กระทรวงสาธารณสุขไทย ร่วมกับ ประเทศรัสเซีย จัดประชุมประเทศสมาชิกเอเชียตะวันออก ระหว่างวันที่ 16-17 ตุลาคม 2562 เพื่อเน้นย้ำทิศทางการดำเนินงาน พร้อมพัฒนาและสร้างเครือข่ายความร่วมมือด้านการเตรียมความพร้อมตอบโต้สถานการณ์ของโรคติดเชื้อแก่ประเทศสมาชิกเอเชียตะวันออก จำนวนกว่า 60 คน จาก 14 ใน 18 ประเทศสมาชิก
วานนี้ (16 ตุลาคม 2562) ที่ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์หม่อมหลวงสมชาย จักรพันธุ์ ประธานคณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดประชุม “เตรียมความพร้อมและตอบโต้โรคติดเชื้อที่อาจมีแนวโน้มเกิดการระบาดในภูมิภาค” โดยร่วมกับ Federal Service for Surveillance on Consumer Rights Protection and Human Wellbeing ประเทศรัสเซีย เพื่อทบทวนกลไกการดำเนินงานและความท้าทายในการเตรียมความพร้อมและตอบโต้โรคติดเชื้อที่อาจมีแนวโน้มเกิดการระบาดในภูมิภาค โดยเน้นย้ำทิศทางการดำเนินงาน พร้อมพัฒนาและสร้างเครือข่ายความร่วมมือด้านการเตรียมความพร้อมตอบโต้สถานการณ์ของโรคติดเชื้อแก่ประเทศสมาชิกเอเชียตะวันออก (East Asia Summit) จำนวนกว่า 60 คน จาก 14 ใน 18 ประเทศสมาชิก
นายแพทย์หม่อมหลวงสมชาย จักรพันธุ์ ประธานคณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขตระหนักถึงความเสี่ยงต่อการระบาดของโรคติดเชื้อที่อาจเกิดขึ้นในภูมิภาคเอเชีย ทั้งนี้ ต้องอาศัยความร่วมมือจากประเทศเครือข่ายในการเฝ้าระวังและตอบโต้สถานการณ์ต่างๆ ประเทศไทยมีความยินดีที่ได้รับเกียรติในการแบ่งปันองค์ความรู้และประสบการณ์ร่วมกับประเทศเครือข่ายเอเชียตะวันออกในการตอบโต้กับโรคติดเชื้อและโรคติดต่ออุบัติใหม่ อาทิ โรคซาร์ โรคไข้หวัดนก โรคไข้หวัดใหญ่ และ โรคติดเชื้อทางเดินหายใจตะวันออกกลาง เป็นต้น
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า การเตรียมความพร้อมเพื่อตอบโต้กับสถานการณ์เสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เป็นความรับผิดชอบของทุกหน่วยงาน ทุกภาคีเครือข่ายทั่วโลก การป้องกันความเสี่ยงต่อสุขภาพแก่ประชาชนในประเทศนั้นไม่สามารถดำเนินการได้ด้วยหน่วยงานเดียว ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ซึ่งการประชุมในครั้งนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีของประเทศสมาชิกในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ กลไก และความท้าทายเพื่อเตรียมความพร้อมและตอบโต้กับโรคติดเชื้อที่อาจมีแนวโน้มเกิดการระบาดในภูมิภาค อันจะสร้างความมั่นคงทางด้านสุขภาพแก่ประชาชนทั้งไทยและประเทศสมาชิกต่อไป