สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา ทำให้การรักษาด้านทันตกรรมของประชาชนหยุดชะงักลง ดังนั้น เมื่อสถานการณ์ในภาพรวมของประเทศไทยดีขึ้นและควบคุมได้แล้ว ทาง บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ กัลฟ์
จึงร่วมมือกับ คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ออกหน่วยทันตกรรมเคลื่อนที่ “GULF Sparks Smile มอบรอยยิ้มสดใสให้ชุมชน” เป็นครั้งแรก เพื่อรักษาและบรรเทาปัญหาสุขภาพช่องปากและฟันของประชาชน ที่ได้รับผลกระทบเป็นวงกว้างจากการแพร่ระบาดของโควิด-19
โดยการออกหน่วยทันตกรรมเคลื่อนที่ในครั้งนี้เป็นการทำฟันฟรีให้กับคนในชุมชน ครอบคลุมการรักษาฟันเบื้องต้น อาทิ อุดฟัน ถอนฟัน ขูดหินปูน เคลือบฟลูออไรด์ และเอ็กซเรย์ รวมไปถึงทันตกรรมที่ซับซ้อนอย่างการผ่าฟันคุด โดยรองรับผู้ป่วยได้ประมาณ 100–130 คนต่อวัน
นอกจากนี้ กัลฟ์ยังสนับสนุนเครื่องดูดน้ำลายความแรงสูง (High Power Mobile Suction) จำนวน 10 เครื่อง เพื่อนำไปใช้ที่หน่วยทันตกรรมเคลื่อนที่อีกด้วยความร่วมมือในครั้งนี้สะท้อนพันธกิจเพื่อสังคมของกัลฟ์ภายใต้แนวคิด “Powering the Future, Empowering the People” ที่มุ่งดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในสังคมอย่างยั่งยืน
นายสิตมน รัตนาวะดี ในนามตัวแทน นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สืบเนื่องจากการที่ทางกัลฟ์ได้ลงพื้นที่ไปแจกข้าวกล่องแก่คนในชุมชนช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 เมื่อเดือนเมษายน-พฤษภาคมที่ผ่านมา
ทีมงานเห็นว่ายังมีประชาชนที่ยังเดือดร้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มผู้มีรายได้น้อยในชุมชนต่าง ๆ ในพื้นที่กรุงเทพฯ จึงนำร่องจับมือกับทันตะ จุฬาฯ ออกหน่วยทันตกรรมเคลื่อนที่ ซึ่งในปีนี้ออกหน่วยครั้งแรกที่ชุมชนบ้านแบนชะโด โดยตั้งเป้าว่าจะออกหน่วยทันตกรรมเคลื่อนที่จนถึงสิ้นปี และอาจขยายพื้นที่ไปจังหวัดอื่นเพิ่มเติมตามความเหมาะสม เน้นชุมชนที่ตั้งอยู่ห่างไกลจากศูนย์บริการสาธารณสุข เพื่อให้กลุ่มผู้ที่ยากจนหรือด้อยโอกาสสามารถเข้าถึงบริการทันตกรรมที่มีคุณภาพได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
รวมถึงได้รับความรู้ด้านการดูแลสุขภาพช่องปากอย่างถูกต้อง นอกจากนี้พนักงานกัลฟ์ยังมาร่วมเป็นอาสาสมัครช่วยรับลงทะเบียน และให้ความรู้เกี่ยวกับทันตสุขศึกษาอีกด้วย
“การเดินทางมาหาทันตแพทย์แต่ละครั้งสำหรับผู้มีรายได้น้อยนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องมีทั้งค่าเดินทาง และการหยุดงานที่อาจทำให้เสียรายได้ ซึ่งปัญหาสุขภาพช่องปากของประชาชนเป็นปัญหาสำคัญ โดยเฉพาะโรคฟันผุและปริทันต์อักเสบ ถ้าไม่ได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างทันท่วงทีจะลุกลามได้ ส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายตลอดการใช้ชีวิตประจำวัน
ทางเรารู้สึกยินดีที่ทางกัลฟ์เล็งเห็นความสำคัญของการส่งเสริมสุขภาพช่องปากแก่ประชาชนผ่านการให้ความรู้ด้านทันตสุขศึกษา และการรักษาฟรี ถือเป็นการกระจายโอกาสและความเท่าเทียมกันด้านบริการทันตสุขภาพให้ทั่วถึงสู่ชุมชน นอกจากนี้ทีมทันตแพทย์ คณะทันตะ จุฬาฯ ขอขอบคุณทางกัลฟ์สำหรับการสนับสนุนเครื่องดูดน้ำลายความแรงสูง เพราะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่อไปได้” รศ. ทพ. ดร. พรชัย จันศิษย์ยานนท์ คณบดี คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าว
ด้านนายประดิษฐ์ จันทร ตัวแทนจากชุมชนบ้านแบนชะโด กล่าวถึงการเข้ารับบริการทันตกรรมในครั้งนี้ว่า “ผมทราบข่าวจากคณะกรรมการในชุมชนผ่านการประกาศเสียงตามสาย เลยรีบแจ้งความประสงค์ขอเข้ารับการรักษาฟันฟรี โดยปกติแล้วผมจะไปหาหมอฟันก็ต่อเมื่อฟันมีปัญหา ปวดฟัน ต้องถอนฟัน เป็นต้น ยิ่งพอมีสถานการณ์โรคโควิด-19 ก็ไม่ได้ไปหาหมอฟันเลย
วันนี้จึงเป็นการมาพบหมอฟันครั้งแรกของปี รวมถึงพาลูกชายที่เรียนอยู่ชั้นอนุบาล 1 มาพบหมอฟันเป็นครั้งแรก รู้สึกดีใจที่มีโครงการดี ๆ อย่างนี้ที่ทางกัลฟ์และทีมหมอเข้ามาดูแลคนในชุมชน”
สำหรับการออกหน่วยทันตกรรมเคลื่อนที่บนมาตรฐานใหม่ในบริบท New Normal นั้นจะมีจุดคัดกรอง วัดอุณหภูมิร่างกาย ความดัน ชีพจร รวมถึงซักประวัติผู้เสี่ยงสงสัยติดเชื้อโควิด-19 ด้วย เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของทุกคน โดยหน้างานมีการจัดที่รับบัตรคิว การจัดที่นั่งรอให้มีระยะห่างที่เหมาะสม มีมาตรการป้องกันและควบคุมการติดเชื้อในสถานทำฟันตามมาตรฐานทันตแพทยสภา
ซึ่งทันตแพทย์และบุคลากรทางทันตกรรม ต้องใส่อุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อ เช่น แผ่นป้องกันใบหน้า (Face Shield) แว่นป้องกัน หน้ากากอนามัย ชุด PPE และถุงมือยาง ระหว่างปฏิบัติงาน มีฉากกั้น เคร่งครัดเรื่องการฆ่าเชื้อด้วยน้ำยาบ้วนปากก่อนการรักษา และทำความสะอาดเก้าอี้ทำฟันก่อนและหลังการรักษาทุกครั้ง
นอกจากนี้ ยังมีเครื่องดูดละอองฝอย (Extra Oral Suction) เพื่อลดการฟุ้งกระจายของละออง และป้องการการแพร่เชื้อโรค ส่วนผู้ป่วยที่มีอาการร้ายแรง ทางทันตแพทย์จะเขียนใบส่งตัวมาที่รพ.จุฬาฯ เพื่อนัดหมายตามขั้นตอนต่อไป