จับตา 2 ธ.ค. ‘ธีรัจชัย’ แนะ ‘ประยุทธ์’ ลาออกก่อน ศาล รธน. ตัดสินกรณี ‘บ้านพักค่ายทหาร’ เชื่อ พ้นนายกฯ แน่ เพราะ รธน. ห้ามชัด ข้ออ้างกองทัพบกให้ฟังไม่ขึ้น

นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้ตั้งข้อสังเกตต่อกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญกำหนดนัดแถลงด้วยวาจา ลงมติและอ่านคำวินิจฉัยในวันพุธที่ 2 ธ.ค. 2563 เวลา 15.00 น. กรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยังคงอาศัยบ้านพักของข้าราชการทหาร แม้จะเกษียณอายุราชการไปแล้ว ถือเป็นการรับประโยชน์ใดๆจากหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ อันเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ตามรัฐธรรมนูญ

นายธีรัจชัยกล่าวว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะมีการวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (5) และมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5) ประกอบมาตรา 186 วรรคหนึ่ง และมาตรา 184 วรรคหนึ่ง (3) หรือไม่
ซึ่งการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีข้อห้ามไว้ในรัฐธรรมนูญคือห้ามรับประโยชน์อื่นใดเกิน 3,000 บาท การอาศัยอยู่ในบ้านพักข้าราชการทหารภายหลังเกษียณอายุราชการมาแล้วหลายปี ย่อมเกินมูลค่า 3,000 บาทอย่างแน่นอน
นายธีรัจชัยกล่าวถึงข้อโต้แย้งที่มีการอ้างกันว่ากองทัพบกมีระเบียบว่าผู้ที่ทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศ จะสามารถพักอาศัยอยู่บ้านพักข้าราชการทหารได้ ซึ่งในประเด็นนี้มีข้อสังเกตคือ แม้ระเบียบของทางกองทัพบกจะเสนอให้ได้ แต่ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ไม่ว่า ส.ส. ส.ว. นายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรี ได้ถูกบัญญัติห้ามไว้ในรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจน
แม้จะมีผู้เสนอมาก็รับประโยชน์อื่นใดเกิน 3,000 บาทไม่ได้ และไม่นับว่า พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่ได้ทำประโยชน์ให้บ้านเมือง แต่มาทำให้ประเทศชาติมีปัญหาซับซ้อนมากขึ้นตั้งแต่เป็นหัวหน้า คสช. จนสืบทอดอำนาจมาเป็นนายกรัฐมนตรี
นายธีรัจชัยยังกล่าวด้วยว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติหรือ คสช. ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นหัวหน้าคณะได้ใช้อำนาจ กลไกของคณะรัฐประหารวางบุคคลใกล้ชิดมาดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งตุลาการในศาลรัฐธรรมนูญหลายคนก็ได้รับการแต่งตั้งและได้รับผลพลอยได้มาจาก คสช. อาทิ การสรรหาโดยสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. โดย คสช.ออกคำสั่งที่ 48/2557 และมี สนช.ซึ่งแต่งตั้งโดยคสช.เป็นผู้พิจารณาเห็นชอบ
จึงหวังว่ากระบวนการยุติธรรมต้องไม่ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการรักษาอำนาจให้กับผู้มีอำนาจ หรือใช้เป็นทางลงให้กับผู้มีอำนาจ เพราะจะเป็นการทำลายหลักการนิติรัฐของประเทศ ไม่เป็นผลดีต่อความเชื่อมั่นและเชื่อถือในกระบวนการยุติธรรมของประชาชน


“แม้กองทัพบกจะให้สิทธิในการอยู่แต่ก็ห้ามรับ นี่คือข้อกฎหมายที่สำคัญ เขาให้แต่รับไม่ได้ เช่น กรณีเบี้ยผู้สูงอายุที่รัฐบาลให้ผู้สูงอายุทุกคน สมมติว่าเกิน 3,000 บาท คนอายุเกิน 60 ปี สามารถรับเบี้ยตรงนี้ได้ แต่ผู้ที่ดำรงตำแหน่ง ส.ส. สว. รัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรีจะมารับไม่ได้เพราะต้องห้ามตามมาตรา 184 ของรัฐธรรมนูญ จะตีความเป็นอย่างอื่นว่าเขาให้มีสิทธิรับไม่ได้
ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ คิดได้ คงไม่ต้องให้เป็นภาระศาลในการวินิจฉัย แต่าหาก พล.อ.ประยุทธ์ ปล่อยให้ศาลวินิจฉัยก็หมายความว่าต้องการให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญมาวินิจฉัยเพื่อ หนึ่งรับรองสิทธิตัวเอง สองตัดสิทธิตัวเอง กรณีนี้มีข้อเสี่ยงทางกฎหมาย สมมติว่ามีการใช้อำนาจตุลาการมาวินิจฉัยที่ดูแล้วฝืนความรู้สึกประชาชนคือ มองว่าเขาให้ก็มีสิทธิรับก็จะทำให้กระทบกระเทือนถึงความน่าเชื่อถือไปยังองค์กรตุลาการ แต่หากตัดสินว่าผิดนายกรัฐมนตรีก็จะเสียเอง กลายเป็นคำถามว่าทำไมจึงทำผิด
ข้อดีเรื่องนี้คือจะเป็นบรรทัดฐานต่อไป แต่กรณีนี้จะกระทบกระเทือนไปถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ด้วย ในกรณีนาฬิกาเพื่อนซึ่งเป็นการรับประโยชน์อื่นใดเกิน 3,000 บาท แม้ ปปช.จะบอกยุติเรื่องหรือบอกว่าเป็นการยืมใช้คงรูปก็แล้วแต่ แต่ก็ถือเป็นประโยชน์อื่นใดจากเพื่อน จากบุคคภายนอก ถ้าปล่อยให้มีการสงสัยว่ามีการใช้กลไกช่วยเหลืออีกก็จะเป็นการทำลาย ระบบนิติรัฐของประเทศอย่างร้ายแรงและอาจจะเกิดวิกฤติขึ้นมาอีกในอนาคตก็ได้” นายธีรัจชัย กล่าว
0 replies on “จับตา 2 ธ.ค. ‘ธีรัจชัย’ แนะ ‘ประยุทธ์’ ลาออกก่อน ศาล รธน. ตัดสินกรณี ‘บ้านพักค่ายทหาร’ เชื่อ พ้นนายกฯ แน่ เพราะ รธน. ห้ามชัด ข้ออ้างกองทัพบกให้ฟังไม่ขึ้น”