“ไชยา” ย้ำรัฐบาลสร้างหนี้ แต่ประเทศไม่พัฒนา ห่วงซื้อเรือดำน้ำแต่ประชาชนอดตาย

นายไชยา กล่าวว่า การใช้งบประมาณในอดีตเป็นไปอย่างสะเปะสะปะ งบทางการทหารเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 4.37 % ทุกปีในช่วงปี 2558-2562 ซึ่งงบทางการทหารเพิ่มขึ้นมากกว่าจีดีพีที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการจัดสรรงบประมาณเป็นงบกลางจำนวนมากที่อยู่ภายใต้คำสั่งของพลเอกประยุทธ์ โดยยังมีการนำงบกลางไปจัดซื้ออาวุธเพิ่มเติมกันอีก ซึ่งไม่ก่อให้เกิดผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ จึงเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เศรษฐกิจไทยไม่ขยายตัวเท่าที่ควรเพราะนำเงินไปใช้ผิดประเภทนี้ แม้กระนั้น พลเอกประยุทธ์ก็ยังคงจะยืนยันซื้อเรือดำน้ำให้ได้ ทั้งที่ประชาชนจำนวนมากกำลังจะอดตาย

นอกจากนี้ พลเอกประยุทธ์ยังนำเงินงบประมาณมาแจกอย่างสะเปะสะปะ ตั้งแต่ก่อนมีวิกฤตการณ์ไวรัสโควิด ทั้งโครงการบัตรคนจน ชิมช้อปใช้ เที่ยวแล้วนำมาหักภาษี ซึ่งเป็นการจ่ายเงินแบบสูญเปล่า โดยไม่ได้พัฒนาความแข่งขันของประเทศ หลังเกิดวิกฤตโควิดระบาดครั้งใหม่ ยังไม่ยอมจ่ายเงินสด โดยต้องใช้เงินผ่านแอ็ปเป๋าตัง ซึ่งสร้างความลำบากให้กับประชาชนอย่างมาก และยังเป็นการเอื้อประโยชน์นายทุนเจ้าสัว เพราะพบว่าประชาชนจะนำเงินไปใช้จ่ายในร้านค้าของนายทุนเจ้าสัวมากที่สุด

นายไชยา กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า พลเอกประยุทธ์ที่เคยออกนโยบายเอื้อเจ้าสัวมาตลอด ยังได้ปล่อยให้มีการควบรวมธุรกิจค้าปลีกขนาดใหญ่ ทั้งที่เป็นการส่งเสริมการผูกขาด ซึ่งได้ทำลายธุรกิจรายเล็กและโชว์ห่วยอย่างราบคาบ ทำให้ประชาชนตกงานเพิ่มและเดือดร้อนกันอย่างมาก ทั้งนี้ประชาชนจำนวนมากกำลังจะอดตายจากความล้มเหลวในการบริหารเศรษฐกิจของพลเอกประยุทธ์ ที่เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจแต่ไม่มีความรู้เรื่องเศรษฐกิจเลย อธิบายตอบการอภิปรายเศรษฐกิจในสภาก็ฟังไม่รู้เรื่อง เพราะผู้พูดคือพลเอกประยุทธ์ ไม่มีความรู้ความเข้าใจในสิ่งที่พูด ไม่ต่างอะไรจากการพูดแบบนกแก้วนกขุนทองเลย

“ก่อนที่เศรษฐกิจไทยจะเป็นหายนะแบบสโลโมชัน หรือ เข้าสู่ทฤษฎีกบต้ม ซึ่งจะทำให้ประเทศล้มเหลวไปอีก 10 ปี ตามคำเตือนของสื่อต่างประเทศ ตนจึงขอให้พลเอกประยุทธ์ได้ยอมเสียสละลาออกเพื่อประเทศไทยจะได้รอดพ้นจากหายนะ และประชาชนจะได้ไม่ลำบากกันอีกต่อไป” นายไชยา กล่าว