ข่มขืนประชาธิปไตย

 ผักกาดหอม

พี่ใหญ่ทำท่าฮึ่มๆ!

            โลกต้องอยู่ใต้ตีน

“โจ ไบเดน” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ขู่จะใช้มาตรการคว่ำบาตรเมียนมา

            เป็นการตอบโต้ที่กองทัพก่อรัฐประหาร

            “ไบเดน” ยังเรียกร้องให้นานาชาติช่วยกันลงแขก กดดันกองทัพเมียนมาคืนอำนาจให้รัฐบาลซูจีด้วย

            ครับ…นั่นคือสูตรสำเร็จ ของโลกประชาธิปไตย

            วันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ประเทศไทยก็โดนแบบเดียวกันนี้

            ๗ ปีกระทบในทางทฤษฎีและความรู้สึก แต่ในทางปฏิบัติ แทบแยกไม่ออกระหว่างคว่ำบาตรกับไม่คว่ำบาตร

            เพราะไทยยืนด้วยลำแข้งของตัวเอง

            แข็งแรง ถึงขนาดอเมริกาตัด จีเอสพี ไทยเพราะเราปิดตลาดนำเข้าหมูอเมริกัน นั่นมันสะท้อนว่า เราเป็นคู่แข่งทางเศรษฐกิจเขา

            เมื่อพี่ใหญ่แข่งไม่ได้ ก็ตัด จีเอสพีมันเลย

            ไทยในสายตาสหรัฐฯ จึงไม่ใช่ ลูกน้องที่เอาแต่แบมือขอ เหมือนในอดีต

            สำหรับเมียนมา การคว่ำบาตร จะทำได้แค่ไหน ต้องติดตามชม

            สาเหตุเพราะเมียนมาเคยชินกับเรื่องนี้ ถูกคว่ำบาตรมาหลายสิบปีต่อเนื่อง ตะวันตกเพิ่งจะเลิกคว่ำบาตรเมียนมาไม่กี่ปีมานี่เอง

            สาเหตุไม่ใช่เพื่อชาวเมียนมา หรือเพื่อประชาธิปไตย ที่อ้างกันสวยหรูหรอกครับ

            แต่เพราะเห็นว่าจีนเข้าไปมีอิทธิพลในเมียนมามากเกินไป จนชาติตะวันตกรู้ตัวว่ากำลังเสียท่า พลาดโอกาสที่จะเข้าไปกอบโกยในเมียนมาแล้ว

            อย่างไรก็ตามโดยหลักการแล้ว…การต่อต้านรัฐประหาร ถือว่าถูกต้อง

            ประเทศที่ปกครองระบอบประชาธิปไตย ทหารต้องไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง นี่คือทฤษฎีที่สอนกันในโลกประชาธิปไตย

            แต่ในทางปฏิบัติ อาจไม่ใช่เสมอไป

            ก่อน โดนัลด์ ทรัมป์ หมดอำนาจ มีเรื่องเสียวๆ ให้เห็น

            บรรดาผู้นำเหล่าทัพของสหรัฐฯ ร่วมกันออกแถลงการณ์ มีความยาว ๑ หน้ากระดาษ หลังเกิดเหตุกลุ่มผู้สนับสนุนโดนัลด์ ทรัมป์ บุกเข้าไปในอาคารรัฐสภา วันที่  ๖ มกราคม

            แถลงการณ์ระบุว่า…โจ ไบเดน คือประธานาธิบดี และผู้บัญชาการทหารสูงสุดคนต่อไปของสหรัฐฯ

            ทหารทุกนายจะต้องปฏิบัติตามหลักการ และอุดมการณ์ของประเทศ….

            มองในมุมบวก ถูกต้องแล้วที่กองทัพยืนยันเช่นนั้น

            เพราะกองทัพคือเครื่องมือของรัฐบาล

            แต่มองอีกมุม มันจำเป็นด้วยหรือที่กองทัพสหรัฐฯ ต้องออกมาแสดงท่าทีทางการเมืองแบบนั้น

            ประเด็นนี้จึงฝากให้คิด

            ยุค โดนัลด์ ทรัมป์ อาจมีทหารแตกแถว!

            แม้กระทั่งยุคเสรีภาพเบ่งบาน สิทธิมนุษยชนเลิศหรู ในรัฐบาลบารัค โอบามา ก็เกิดปรากฏการณ์ค้านสายตาชาวโลก เช่นกัน

            จำรัฐประหารอียิปต์ ได้มั้ยครับ?

            “จอห์น แคร์รี” รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ในขณะนั้น แสดงจุดยืนว่า การที่ทหารเข้ายึดอำนาจจากอดีตประธานาธิบดีโมหะเหม็ด มอร์ซี เมื่อวันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๕๖ เป็นความพยายามฟื้นฟูประชาธิปไตยในอียิปต์

            รัฐบาลโอบามาหลีกเลี่ยงที่จะใช้คำว่า “รัฐประหาร”

            แต่ใช้สีข้างถู อ้างว่า ประชาชนโค่นล้มรัฐบาลมอร์ซีต่างหาก!

            กูรูทั้งหลายวิเคราะห์ตรงกันว่า สาเหตุเพราะตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐฯ มีสัมพันธ์อันดีกับกองทัพอียิปต์เสมอมา

            รัฐบาลสหรัฐฯ จัดสรรงบประมาณที่เรียกว่า Foreign  Military Financing ปีละ ๑.๓ พันล้านดอลลาร์ให้แก่กองทัพอียิปต์


            กองทัพอียิปต์ได้รับงบประมาณก้อนนี้เป็นประจำทุกปีตั้งแต่ปี ๒๕๓๐ หรือเป็นเวลาเกือบ ๓ ทศวรรษแล้ว

            ฉะนั้นถ้าใช้คำว่ารัฐประหาร ความช่วยเหลือนี้จะต้องระงับทันที

            ความเข้มแข็งของกองทัพอียิปต์จะได้รับผลกระทบทันที

            และนั่นจะกระทบต่อความเข้มแข็งของกองทัพอียิปต์

            อีกด้านหนึ่งทำเนียบขาว ต้องตัดสินใจไม่สนับสนุน โมหะเหม็ด มอร์ซี ที่มาจากการเลือกตั้ง เพราะกลุ่มภราดรภาพมุสลิม ซึ่งเป็นกลุ่มหัวรุนแรงหนุนโมหะเหม็ด มอร์ซี อยู่

            ขณะที่ กลุ่มภราดรภาพมุสลิม คือภัยคุกคามของสหรัฐฯ ในตะวันออกกลาง เป็นมุสลิมสุดโต่ง มีประวัติก่อความรุนแรงมานับครั้งไม่ถ้วน

            ทำเนียบขาวจึงต้องหนุนกองทัพอียิปต์แม้จะก่อรัฐประหารก็ตามที

            ฉะนั้นใครที่บอกว่า สาเหตุที่สหรัฐฯ คว่ำบาตรประเทศที่มีรัฐบาลมาจากการรัฐประหารเพราะต้องการรักษาประชาธิปไตย สิทธิเสรีภาพ ของประชาชนในประเทศนั้นๆ

            ขอแย้งว่า “ผิด”

            อเมริกามักอ้างประชาธิปไตยเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองในประเทศอื่นต่างหาก

            กลับมาที่เมียนมา ตอนนี้คาบลูกคาบดอกกว่าไทยเยอะ

            ยังด่ากันไม่จบ คณะรัฐประหารเมียนมา ไม่ต่างรัฐบาลลุงตู่ เพราะเป็นเผด็จการทหารเหมือนกัน

            โยงไปถึง “ป๋าเปรม” ผู้ล่วงลับ เพราะพลเอกมิน อ่อง  หล่าย เป็นลูกบุญธรรมป๋า


            บรรดา ๓ นิ้ว ๓ กีบ พากันด่าป๋าเละ ราวกับว่า “ป๋าเปรม” ไฟเขียวให้ พลเอกมิน อ่อง หล่าย ทำรัฐประหาร

            มันปัญญาอ่อนขนาดนั้นจริงๆ

            ถ้า ๓ กีบหาข้อมูลสักหน่อยน่าจะรู้จักดีว่า พลเอกมิน  อ่อง หล่าย กับ “ทักษิณ ชินวัตร” ซี้ย่ำปึ้กกันเลยทีเดียว

            ช่วงนี้ต้องรื้อข่าวเก่าๆ มาบ่อย เพราะอยากให้เด็กๆ ได้เบิกเนตรกันหน่อย

            จำคลิปหลุดเทปลับที่เกิดสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ได้มั้ยครับ คนแรกเป็นรัฐมนตรี ครม.ยิ่งลักษณ์ อีกคนเป็นอดีตนายกฯ

            B2: ผมไปสงกรานต์กับไอ้เนี่ย ผบ.สูงสุดน่ะ

                B1: อ๋อ! ไอ้อ่อง มิน ลายนี่นะฮะ โอ้โฮ มันชั้นหนึ่งเลย  มันบอกผมนะ เฮ้ยไอ้รัฐมนตรีกลาโหมเนี่ย มันตั้งนะ มันเป็น ผบ.สูงสุด แต่ตั้งรัฐมนตรีนะ มันบอกเลย มันบอก และรัฐมนตรีอีกหลายคนมันเป็นคนตั้ง ไอ้นี่ต้องเอาไว้ ไอ้นี่ต้องเอาไว้นะ แหม่

            B2: พวกผมทั้งนั้นแหละ มันยกที่ให้ผมแปลงนึง ใจกลางเมืองย่างกุ้ง

            B1: ไอ้นี่ต้องเอาไว้นะครับ ถ้าได้ พม่านี่เสร็จเราหมดเลย ต้องเอาให้ได้ มันเจอกับผม ผมบอกว่า ต่อไปนี้ทูตพม่าพูดไทยให้เป็นนะ ทูตทหาร มันบอกต่อไปนี้ส่งทูตทหารมาเรียนก่อนแล้วค่อยมาเป็น ไอ้มิน ออง ลาย และไอ้รัฐมนตรีกีฬากับโฮเต็ลอีกคนหนึ่ง ไอ้นี่ก็มหาศาลเหมือนกันนะ ผมจะเรียกให้มาพบท่าน มันสร้างทำเนียบรัฐบาลให้ประธานาธิบดี มันสร้างรัฐสภาให้ ขณะนี้มันกำลังสร้าง  Sport Complex ให้ มันรวยมหาศาลเลย เจ้าของบ่อหยก

            ปี ๒๕๕๖ ทักษิณ เข้าเมียนมา และเดินทางไปเมืองเมเมียว พบกับ มิน อ่อง หล่าย เกลอเก่า

            ครับ…ประชาธิปไตยรูเบ้อเร่อเลย.


Written By
More from pp
รัฐบาลไทยยืนยันดำเนินการเต็มความสามารถเพื่อแก้ไขปัญหาความหลากหลายทางชีวภาพ
วันที่ 30 ก.ย.63 เวลา 16.00 น. ตามเวลานครนิวยอร์ก (หรือวันที่ 1 ตุลาคม 2563 เวลา...
Read More
0 replies on “ข่มขืนประชาธิปไตย”