23 ธันวาคม 2563-นายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายร่างแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่..) พ.ศ… โดยมีสาระสำคัญเพื่อแก้ไขเพิ่มเติมความผิดอาญาในการยุติการตั้งครรภ์หรือการทำแท้งประกบกับร่างกฎหมายของคณะรัฐมนตรีที่เสนอเข้าสู่สภา โดยหลักการและเหตุผลของร่างคณะรัฐมนตรีนั้น ทางพรรคก้าวไกลเห็นด้วย แต่อาจมีรายละเอียดบางอย่างหายไป ซึ่งเป็นฐานคิดสำคัญที่ไม่ได้อยู่ในตัวอักษร แต่เป็นฐานคิดที่ส่งผลให้การร่างนั้นมีผลลัพท์ที่ไม่ครอบคลุมปัญหา เพราะการยุติการตั้งครรภ์เป็นเรื่องที่มีอยู่ในสังคมไทย แต่เป็นเรื่องใต้พรมที่ทำให้คนในสังคมรวมถึงผู้หญิงไม่รู้และไม่มีความไม่เข้าใจ เมื่อไม่สามารถหยิบขึ้นมาพูดบนโต๊ะ เราจึงไม่สามารถตั้งคำถามต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้
นายธัญวัจน์ กล่าวว่า ปัญหาสำคัญที่ผ่านมาคือ ความไม่ชัดเจนซึ่งทำให้เมื่อแพทย์เข้าไปให้ความช่วยเหลือผู้หญิงเพื่อยุติการตั้งครรภ์ สิ่งที่ตามมาคือคดีอาญา ในที่สุดสถานการณ์จึงเปิดทางให้กับการขายยาทำแท้งเถื่อนเกลื่อนออนไลน์ โดยที่ผู้หญิงไม่สามารถทราบว่ายาดังกล่าวปลอดภัยหรือไม่ และข้อเท็จจริงก็คือการเสียชีวิตของผู้หญิงมากถึง 20-35 รายในแต่ละปีจากข้อมูลสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูงที่สังคมไทยไม่ควรจะปิดตาและมองข้ามผ่านไป
สำหรับรายละเอียดองค์ประกอบของกฎหมาย สิ่งที่พรรคก้าวไกลเห็นแตกต่างจากร่างกฎหมายของคณะรัฐมนตรีคือ เรื่องเงื่อนเวลาปลอดภัยในการยุติการตั้งครรภ์อยู่ที่ภายใน 12 สัปดาห์ จึงจะไม่มีความผิดอาญา ขณะที่พรรคก้าวไกลเสนอว่าเงื่อนเวลาไม่มีความผิดอาญาควรจะอยู่ที่ 24 สัปดาห์
“ก่อนที่เราจะถกเถียงเรื่องเวลา สิ่งแรกที่ต้องทำความเข้าใจคือไม่มีผู้หญิงคนไหนตั้งใจท้อง เพื่อไปทำแท้ง และไม่มีใคร สนุกกับการทำแท้ง”
ทั้งนี้ จากสถิติการยุติการตั้งครรภ์ หลังจาก 12 สัปดาห์คือ
13 – 16 สัปดาห์ 13%
17 – 22 สัปดาห์ 12%
23 – 28 สัปดาห์ 4.5%
และมากกว่านั้น 0.5%
ซึ่งหากประเมินจาก ข้อมูลที่มีว่าผู้หญิงเข้าสู่การยุติการตั้งครรภ์ 3 แสนรายต่อปี ก็จะพบว่าการกำหนดเงื่อนเวลา 12 สัปดาห์ จะยังคงทิ้งปัญหาให้ผู้หญิงอีกจำนวนมากต้องก้าวเข้าสู่การทำแท้งเถื่อน อันตราย และไม่ปลอดภัยอยู่ดี
“สาเหตุของการยุติการตั้งครรภ์หลัง 12 สัปดาห์มีหลายสาเหตุ และเป็นสาเหตุที่หลายท่านอาจคาดไม่ถึง เช่น การคุมกำเนิดไม่สำเร็จ ไม่มีเงินทำแท้ง การทำแท้งทานยาเถื่อนและคิดว่าแท้ง แต่ไม่แท้งจนเลย 12 สัปดาห์ หรือแม้กระทั่ง ฝ่ายชายทิ้งไป ชายมีหญิงอื่น ฝ่ายชายแต่งงานแล้ว ฝ่ายชายติดยาเสพติด
ฝ่ายชายติดคุก ตกงานไม่มีเงินที่จะเลี้ยงดู การตั้งครรภ์เป็นอุปสรรคในการประกอบวิชาชีพ เป็นต้น ดังนั้นการพูดถึงสิทธิผู้หญิง กับ ตัวอ่อนในครรภ์ คงไม่เพียงพออย่างที่ร่าง ค.ร.ม. ได้นำเสนอมา เพราะหลักคิดของพรรคก้าวไกลสอดคล้องต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงที่เป็นปัญหา ภายใต้แนวคิดสิทธิของผู้หญิง ตัวอ่อนในครรภ์ และ ความปลอดภัยของผู้หญิง”
ธัญวัจน์ อภิปรายเพิ่มเติมว่า ในประเด็นตัวอ่อนในครรภ์ ข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ระยะเวลาที่ชัดเจนว่า หากเกิดขึ้นก่อน 28 สัปดาห์นั้น ถือว่าเป็นแท้ง ส่วนหลังจาก 28 สัปดาห์ถือว่าเป็นคลอดก่อนกำหนด
นอกจากนี้ ส่วนที่ร่างพรรคก้าวไกลมองแตกต่างจากร่างของ ครม. คือ ความเสมอภาคทางเพศ เพื่อปลดปล่อยผู้หญิงออกจากการตีตรา จึงแก้ไขเพิ่มเติมร่างดังกล่าวในคำว่า ‘ผู้หญิง’ เป็น ‘บุคคล’ เพราะคงเป็นที่รู้กันว่า เมื่อมีเรื่องลักษณะนี้ สังคมจะมีคำพูดสำเร็จรูปอยู่ไม่กี่คำ เช่น “ใจแตก ไม่รู้จักรักตัวสงวนตัว” “คลอดมาแล้ว สงสารเด็กมันจริง ๆ กลายเป็นลูกไม่มีพ่อ” และเมื่อผู้หญิงไปทำแท้ง ก็จะมีคำพูดสำเร็จรูปอีกคำหนึ่งคะ “อะไรนะ ไปทำแท้ง ยัยแม่ใจยักษ์” แต่สิ่งที่หายไปคือ ‘คนที่ทำผู้หญิงท้อง’ กลับไม่โดนตีตราใดๆ จากสังคม
พรรคก้าวไกล ไม่ได้สนับสนุนการทำแท้ง แต่เป้าหมายสำคัญคือเราต้องการให้ผู้หญิงปลอดภัย และต้องตั้งคำถามต่อไปว่า เราจะทำอย่างไรให้อันตราการทำแท้งลดลง เราทุกคนในสังคม รวมถึงการออกแบบนโยบายรัฐเกี่ยวกับความเสมอภาค ถ้าไม่ให้ความสำคัญในประเด็น ‘เพศ’ ก็จะไม่สามารถลดอัตราการทำแท้งของผู้หญิงได้ และยังคงทำให้ผู้หญิงก้าวเข้าสู่การทำแท้งอยู่ดี
มีเหตุผลจำนวนมากที่ทำให้ผู้หญิงตัดสินใจยุติการตั้งครรภ์ เช่น ค่าใช้จ่าย ในความเป็นจริง ระดับรายได้ปานกลาง การฝากครรภ์ รวมคลอด 5 หมื่น ถึง 1 แสนบาท อุปกรณ์เด็กแรกเกิด 3 หมื่น ถึง 5 หมื่นบาท และภาระค่าใช้จ่ายรายเดือน 5 พัน ถึง 1 หมื่นบาท หรือในกลุ่มผู้มีรายได้น้อยในบริการ สปสช. ค่าคลอด 1 หมื่นบาท เงินอุดหนุนเด็ก 600 บาท แบบไม่ทั่วหน้า เรียนฟรีไม่จริง ยังมีค่าเสื้อผ้า ค่าขนม ค่าเดินทาง หรือแม้วัยรุ่นท้องในวัยเรียน สังคมจะยอมรับหรือไม่ หรือจะซุบซิบนินทา ด่าทอให้อับอาย จนเธอต้องออกจากโรงเรียน เรื่องเหล่านี้อย่าคิดว่าไม่เกี่ยว เพราะนี่คือนานาเหตุผลที่ผู้หญิงตัดสินใจทำแท้ง
ดังนั้น การที่พรรคก้าวไกลเปลี่ยนคำว่า ‘หญิง’ เป็น ‘บุคคล’ ก็เพื่อให้สังคมไม่ตีตราผู้หญิง อย่างที่กล่าวมาเราต้องเข้าใจว่า ผู้หญิงไม่ได้สนุกกับการทำแท้ง แต่มีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้พวกเธอต้องตัดสินใจ และการทำแท้งนั้น คือทางออกสุดท้ายที่เลือก หากเราคิดจะช่วยผู้หญิง การกำหนดเงื่อนไขเวลาเพียงแค่ 12 สัปดาห์ไม่แก้ปัญหา เราต้องกำหนดเงื่อนเวลา 24 สัปดาห์ เพราะต้องคำนึงถึงความปลอดภัย และหามาตราการส่งเสริมความเสมอภาคของเพศหญิง เพื่อลดอัตราการทำแท้งต่อไปในอนาคต ให้ผู้หญิงมีทางเลือก ไม่ใช่อยู่อย่างในสถานการณ์ปัจจุบัน
“ในสังคมที่มีชายเป็นใหญ่ที่กำหนดบทบาทและหน้าที่ของผู้หญิงแบบกดขี่ เราต้องเปลี่ยนแปลงสังคมหลายอย่าง การตั้งครรภ์ผู้หญิงต้องเรียนหนังสือได้อย่างไม่อับอาย เราต้องมีเงินอุดหนุนเด็ก 1,800 บาทต่อเดือนแบบทั่วหน้า พรรคก้าวไกลมีนโยบายเพิ่มอัตราการเกิด ที่พูดถึงศูนย์เด็กเล็ก และอัตราการจ้างแรงงาน 2 แสนตำแหน่ง ที่ต้องการให้ผู้หญิงมีลูกได้และมั่นใจในความมั่นคงของพวกเขา หยุดตีตราผู้หญิง ทำให้ผู้หญิงปลอดภัย มาร่วมใจกันแก้ปัญหาให้พวกเธอกัน” นายธัญวัจน์ กล่าว