เปลว สีเงิน
เมื่อ “ภาพ/ข่าว” แพร่กระจายออกไป…….
“พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” รัชกาล ที่ ๑๐ และ “สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี” เสด็จฯ อุดรธานี วานซืน (๑๐ พย.๖๓)
พสกนิกรเดินทางมาเฝ้ารอรับเสด็จฯ ชมพระบารมีเนืองแน่น จนลานสนามบินอุดรฯแคบถนัดตา
มงคลกาลนั้น ………
ประหนึ่งท้องฟ้าเปิด อาทิตย์สาดแสงสว่างทั่วหล้า ชาวประชาปีติ หวังในทางชีวิตที่อ่อนล้า พลันโชนฉาน กระจ่างชัดเส้นทางอนาคตชาติ “ใต้ร่มพระบารมี” สดใส
เมื่อพระองค์อยู่กับประชาชน มีหรือที่ประชาชนจะทอดทิ้งพระองค์ และมีหรือที่ไทยจะไม่ยิ่งใหญ่ไพศาล
พระมหากษัตริย์ ประชาชน กับความเป็นชาติ และศาสนา ขาดอย่างหนึ่ง-อย่างใด ไปจากกันไม่ได้
ถ้าขาด…..
นั่น ไม่ใช่ “ประเทศไทย”!
ราษฎรผู้จงรักภักดีแต่ละจังหวัด ในความเป็นพสกนิกรของพระองค์ ไม่อิจฉาพี่น้องอุดรฯ ที่มีโอกาสได้เฝ้าแหนใกล้ชิด พลอยปลื้มซะด้วยซ้ำ
ด้วย “แอบหวัง” ลึกๆ ในใจ
ไม่วันใดก็วันหนึ่ง “พระปกเกศ” ทั้ง ๒ พระองค์ ต้องเสด็จฯ มาเยี่ยมเยียนยังจังหวัดของตนบ้างแน่นอน
ทุกพสก-ทุกจังหวัด ล้วนตั้งหวังเช่นนั้น!
โซเชียลมีเดีย ใช้ในทางเป็นคุณ ก็เกิดประโยชน์เอนกอนันต์ อย่างการเสด็จฯ อุดรฯ ของทั้งสองพระองค์ ครั้งนี้
โซเชียลทำให้คนไทยรวมถึงคนทั้งโลก ได้รับรู้-รับเห็น ความผูกพันระหว่าง “พระมหากษัตริย์กับประชาชน” ว่าลึกซึ้งโดยสายเลือดและจิตวิญญานขนาดไหน
และ “พระมหากษัตริย์” พระองค์นี้ ทรงไม่ถือพระองค์แม้แต่น้อยกับประชาชน ทำให้เส้นกั้นบางๆ ระหว่าง “กษัตริย์-ราษฎร์” หายไป
เมื่อเส้นกั้นหายไป มิติใหม่ที่ปรากฏ “ใจกษัตริย์-ใจราษฎร์” ชิดสนิทแนบ และนั่น สิ่งไม่เคยเห็นมาก่อน พลันได้เห็น พสกนิกรทูลขอลายพระหัตถ์จากในหลวง คือ “ขอลายเซ็นต์” และพระองค์ก็ทรงเซ็นให้สดๆ ด้วยข้อความต้องบันทึกเป็นประวัติศาสตร์
มีผู้โพสต์แบบประทับใจด้วยความรู้สึกนั้น ดังเช่น
Wilai Thawinthai
พระองค์ท่านทรงโรแมนติกนะ
ทุกถ้อยคำที่ตรัส ทุกตัวอักษรที่ทรง
ทุกอย่างโดยกระทันหัน แล้วแสดงออกทันที
ที่เห็นได้เป็นสำคัญ คือ พระองค์ท่านรักประชาชน และ ประเทศไทย
#รับเสด็จอุดรธานี
#ฉันรักในหลวงและพระราชินี
ก็คงเห็นกันแล้ว ลายพระหัตถ์ “พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว” ที่ทรงเขียนสดๆ เดี๋ยวนั้น พระราชทานให้ผู้ทูลขอ
หลายคนชูอวด เท่าที่ผมอ่านได้จากภาพข่าวเช่น ว่า
หวงแหนชาติ
หวงแหนเผ่าไทย
รักษาความรัก+ความดี
……………….
รักกันคือรักชาติ
รักส่วนรวม
ทำความดีให้กัน
………………..
รักชาติ
รักประชาชน
หวงแหนความเป็นไทย
มีความสุข แท้ๆ แน่
“ลุงตู่ตูน”โพสต์ว่า……..
‘ในหลวง’ ทรงลงพระอักษรด้านหลังพระบรมฉายาลักษณ์ขอบใจชาวจังหวัดอุดรธานี ผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ภายหลังเสร็จสิ้นพิธีวางศิลาฤกษ์ และทรงเปิดอาคารที่ทำการศาลเยาวชนและครอบครัว
#ลุงตู่ #ลุงตู่ตูน
พระอักษรขอบใจ นั้น มีความว่า……
“ขอบใจในความรักและกำลังใจ เราต่างรักกันห่วงกันห่วงประเทศชาติ ช่วยกันรักษาบ้านเราด้วยความดี เพื่อความสุขและความเจริญรักษาความวิเศษของความเป็นไทย”
อีกปรากฏการณ์หนึ่ง สะท้อนอะไรหลายๆอย่าง ซึ่งเป็นไปในทาง “นิมิตมงคลเมือง”
คือ “นายอานนท์ แสนน่าน” นปช.อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงแห่งประเทศไทย ได้เฝ้ารับเสด็จฯ ในหลวงและพระราชินีด้วย
อะไรเกิดขึ้น……?
เก็บความที่ “โพสต์ทูเดย์” สัมภาษณ์ “นายอานนท์” เผยแพร่ไว้ ประมาณนี้
“ผม, ครอบครัว ปลื้มปิติยินดีมาก ที่ได้เฝ้ารับเสด็จ “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” และ “สมเด็จพระบรมราชินี” อย่างใกล้ชิด
หลังจากมาช่วยงานแรมโบ้ “นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์” ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ” ช่วยเหลือประชาชนและสนับสนุนเกษตรกรกลุ่มวิสาหกิจชุมชน
ทำให้มีโอกาสร่วมงานกับ “หลวงปู่พุทธะอิสระ” ร่วมพลังเป็น “กองทัพประชาชนปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์” จนมีโอกาสเข้าเฝ้ารับเสด็จวันนี้
“สมเด็จพระบรมราชินี” เสด็จพระราชดำเนินมาถึง ผมก็ได้กราบบังคมทูลว่า
“ข้าพระพุทธเจ้าจากหมู่บ้านเสื้อแดงพระพุทธเจ้าข้า” พระราชินีท่านก็ได้หันพระพักตร์ พร้อมมีพระราชปฏิสันถาร ตรัสว่า
“ขอบคุณมากค่ะ ขอบคุณมากนะ” และยื่นพระหัตถ์มาตบไหล่ขวาผม
จากนั้น “สมเด็จพระบรมราชินี” ก็ได้กราบทูลในหลวง ว่า “ประธานมาจากหมู่บ้านเสื้อแดงรักษาพระองค์”
ทันใดนั้น…….
“ในหลวง” ทรงหันพระพักตร์มาทางผม พร้อมกับยื่นพระหัตถ์ซ้ายมาตบไหล่ขวา และตรัสว่า
“ยังไงก็ได้ ถ้าเรารักประเทศชาติ ทำให้เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ต่อประชาชน ต่อพี่น้องคนไทย ต่อความมั่นคง รักษาความมั่นคงของประเทศชาติไว้”
ตอนนั้น ผมกราบบังคมทูลว่า
“ข้าพระพุทธเจ้าขอเป็นหมู่บ้านเสื้อแดงรักษาพระองค์ พระพุทธเจ้าข้า”
“ในหลวง” ตรัสว่า
“ทำในสิ่งที่ดี ทำในสิ่งที่ถูก อะไรที่มันผิดๆก็ไม่ต้องทำ ดูแลประเทศไทย”
และ “สมเด็จพระบรมราชินี” ก็ตรัสอีกว่า
“ขอบคุณนะคะ”
ผมและประธานหมู่บ้านเสื้อแดงภาคอีสานและภาคเหนือ พร้อมรับสนองพระราชดำรัสที่ในหลวงทรงรับสั่งและขอเป็น “หมู่บ้านเสื้อแดงรักษาพระองค์”
ซึ่งผมและคณะ “หมู่บ้านเสื้อแดงรักษาพระองค์” ต่างรู้สึกซาบซึ้งและปลื้มปิติยินดีเป็นอย่างมาก
ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันเป็นล้นพ้นอย่างหาที่สุดมิได้ ผมและประธานภูมิภาค ประธานแต่ละจังหวัด
ขอเป็นข้าใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ และพระบรมวงศานุวงศ์ ราชวงศ์จักรีทุกพระองค์ตลอดไป”
ครับ……..
ทั้งหมดที่รวบรวมมา ผมต้องการเน้นย้ำให้เห็น “ความรู้สึก” แห่งพระองค์ ที่ทรงมีกับชาติบ้านเมืองและประชาชน ทุกลายพระหัตถ์ และทุกคำที่ตรัส โดดเด่น-ชัดเจน เมตตา, อภัย, น้ำพระทัยกว้าง
ทรงมุ่งเน้น……
“ความรักระหว่างกัน, ความดีต่อกัน, ความเป็นชาติที่ต้องช่วยกันรักษา, ความเป็นไทยที่ต้องหวงแหน, ความเป็นส่วนรวม และความสุขของทุกๆ คน
“อักโกธะ” พระองค์ทรงไม่ถือโกรธใดๆ กับผู้ใดเลย!
อยากจะคุยเรื่อง “นายไมค์” สัตว์พิการ ๓ นิ้ว บังอาจทวีตข้อความก้าวล่วงท่าน “จุฬาราชมนตรี”
ต่อกรณี…..
สำนักจุฬาราชมนตรี, สำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย, สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำกรุงเทพมหานคร, สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด
จัดงาน “รวมพลังมุสลิม ปกป้องสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์” เมื่อ ๑๐ พย.
โดยนายไมค์ทวีตข้อความว่า “ท่านควรวางตัวเป็นกลาง ไม่ควรแสดงชี้ชัดว่าอยู่ฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่ง”
นั่น…ทั้งไม่เหมาะสม ไม่ถูกต้อง เป็นการก้าวล่วงประมุขกิจการศาสนาที่ไม่บังควรยิ่ง
นายไมค์ใช้ความไม่รู้ ด้วยมืดบอด มองการร่วมกันของพี่น้องมุสลิม ขอดุอาให้สังคมและประเทศชาติร่มเย็นเป็นสุข ว่านั่น คือ การวางตัวไม่เป็นกลาง ของจุฬาราชมนตรี
สมควรโดนนะ ไอ้คนไม่รู้ที่ต่ำ-ที่สูง, ที่ถูก-ที่ผิด, แบบนี้!
แต่พอดี “หมดเนื้อที่”……….
ไว้วันหลัง จะเล่าสู่กันฟัง ศาสนา ไม่เกี่ยวกับความเป็นกลาง-เป็นริม ศาสนาเป็นเรื่องดีงามทางจิตใจ เมตตา, อภัย-รักใคร่, เจือจานต่อกัน
เพราะอะไร “พุทธกับอิสลาม” ในประเทศไทย จึงอยู่ร่วมเป็นชาติร่มเย็น รักใคร่ กลมเกลียว มีใจดวงเดียวกัน สุข-สุขด้วยกัน, ทุกข์-ทุกข์ด้วยกันได้ จะพูดว่า เด่นชัดแห่งเดียวในโลก ก็แทบไม่ผิด
“สำนักจุฬาราชมนตรี” เคยแถลงถึงเหตุนั้นไว้
เอาเถอะ…แล้วจะได้คุยกัน!
