เมื่อวันที่ 26 ก.พ. เวลา 10.30 น. ที่โรงแรมไดมอนด์ พลาซ่า อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานเปิดการประชุมพร้อมมอบนโนบายปลดล็อคพืชกระท่อม โดยมี นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ นิตยวิมล ผู้บังคับการกฎหมายและคดี ตำรวจภูธรภาค 9 พ.ต.อ.เชาวลิต เลี้ยงสุพงศ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฏร์ธานี ร่วมงาน
และมีผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย ผู้นำชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน จากพื้นที่นำร่อง 135 หมู่บ้าน/ชุมชน สถาบันการศึกษา นักวิชาการ และหน่วยงานที่สนใจ เข้าร่วมประชุมกว่า 500 คน
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา ส.ส.และอดีตส.ส.ของพวกท่าน พยายามมาตลอดในการปลดล็อกพืชกระท่อม มีการตั้งกมธ.ศึกษา ตลอด 40 กว่าปีแต่ก็ยังไม่จบ ตั้งแต่ตนเริ่มรับตำแหน่ง รมว.ยุติธรรม จึงได้เริ่มการร่างพ.ร.บ.ปลดล็อกพืชกระท่อม และรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน ตนได้ลงพื้นที่หลายพื้นที่ได้เห็นวิถีชีวิตจึงคิดว่าเรามาถูกทางแล้ว เมื่อตั้งใจแล้วเราก็ต้องเร่งทำให้จบ
เวลาทำงานการเมืองแล้วบางครั้งนอนไม่หลับเพราะต้องวางแผนงาน ตนเป็นคนเปิดกว้างรับฟังความเห็นจากทุกคน และพี่น้องชาวสุราษฎร์ธานีเป็นอาจารย์ให้ตนเรื่องกระท่อม ขณะนี้ วุฒิสภาลงมติเห็นชอบ ร่างพ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่…) พ.ศ. … ในวาระที่ 3 แล้ว เมื่อวันที่ 23 ก.พ.
ขั้นตอนจากนี้ ประธานวุฒิสภาจะส่งร่างให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรเพื่อส่งให้ คณะรัฐมนตรี (ครม.) นำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อโปรดเกล้าฯประกาศใช้เป็นกฎหมาย ซึ่งเมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วกฎหมายจะมีผลบังคับใช้หลังจากนั้น 90 วัน เมื่อกฎหมายมีผลบังคับใช้แล้ว ประชาชนจะสามารถใช้เคี้ยวได้วิถีชาวบ้าน โดยไม่เป็นความผิด
ซึ่งตรงนี้ต้องเร่งทำกฎหมายรองต่อไปให้เสร็จ โดยในส่วนของกฎหมายรอง จะมีบทบัญญัติต่างๆ เช่น เรื่องการปลูก การใช้ และวิธีการต่างๆ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชน โดยเฉพาะ พี่น้องชาวใต้ ที่ต้องการจะใช้พืชกระท่อมตามวิถีชาวบ้าน หรือแม้แต่การนำไปพัฒนาเชิงพาณิชย์ หรืออุตสาหกรรม เพื่อสร้างรายได้ ซึ่งก็จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ถ้าเราไม่ตามอย่างกระชั้นชิด เพราะอายุของสภาผู้แทนราษฎรไม่แน่นอน ตนรู้ว่าถ้าเราไม่เร่งความตั้งใจของเราจะเป็นหมัน ซึ่งเมื่อปลดล็อกแล้ว ต้องมีกฎหมายรองตามมา หากกฎหมายรองไม่เสร็จทัน 90 วันหลังพ.ร.บ.ปลดล็อกพืชกระท่อมประกาศใช้จะเปิดเสรีไม่มีอะไรควบคุม โดยกฎหมายรองวันนี้เริ่มตั้งแต่ เดือน ก.ค.2563 วันนี้ผ่าน ครม.แล้ว อยู่ในขั้นคณะกรรมการกฤษฎีกา สัปดาห์ที่แล้ว
ตนขอเข้าไปชี้แจง คณะกรรมการกฤษฎีกา ว่า ตนต้องการให้ชาวบ้านปลูกโดยไม่ต้องขออนุญาต เพียงแค่จดแจ้งฝ่ายปกครอง ส่วนจะปลูกเท่าไรดีวันนี้ตนมาหาคำตอบ ว่าปลูกเท่าไรถึงจะพอดี ตนอยากมาฟังความเห็น ฟังข้อมูล เพราะพวกท่านมีข้อมูลมีประสบการณ์ ปริมาณเท่าไรจึงจะพอดี ส่วนการปลูกเพื่ออุตสาหกรรมจะเป็นอีกส่วนหนึ่ง กฎหมายรอง
ตนไปชี้แจงบอกว่า ถ้าส่งออกถึงควรขออนุญาติ วันนี้ราคาพืชกระท่อมที่ซื้อขายกัน กิโลกรัมละประมาณ 500 บาท หากทำเป็นผงส่งออกต่างประเทศกิโลกรัมละประมาณ 4,000-5,000 บาท ตรงนี้มาคิดดูหากเราปลูกกันมากทั้งประเทศราคาจะตก เราต้องดูความต้องการของตลาดด้วย
“กฎหมายรองที่จะตามมายังติดอยู่ที่คณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งในคณะกรรมการมี 10 กว่าคน ท่านที่เป็นประธานเป็นอดีตประธานศาล ท่านไม่มีปัญหาอะไร แต่มีกรรมการคนหนึ่งค้านตลอด ตนคิดว่าการออกกฎหมายเราต้องฟังความเห็นจากประชาชนและผู้ที่เชี่ยวชาญในเรื่องนั้น แต่คนที่ไม่รู้เรื่องกลับอยากที่จะนำ
ดังนั้นเราต้องสู้ ที่เราตั้งใจคืออยากให้ปลูกเพื่อบริโภค 3 ต้นไม่ต้องขอนุญาติ แต่หากจะปลูกเพื่อการพาณิชย์และอุตสาหกรรมต้องขออนุญาติ วันนี้ผมจึงมารับฟังความเห็นจากพี่น้องประชาชน เพื่อส่งความคิดเห็นเหล่านี้ไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อเร่งทำกฎหมายรองให้จบ เพราะหากครบกำหนดแล้วไม่มีกฎหมายรอง ทุกอย่างจะเป็นสูญญากาศ ไม่มีอะไรควบคุม” นายสมศักดิ์ กล่าว
นายวิชัย กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ เป็นการดำเนินการเพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจต่อการปรับเปลี่ยนสถานะทางกฎหมายของพืชกระท่อมออกจากยาเสพติด เพื่อให้การใช้พืชกระท่อมในรูปแบบวิถีชาวบ้าน เช่น การเคี้ยวใบกระท่อมสด หรือการนำมาชงชา หรือการต้มน้ำดื่มสำหรับตนเองในกลุ่มชาวไร่ชาวสวน รวมถึง รักษาอาการหรือโรคต่าง ๆ
เช่น อาการไอ ท้องร่วง ปวดท้อง นั้นสามารถทำได้ โดยไม่เป็นความผิด รวมทั้งแนวทางปฏิบัติการใช้พืชกระท่อมในอนาคต นอกจากนี้ ภายในงานมีนิทรรศการ ให้ความรู้เกี่ยวกับพืชกระท่อมในหลากหลายมิติ อาทิ ชีววิทยาพฤกษเคมีของพืชกระท่อม งานวิจัยด้านคุณสมบัติทางเภสัชวิทยาและพิษวิทยาของกระท่อม ความรู้สถานะของพืชกระท่อมในต่างประเทศ นโยบายการขับเคลื่อนพืชกระท่อมของกระทรวงยุติธรรม รวมทั้งแนวทางการพัฒนาพืชกระท่อมสู่พืชเศรษฐกิจฐานชุมชน เป็นต้น
นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า พืชกระท่อมอยู่คู่กับชาวใต้มานาน ทั้งการช่วยในการทำงาน รักษาโรค และความเชื่อของแต่ละบุคคล แต่ที่ผ่านมาผิดกฎหมายขัดแย้งกับวิถีชาวบ้าน หลังการที่ท่านตั้งใจปลดล็อกพืชกระท่อมจากยาเสพติด พวกเราเฝ้าดูกระบวนการต่างๆ ตั้งแต่การพิจารณาของภสผู้แทนราษฎร จนผ่านการพิจารณาของวุฒิสภา พราน้องชาวใต้ทุกคนรอ และเห็นความตั้งใจมุ่งมั่นของนายสมศักดิ์ ซึ่งสุราษฎร์ธานีเหมือนเป็นเมืองหลวงแห่งพืชกระท่อม ซึ่งได้อนุญาตจาก ป.ป.ส. ให้ทดลองปลูก โดยที่ปลูกที่ อ.บ้านนาสาร แข็งแรงดี มีการศึกษาวิจัยต่างๆ ซึ่งจะสามารถพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆได้
อย่างไรก็ตาม ในช่วงท้ายของงานมีการเปิดให้ผู้ร่วมงานได้แสดงความคิดเห็นและสอบถามข้อสงสัย ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่อยากรู้ข้อจำกัดการปลูก โดยได้นำเสนอการปลูกพืชกระท่อมที่ใช้อุปโภคโดยไม่ต้องขออนุญาต และเห็นด้วยกับการปลูก 3 ต้นต่อครอบครัว และยังเห็นด้วยกับการปลูกเพื่อการพาณิชย์ที่ต้องขออนุญาต แต่ไม่จำกัดจำนวนว่าต้องปลูกกี่ไร่ โดยให้ดูกลไกความต้องการของตลาด ทั้งนี้ข้อมูลจากการรับฟังความคิดเห็นในครั้งนี้ นายสมศักดิ์ จะนำส่งต่อให้กับคณะกรรมการกฤษฎีกาในการร่างกฎหมายรองต่อไป