดคุยกันประสาหมอก่อน จากนั้น จะตัดสินใจยังไง ก็ค่อยว่ากันไปตามนั้น
ที่จริง ในกระทรวงสาธารณสุขนี่…..
“การเมืองเรื่องหมอๆ” พอๆ กัน หรือยิ่งกว่าการเมืองเรื่องเก้าอี้ที่ทำเนียบรัฐบาลซะอีก!
ถ้าจะเอามานินทาน่ะนะ ผมเขียนได้เล่มโตกว่า “วิทยานิพนธ์ล้มเจ้า” ของดอกเตอร์อะไรล่ะ ที่เขาถลกหนังกันไวๆ นี้ซะอีก
นี่มันพศ.๒๕๖๔ แล้วนะครับ “เสื้อขาวหุ้มใจดำ” ควรสูญพันธุ์ไปจาก “กระทรวงสาธารณสุข” เสียที
คงนึกกันว่า มหากาพย์ในแต่ละกรม-แต่ละหน่วยที่ล้วงกันหนุบหนับ พวกมึง-พวกกู คนข้างนอกโง่เป็นควายกันหมด ไม่มีใครรู้เลยว่า “ใต้ผ้าขาวคลุม” การเมือง-การหมอ เขาล่ออะไรกัน อย่างนั้่นละซี
เรื่อง “ตั้งข้อหายัด” เพื่อย้าย “นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล” จากผอ.โรงพยาบาลขอนแก่น นั่นก็ทีแล้ว
เอาเขาเข้ามาดองไว้ในกระทรวง ป่านนี้ ก็ยังหาหลักฐานมายันหมอชาญชัย ว่าผิดตามข้อหาที่ยัดไว้ก็ยังไม่ได้
แทนที่จะให้เขากลับขอนแก่น ตามที่บุคลากรแพทย์-พยาบาลและชาวบ้านเรียกร้องด้วยศรัทธา
กลับถือดีในอำนาจ “กูจะย้ายมึงไปไหนก็ได้”
หมอชาญชัยก็ต้องเซซังไปตามคำสั่ง ประคองชะนักที่ปักหลังไปด้วย!
ตอนนี้ อยู่ที่ไหนซักแห่งแถวๆ อีสาน ที่ไม่ใช่ขอนแก่น ที่ หมอชาญชัยได้สร้างมาตรฐาน “หมอไม่กินเปอร์เซนต์” เอาไว้ให้แสลงใจใครบางคนนั่นแหละ
ครับ…..ภาพรวมของหมอ
นอกจากพระแล้วก็แพทย์นี่แหละ ที่ชาวบ้านต้องยกมือไหว้ ด้วยศรัทธาจากหัวใจ
ฉะนั้น ในการบริหารงาน-บริหารบุคคล ไม่ว่ากระทรวงไหน แต่โดยเฉพาะกระทรวงสาธารณสุข
ผู้นำต้องถึงพร้อม พรหมวิหาร ๔ และหิริ-โอตตัปปะ
ไม่อย่างนั้น….
แพทย์ก็ไม่ต่างจากพระ “สมปองน้องไพรวัลย์” หรือ “ไพรวัลย์พี่สมปอง” ประมาณนั้น!
ย้อนกลับเรื่องแผนใหม่ของการปูพรมฉีด “วาระแห่งชาติ” อีกนิด ผมดูการอำนวยความสะดวกให้คนมาฉีดทั้ง ๓ ช่องทางแล้ว
ฟังง่าย แต่เวลาปฏิบัติ มันก็ยัง งง ทั้งฝ่ายชาวบ้านและฝ่ายเจ้าหน้าที่อีกนั่นแหละ
คือไม่ว่าจะไปยักเยื้องเพื่ออำนวยความสะดวกในวิธีไหน แต่หัวใจสำคัญที่ชาวบ้านจะหลีกเลี่ยงเพื่อ “ไม่ทำ” ไม่ได้ ก็คือ
การเข้าสู่ ระบบ-ระเบียบ ด้วยการ “ลงทะเบียน” ให้รู้ว่าใคร-เป็นใคร?
กระทั่งที่ว่า Walk-in เข้าไปฉีดได้ เหมือนไปห้างแล้วแวะเข้าห้องน้ำฉี่ซะหน่อย นั่นก็เถอะ ก็ยังต้องลงทะเบียน
ตรงนี้แหละ ที่เป็นปัญหา โวยๆ กันว่า ป่านนี้แล้ว เป้าหมายคนแก่ ๑๖ ล้าน แต่เกือบครึ่งเดือน ลงแค่ล้านกว่า
“ลำปางโมเดล” คืออะไร?
คือการ “เอาร่องไปหาก้น” ผู้ว่าฯ ณรงศักดิ์ ท่านเข้าใจ “หัวอกชาวบ้าน” ตามต่างจังหวัด เหตุหนึ่งที่ไม่ลงทะเบียนเพราะ
๑.ลงไม่เป็น ๒.กลัวลงผิด ๓.อ่านไม่ออก-เขียนไม่ได้ ๔.หู-ตาไม่ดี ๕.ทั้งไม่มี-ไม่เป็นมือถือ
๖.ไม่รู้จะไปลงที่ไหน ๗.ไม่สามารถออกจากบ้านไปได้ ๘.อยู่กันสองคนตายาย ไม่มีใครแนะนำทำให้ และ..ฯลฯ
ด้วยลักษณะและวิถีสังคม ก็ต้องใช้ระบบ ส่งเจ้าหน้าที่กระจายออกเสียงแบบรถขายยา
“เคาะประตูบ้าน”
เอาบัตรประชาชนมาลงทะเบียนให้เขา เรียกว่าเร่ “เอาร่องไปบริการถึงก้น” ให้ชาวบ้านเขานั่งได้ถ่ายนั่นแหละ
อย่าว่าแต่คนบ้านนอกเลย ไปห้างในกรุง แล้วหลับตาลากมือใครซัก ๑๐ คน ผมว่า มากกว่า ๕ คนขึ้นไป ก็ยังลงไม่ (ค่อย) เป็น!
ไม่ใช่เขาทำไลน์-ทำแอป “หมอพร้อม” ให้ใช้ยากนะ ต้องชมด้วยซ้ำว่า คนออกแบบเขาเก่งด้วยซ้ำ
หากแต่คนใช้ ถ้าไม่ใช่สาวกมือถือ ที่จะ “เปิดปุ๊บ-เป็นปั๊บ” นั่นเป็นอย่างอื่น ไม่ใช่มือถือแล้วหละ!
พอพูดกันไปวัน รุ่งขึ้น ทางมหาดไทยเอาไม้แยงตูดแต่ละจังหวัด เห็นว่าตอนนี้ จากล้านกว่า เป็น ๔ ล้านกว่าแล้ว
ดิสรัปต์ คือการ “ระเบิดข้างใน” ตัวเอง
เหมือนพลุไฟ ยิงขึ้นไปแล้ว วูบวาบ แวววาว แว๊บวั๊บ หลากสีลีลาประสานละลานตา กับการระเบิดข้างนอก บนฟ้า
ปฏิรูปไม่พอ……..
“ระบบราชการ” ถึงขั้น “ต้องปฏิวัติ” ในทุกระบบ-ทุกมิติ ไม่งั้น ต่อให้เอาสกายลูปมาใช้ ก็ยังต้องถามหา
“ควายอยู่ไหน” เอามาเทียมให้มันลากซิ!?
ถ้าต้องการให้คนแห่ลงทะเบียนฉีดวัคซีนผ่านไลน์-ผ่านแอป “พรึ่บเดียวล้น” ก็ไม่ยาก
ไหนๆ ภาวะนี้ รัฐบาลต้องแจกอยู่แล้ว ก็ประยุกต์แคมเปญไปเลย
ประกาศตูม….
ลงทะเบียน “หมอพร้อม” ฉีดปั๊บ รับค่ารถปุ๊บ ๕๐๐
พรึ่บเดียว ๖๙ ล้านคน “พร้อมฉีด”!
