นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า พร้อมด้วย นายชำนาญ จันทร์เรือง กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า ร่วมลุย 4 จังหวัดโซนภาคเหนือตอนล่าง ตั้งแต่ เพชรบูรณ์ เดินตลาดย้อนยุคบึงสามพัน อ.บึงสามพัน เดินตลาดแยกนาเฉลียง อ.หนองไผ่ ช่วยหาเสียงให้กับ นายสิทธิชัย ต๊ะอาจ ผู้สมัครนายก อบจ. เพชรบูรณ์ เบอร์ 4
ต่อที่ พิจิตร เริ่มต้นตลาดสดเพ็ญอรุน อ.เมือง ก่อนเดินทางโดยขึ้นรถแห่ต่อไปที่ตลาดใหม่สระหลวง และตลาดสามง่าม หนุนผู้สมัครคือ นายมาโนช วัฒนาประสิทธิ์ ผู้สมัคนนายก อบจ. พิจิตร เบอร์ 4
ขณะที่ จ.กำแพงเพชร ตั้งขบวนแห่ที่หน้าศาลหลักเมืองเป็นที่เรียบร้อย ก็แห่รณรงค์ประชาสัมพันธ์กันไปรอบเมือง โดยพื้นที่นี้ นายอภิสิทธิ์ พรมฤทธิ์ ซึ่งอดีตเป็นหัวหน้าคณะทำงานพรรคอนาคตใหม่ จ.กำแพงเพชร ลงชิงชัยเองในตำแหน่งผู้สมัครนายก อบจ.กำแพงเพชร เบอร์ 3
หวังล้มบ้านใหญ่ หวังสร้างความเปลี่ยนแปลง และปิดท้ายที่ จ.ตาก เดินทางไปช่วยรณรงค์หาเสียงให้กับ นายคริษฐ์ ปานเนียม ผู้สมัครนายก อบจ.ตาก เบอร์ 3 คนธรรมดาที่ต้องการเข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับบ้านเกิดของตัวเอง
นายธนาธร กล่าวตอนหนึ่งว่า อยากขอให้พี่น้องประชาชนอย่างเพิ่งเบื่อการเลือกตั้ง เพราะทุกสิทธิ์ทุกเสียงของประชาชนมีความหมาย และความหมายของการเลือกตั้งคือการออกไปกำหนดอนาคตของลูกหลาย คือการออกไปเลือกว่าเราอยากได้สังคมแบบไหน หากประชาชนท่านไหนรักความเสมอภาค รักความเท่าเทียม รักประชาธิปไตย
ตนขอโอกาสให้กับผู้สมัครจากคณะก้าวหน้าเข้าไปเปลี่ยนแปลงจังหวัดของท่าน พวกเราตั้งใจจะทำการเมืองที่โปร่งใสและตรวจสอบได้ และสุดท้าย ตนขอบคุณทุกกำลังใจที่มามอบให้ ทั้งช่องทางออนไลน์ และประชาชนที่เดินเข้ามาในระหว่างที่ตนรณรงค์ช่วยผู้สมัครในจังหวัดต่างๆ หาเสียง ทุกๆ รอยยิ้มและการโบกไม้โบกมือคือกำลังใจที่ทำให้เราก้าวเดินต่อไป
“กว่าจะได้มาสักหนึ่งคะแนนเสียงนั้นไม่ง่ายเลย เราต้องขึ้นรถแห่ เราต้องเดินตลาด เราต้องเดินเข้าไปหาประชาชนถึงหน้าบ้าน แต่ที่เราต้องทำเช่นนี้เพราะเราอยากสร้างการเมืองใหม่ การเมืองที่โปร่งใส การเมืองที่แข่งขันกันที่นโยบายเพื่อประชาชน การเมืองที่ไม่ซื้อสิทธิ์ขายเสียง เพื่อที่จะนำเงินภาษีประชาชนมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพและเพื่อประโยชน์ให้แก่ประชาชนสูงสุด เราต้องการเข้าไปเปลี่ยนแปลง ยุติธุรกิจการเมืองที่ผูกขาดมานาน ยุติโครงการที่เอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้องของผู้มีอำนาจ ผมจะตั้งใจทำและจะพิสูจน์ให้พ่อแม่พี่น้องประชาชนเห็นว่า การเมืองที่โปร่งใสนั้นเป็นไปได้” ประธานคณะก้าวหน้า กล่าว
ทั้งนี้ นายสิทธิชัย ต๊ะอาจ ผู้สมัครนายก อบจ. เพชรบูรณ์ เบอร์ 4 กล่าวว่า หนึ่งในนโยบายหลักของเรา คือการเชื่อมทุกพื้นที่ของจังหวัดเพชรบูณรณ์ด้วยรถโดยสารสาธารณะ ทุกวันนี้การเดินทางระหว่างอำเภอนั้นมีบริการรถสองแถว แต่เส้นทางยังไม่คลอบคลุม ตนคิดว่าพี่น้องประชาชนชาวเพชรบูรณ์ ควรจะเดินทางในจังหวัดได้อย่างสะดวก นอกจากนี้ยังทำให้การท่องเที่ยวเติบโต เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจไปในตัวอีกด้วย
นายมาโนช วัฒนาประสิทธิ์ ผู้สมัคนนายก อบจ. พิจิตร เบอร์ 4 กล่าวว่า จังหวัดพิจิตรไม่เคยเปลี่ยนตัวนายก อบจ. มากกว่า 20 ปี จึงเห็นได้ว่าจังหวัดพิจิตรไม่พัฒนาขึ้นเลย ทั้งๆ ที่ศักยภาพของจังหวัดสามารถสร้างแหล่งท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ดีกว่านี้ได้
นอกจากนี้พิจิตรยังติดอยู่กับปัญหาน้ำท่วม-แล้ง และขาดการบริหารจัดการน้ำที่ดี ตนคิดว่างบประมาณของ อบจ. ที่มีกว่าปีละ 525 ล้านบาท สามารถบริหารน้ำช่วยเหลือเกษตรกร ให้เข้าถึงระบบชลประทานอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมได้ หากตนได้รับความไว้วางใจจากประชาชน เศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตคนพิจิตรจะดีขึ้นอย่างแน่นอน
ขณะที่ นายอภิสิทธิ์ พรมฤทธิ์ ผู้สมัครนายก อบจ.กำแพงเพชร เบอร์ 3 กล่าวว่า ที่ตนตัดสินใจลงสมัครนายก อบจ. ในนามคณะก้าวหน้าก็เพราะต้องการเปลี่ยนแปลงจังหวัดกำแพงเพชร ตนอยากให้คนกำแพงเพชรมีคุณภาพชีวิตที่ดี ซึ่งจะทำอย่างนั้นได้ต้องมาจากการเมืองท้องถิ่นที่โปร่งใส ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลและตรวจสอบการใช้งบประมาณที่มาจากภาษีของเขาทั้งหมด หากมีการตรวจสอบงบประมาณอย่างโปร่งใสแล้ว งบประมาณที่ถูกนำไปใช้จะมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์กับประชาชนสูงสุด หากตนได้รับความไว้วางใจจากประชาชนให้เข้าไปบริหารจังหวัดกำแพงเพชร งบลงทุนหรือการจัดการโครงการต่างๆในนโยบายของเรา ต้องมีพื้นฐานจากการมีส่วนร่วมของประชาชนเท่านั้น เพราะเราตั้งใจเข้ามารับใช้ประชาชน
ปิดท้าย นายคริษฐ์ ปานเนียม ผู้สมัครนายก อบจ.ตาก เบอร์ 3 กล่าวว่า นโยบายของตนนั้น ต้องการเปลี่ยนแปลงจังหวัดตากจากภัยแล้งซ้ำซาก ให้เป็นพื้นที่ชุ่มชื้นตลอดปี โดยการพัฒนาแหล่งน้ำสำรอง เพิ่มน้ำซับในดินด้วยการสร้างฝายกักเก็บน้ำ ดูแลลุ่มน้ำสายรอง ห้วย คลอง บึง และจะบริหารจัดการน้ำอย่างมีส่วนร่วมทุกภาคส่วน โดย อบจ.จะเป็นผู้สนับสนุนเครื่องจักร และดึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาอยู่ในกระบวนการด้วย นอกจากนี้ประชาชนในพื้นที่ป่าเขาอย่างน้อย 25 ตำบล ที่ห่างไกลจากโลกภายนอก เพราะถนนหาทางยังเข้าไม่ถึง การสัญจรลำบาก หากตนได้รับความไว้วางใจจากประชาชน ตนตั้งใจจะพัฒนาจากถนนทางดินในป่า เปลี่ยนให้เป็นถนนที่มีลักษณะเหมาะสมกับพื้นที่ อย่างเช่น ถนนลูกรังบดแน่น หรือ ลูกรังพาราซอย เพื่อความทนทานกับสภาพอากาศตลอดทั้งปี