14 ม.ค. 2564 เวลา 10.15 น. ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่และโครงการสำคัญ ครั้งที่ 1/2564 เพื่อพิจารณาโครงการขนาดใหญ่และโครงสร้างสำคัญก่อนเสนอคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.)
พิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป โดยที่ประชุมได้เห็นชอบโครงการก่อสร้างของกรุงเทพมหานครที่สอดคล้องกับแผนหลักการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมของกรุงเทพมหานคร จำนวน 4 โครงการ ได้แก่
1) โครงการก่อสร้างเขื่อน ค.ส.ล. (สมอยึดหลัง) คลองบางไผ่ จากบริเวณคลองพระยาราชมนตรีถึงบริเวณสุดเขต กทม. 2) โครงการก่อสร้างเขื่อน ค.ส.ล. พร้อมวางระบบรวบรวมน้ำเสียคลองแสนแสบจากบริเวณประตูระบายน้ำมีนบุรีถึงบริเวณประตูระบายน้ำหนองจอก 3) โครงการก่อสร้างเขื่อน ค.ส.ล. คลองบางนา จากคลองเคล็ดถึงบริเวณแม่น้ำเจ้าพระยา ทั้งนี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายน้ำ และเป็นประโยชน์ให้ประชาชนสามารถใช้ทางเดินหลังเขื่อนเป็นเส้นทางสัญจรได้ และ 4) โครงการก่อสร้างส่วนต่อขยายอุโมงค์ระบายน้ำใต้คลองบางซื่อ จากถนนรัชดาภิเษกถึงคลองลาดพร้าว เพื่อเร่งระบายน้ำในพื้นที่ดังกล่าวซึ่งประสบปัญหาน้ำท่วมขังอยู่เป็นประจำเมื่อเกิดฝนตกหนักให้ระบายออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยาได้เร็วขึ้น โดยอาศัยประสิทธิภาพการสูบน้ำของอุโมงค์ระบายน้ำ
และเห็นชอบ สถานีสูบน้ำดิบพร้อมระบบท่อส่งน้ำเพื่อรองรับการพัฒนาเมืองต้นแบบสามเหลี่ยม มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน จังหวัดปัตตานี ประกอบด้วย
1. สถานีสูบน้ำ ตำบลตาเซะ อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี 2. อาคารโรงประปา กำลังผลิต 1,200 ลบ.ม./ชั่วโมง โดยใช้ในการผลิตน้ำประปาปริมาณ 10.52 ล้าน ลบ.ม. ต่อปี และ 3. ระบบท่อหลัก ที่ได้ออกแบบด้วยหลักการ “ระบบโครงข่ายท่อ” (Pipe Network) เพื่อให้เหมาะกับสภาพภูมิประเทศที่ต้องกระจายน้ำไปทุกทิศทาง และป้องกันความเสียหายของการส่งน้ำจากการก่อวินาศกรรม มีความยาวรวมทั้งสิ้น 162.15 กิโลเมตร คาดว่าเมื่อแล้วเสร็จจะสามารถส่งน้ำไปยังพื้นที่
4 อำเภอ ของจังหวัดปัตตานี อันได้แก่ อำเภอหนองจิก อำเภอแม่ลาน อำเภอโคกโพธิ์ และอำเภอเมืองปัตตานีได้ อีกทั้งยังเป็นการสนับสนุนการอุปโภค-บริโภค และพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนอีกด้วย
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังรับทราบการจัดทำงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ แผนงานบูรณาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ในส่วนโครงการขนาดใหญ่ จำนวน 11,524 รายการ ของ 9 กระทรวง 23 หน่วยงาน โดยรองนายกรัฐมนตรีได้เร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรีบดำเนินการเพื่อเสนอ กนช. เพื่อขอรับงบประมาณต่อไป