เมื่อ “สัส” วิวัฒนาไขว่ห้าง-เปลว สีเงิน

เปลว สีเงิน

สบู “มาดามเฮง” นี่….

ครบรอบปีไทยโพสต์ที ผมก็แจกที คือปะหน้าใคร ก็แจกไป บางทีก็ลืม ที่เป็นขาประจำมักถาม “ไหนล่ะมาดามเฮง ปีนี้ไม่แจกหรือ?”
เป็นอย่างนี้มากว่าสิบปี จนมีบางคนถาม
“ผมเป็นเจ้าของหรือ?”
ผมก็ทีเล่น-ทีจริง ตีขลุมไปเรื่อย จนปีที่แล้ว “โควิด” มา ก็เปลี่ยนจากมาดามเฮงเป็น “Dr.JENG” SANITARY HAND & BODY แทน ให้เอาไปใช้ “ล้างมือ-ล้างตัว”

ความจริงก็ “มาดามเฮง” นั่นแหละ
ทีนี้ลูกๆ หลานๆ มาดามเฮงจบแพทยศาสตร์มา ก็ใช้สารสกัดธรรมชาติ ผลิตสบู่เพื่อตอบโจทย์ “สะอาดต้านโควิด” ออกมาในแบรนด์มาดามเฮง รุ่น Dr.JENG
ด้วยความเป็น “รุ่นใหม่-หัวใหม่”

“Dr.JENG” จึงออกมาด้วยคุณภาพมาตรฐาน “มาดามเฮง” แต่ปรับลุคด้วยแพ็กเกจจิ้งใหม่ดูเก๋ไก๋ เตะตาเปรี้ยง

ปีที่แล้วทั้งปี ผมแจก Dr.JENG ที่ไทยโพสต์ไม่หนำใจ ยังใส่ท้ายรถ แจกพรรคพวกไปทั่ว

มาเมื่อวาน (๑ เมษา.) เจ้าของมาดามเฮงตัวจริง “คุณวรรณชัย สุรอมรรัตน์” ส่งมาให้ใหม่ ๑ กล่อง

บอกเป็นรุ่น”สินค้าตัวอย่าง” ในรูปลักษณ์ที่ออกวางตลาดต้อนรับรับเทศกาลสงกรานต์ขณะนี้

๑๒ ก้อน ใน ๑ กล่องเหลืองแดง
ไปรดน้ำอวยพรผู้ใหญ่หิ้ว Dr.JENG ไปแทนพวงมะลิ-มาลัย ผู้ใหญ่ของท่านจะต้องถูกใจแน่

เผลอๆได้แต๊ะเอียสงกรานต์!

เราๆ ท่านๆ ก็เถอะ ร้อนๆ อย่างปีนี้ ไปถอย Dr.JENG มาซักกล่อง แล้วจะรู้ เพราะเหตุใด “มาดามเฮง” จึงครองใจคนใช้มายาวนานได้ถึง ๗๒ ปีแล้ว

ครับ…วันนี้ “ขายสบู่”
ก็ช่วยอุดหนุนหน่อย ผมจะได้มีหน้า-มีตาในความเป็นพ่อค้ากับเขาบ้าง

แล้ววันนี้จะคุยอะไรกันดี?
เรื่องใหญ่ขนาดหนังสือพิมพ์ต้องพาดศีรษะตัวโตเท่าตึก ๗ ชั้นถึง ๒ ฉบับเมื่อวาน ก็มีเรื่องเดียว
คือเรื่อง สั่งห้ามนักข่าวที่ “นั่งไขว่ห้าง” ฟังนายกฯ แถลงในทำเนียบ เข้าไปปฏิบัติหน้าที่นักข่าวในทำเนียบจนกว่าสำนึก

หนังสือพิมพ์ข่าวสด พาดหัวตัวโตว่า
แบนนักข่าวไขว่ห้าง
โกโซบิ๊ก
ทำเนียบสั่งห้ามเข้า

มติชน พาดหัวว่า….
สั่งห้ามนักข่าวสาวไขว่ห้าง
เข้า “ทำเนียบ”
จี้ต้นสังกัดเข้มมารยาท กก.สื่อจวกไม่ให้เกียรติ

ตัวเดินในข่าว ก็มาจากการให้สัมภาษณ์ของสส. “สองเพศ” พรรคก้าวไกลคนหนึ่ง กับพรรคเพื่อไทยคนหนึ่ง

สส. “สองเพศ” ก้าวไกล ให้ความเห็นเรื่องไขว่ห้างฟังนายกฯ แถลง ว่า

“กิริยาการไขว่ห้าง เป็นกิริยาที่ถือปฏิบัติกันโดยปกติสากล บางคนการนั่งไขว่ห้างคือความมั่นใจและเสริมบุคลิกภาพส่วนตัว พลเอกประยุทธ์ไม่ควรก้าวก่าย…..”

สรุปแล้ว เรื่องนี้มันเป็นมายังไงกัน ถึงได้เป็นข่าวที่สื่อให้ความสำคัญ “ระดับชาติ”?

และผมก็อยากรู้ว่า “นักข่าวนั่งไขว่ห้าง” คนนั้น คือใคร ค่ายไหน สำนักไหน ไทย จีน ฝรั่ง ญี่ปุ่น หรือคนชาติไหน?
รู้อย่างเดียว พาดหัวมติชนบอก เป็น “นักข่าวสาว”

อย่างอื่นทั้งหนังสือพิมพ์ ทั้งจากสื่อออนไลน์ ไม่มีเจ้าไหนให้รายละเอียด หากแต่พอจับกระเดียดได้ น่าจะเป็นนักข่าวสาว สังกัดสำนักข่าวญี่ปุ่น

ที่ผมว่าอย่างนั้น ….
กระเดียดจากได้ฟังคำชี้แจงของ “ผอ.สำนักโฆษกสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี” น.ส.นัทรียา ทวีวงศ์”
ลองอ่านกันดูนะ

“ในนามผู้อำนวยการสำนักโฆษก ที่ดูแลการปฏิบัติงานของสื่อมวลชนในทำเนียบรัฐบาล

การระงับการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อดังกล่าว เป็นการแนะนำให้สื่อไปดูแลทำความเข้าใจในการปฏิบัติงานของสื่อให้ครบถ้วนและตรงกัน

เนื่องจากมีการนำภาพและข้อความไปเผยแพร่ในโซเชียลมีเดีย ถึงการปฏิบัติงานที่ต้องนั่งรอหน้าตึกและเกิดความเข้าใจผิดว่า

“การดูแลและสนับสนุนการทำงานของสื่อมวลชนบกพร่องและมีผู้เข้ามาแสดงความเห็นที่บิดเบือน”

“ดิฉันจึงได้แจ้งไปต้นสังกัดด้วยวาจา ให้แนะนำ อบรม การนำข้อความที่ไม่ตรงข้อเท็จจริงไปเผยแพร่
และขอให้ระงับ “การเข้ามาทำข่าวในทำเนียบรัฐบาล” จนกว่าผู้สื่อข่าวดังกล่าวจะเข้าใจ”

ทั้งนี้…..
การนั่งไขว่ห้างของสื่อรายเดียวกันในช่วงการแถลงข่าวของนายกรัฐมนตรี ก็ไม่ใช่การนั่งไขว่ห้างแบบปกติ

เป็นยกขาขึ้นมาพาด ทำให้เท้ายกสูงขึ้น และชี้ไปทางโพเดียมแถลงข่าว
ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ตักเตือนแล้ว และเป็นอันจบไป

ส่วนคำถาม “เรื่องเมียนมา” ก็เป็นที่เข้าใจ เพราะ “สื่อญี่ปุ่น” ให้ความสนใจและมีสื่ออื่นถามเช่นกัน

และนายกรัฐมนตรีก็ตอบคำถามชัดเจนแล้ว จึงขอยืนยันว่า การแจ้งต้นสังกัดเรื่องสื่อดังกล่าว ไม่เกี่ยวกับการนั่งหรือคำถาม
แต่เป็นการตักเตือนเรื่องการ “นำข้อเท็จ” สภาพการปฏิบัติหน้าที่ในทำเนียบ “ไปบิดเบือนจนเกิดความเสียหายต่อสำนักโฆษกและสื่อมวลชนในทำเนียบรัฐบาล”

จึงเรียนมาเพื่อสื่อที่รายงานไปช่วยกรุณาแก้ไขข้อเท็จจริง

ผอ.สำนักโฆษก “คุณนัทรียา” ชี้แจงเคลียร์คัทชัดเจน และจากคำ “เพราะสื่อญี่ปุ่นให้ความสนใจ” นี่แแหละ
จึงประเมินได้ว่า ในความไม่แน่ใจ เป็นสื่อ (คน) ญี่ปุ่น หรือสื่อ (คน) ไทย นั้น
แต่ที่แน่ มาจาก “สำนักข่าวญี่ปุ่น”!

เหตุที่ไม่ให้เข้าไปทำข่าวในทำเนียบอีก ไม่ใช่เพราะไขว่ห้าง เอาเท้าชี้ไปทางนายกฯ
หากแต่เพราะ “นำข้อเท็จไปโพสต์บิดเบือน” ให้เกิดความเสียหาย
และก็ไม่ได้ “ห้ามเข้าทำเนียบ” ตลอดไป
เมื่อนักข่าวคนนั้น ปรับปรุงตัวให้รู้จักใช้กิริยามารยาทให้ถูกต้องตามกาลเทศะสังคมแล้ว

คือ พอ “เป็นผู้-เป็นคน” ดีแล้ว ก็เข้ามาปฏิบัติหน้าที่นักขาวในทำเนียบได้เหมือนเดิม

ก็ชัดเจน และ ควรเป็นเช่นนั้น

การเข้าไปในสถานที่อย่างทำเนียบรัฐบาล ตลอดถึงการฟังแถลงข่าว ผู้ที่สมควรเข้าไปสู่สถานที่นั้น งานนั้น
ควรเป็น “มนุษย์” เท่านั้น ที่จะเข้าไปได้
ไม่ควรปล่อยให้ “สัส” เพ่นพ่านเข้าไปปะปน

เพราะมนุษย์ คือ “ผู้มีใจฝึกแล้วประเสริฐ” จะรู้จักเคารพสถานที่ รู้จักกาลเทศะ และรู้จักให้เกียรติผู้อื่น
ซึ่ง “สัส” ไม่มีเลย!

ผมนำข้อมูลจากคำชี้แจงไปไล่เลียงดูกับภาพและคำที่เขาโพสต์และแชตกันในแวดวงเขา

มันเป็นอย่างที่ที่ผอ.สำนักโฆษก อธิบายถึงการนั่งไขว่ห้างของนักข่าวสาวคนนั้นเป๊ะเลย

“ไม่ใช่การนั่งไขว่ห้างแบบปกติ เป็นยกขาขึ้นมาพาด ทำให้เท้ายกสูงขึ้น และชี้ไปทางโพเดียมแถลงข่าว”

อื้อฮือ จะเป็นอะไรก็ช่าง แต่ในความเป็นผู้หญิง แสดงกิริยาอย่างนี้ คงหา…ยากนะ!
สรุปคือ สื่อใน “ขบวนการ” นั่นแหละ จงใจเข้าไปแสดงสันดานสัส

ที่โพสต์ว่า ทางทำเนียบให้นั่งรอหน้าตึก ปล่อยตากแดด ไม่ดูแลสื่ออะไร นั้น
นั่นจงใจ “สร้างข้อเท็จ” บิดเบือน ให้คนไม่รู้ เข้าใจผิดว่าทางทำเนียบแกล้งหรือไม่ดูแลนักข่าว

สร้างเรื่องเพื่อโพสต์หวังประจานทำเนียบ แล้วก็เมาธ์เป็น “เบื้องหลัง” กันเองผ่านเฟซ จนพอจับไต๋ได้
แล้วก้าวไกล-เพื่อไทยก็งับ เป็นการรับลูกขบวนการ!

ผมเข้าใจเอาว่า นักข่าวสาวคนนี้ น่าจะเป็นสาวไทย เพราะสาวญี่ปุ่นจะไม่ขนาดนี้
คือจะไม่หลุด “สัส” อย่างนี้แน่ แค่ “ส่งของ-รับของ” ด้วยมือซ้าย เขายังไม่ทำ ถือว่าหยาบ ไม่ให้เกียรติ

ฉะนั้น ทัศคติที่ว่า….
“กิริยาไขว่ห้างเป็นกิริยาที่ถือปฏิบัติกันโดยปกติสากล บางคนการนั่งไขว่ห้างคือความมั่นใจ และเสริมบุคลิกภาพส่วนตัว” นั้น

ส่วนตัว “สัส” ละก็ใช่
เพราะนอกจาก “สัส” คนดีๆ ไม่มีที่ไหนเขาทำกัน”

Written By
More from plew
หยุดก่อน “สมศักดิ์ เทพสุทิน”
“สุพจน์ ทรัพย์ล้อม” ชื่อนี้กลับมาดังอีกครั้ง เมื่อรัฐมนตรียุติธรรม “นายสมศักดิ์ เทพสุทิน” เตรียมตั้งเป็นที่ปรึกษาโครงการ “ออกแบบโครงสร้างและบริหารจัดการเรือนจำอุตสาหกรรม” หรือ “เกษตรกรรมเพื่อการแก้ไขและพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขัง”
Read More
0 replies on “เมื่อ “สัส” วิวัฒนาไขว่ห้าง-เปลว สีเงิน”