สันติ อิ่มใจจิตต์
ผมเดินทางไปจังหวัดสงขลา กับ อธิบดีกรมการค้าภายใน และสมาคมภัตตาคารไทย เพื่อไปช่วยเหลือให้กำลังใจแก่เกษตกรที่เลี้ยงปลากะพงกระชังในทะเลสาบสงขลาที่ประสบปัญหาจากโรคโควิด-19 ขายปลากะพงไม่ได้ จนประสบกับความเดือดร้อนไปทั่ว
ทั้งเวลาที่ออกจากสนามบินเข้าตัวเมืองสงขลาและเดินทางกลับกรุงเทพฯ คณะของผมต้องแวะร้านอาหารคู่บ้านคู่เมืองสงขลา คือ ร้านหรอย ของ คุณอดิศร จุลจินดา หรือที่ลูกค้าเรียกกันติดปากจนกลายเป็นชื่อเล่นคือ ลุงหรอย เสมอๆ
อาหารของที่นี่อร่อยจนได้รับการยกย่องว่าเป็นของดีของจังหวัด เพราะฝีไม้ลายมือของลุงหรอยที่เป็นคนพื้นที่นั้นไม่ธรรมดาตั้งแต่เล็กแต่น้อย ก็เข้าครัวช่วยแม่ทำอาหารและยังเป็นคนชอบกินเข้าร้านออกร้านนี้เป็นประจำ จึงรู้รสชาติอาหารให้ได้เป็นอย่างดี
เมื่อเปิดร้านขายอาหาร ลงมือทำอาหารเองจึงโด่งดังเป็นที่รู้จักกันไปทั่ว จนถึงกับได้รับการเลือกให้เป็น นายกสมาคมร้านอาหารและเครื่องดื่ม ของจังหวัดสงขลา
ประกอบทั้งลุงหรอยเป็นคนที่มีอัธยาศัยไมตรีดีชอบพูดคุยกับลูกค้า สูตรอาหารต่างๆ ใครถามเป็นบอกให้หมดไม่มีปิดบัง แถมยังทำพริกแกงขายเพื่อให้ลูกค้าไปทำกินเองที่บ้านอีกด้วย
อาหารที่นี่ส่วนมากจะเป็นกับข้าว ยกออกมาแต่ละจานแต่ละถ้วยหอมกรุ่นเล่นเอาน้ำลายสอออกมาทันทีทุกอย่างหาที่ติแทบจะไม่ได้ เช่น
น้ำพริกแมงดาสะตอเผา เมนูนี้จะไม่เหมือนน้ำพริกทางภาคกลาง โดยลุงหรอยจะใช้แมงดาตัวผู้แท้ๆ ไม่ใช้กลิ่นแมงดาผสม ใส่หอมแดง พริกขี้หนูสวน แกะเนื้อปลาทูนึ่งนิดหน่อย กะปิดี ใส่น้ำตาลปึกนิดเดียว ตำให้เข้ากัน ที่สำคัญคือไม่ใส่มะนาว กินกับสะตอที่เผาด้วยเตาถ่าน ยกออกมาเสิร์ฟทั้งฝักที่เผาให้เราแกะกินเอง จะได้รสชาติแท้ๆ ที่อร่อยอย่างไม่น่าเชื่อ
ไก่บ้านคั่วกลิ้ง เมนูนี้ลุงหรอยจะไปหาไก่บ้านแถวๆ ละแวกร้านมาสับเป็นชิ้นพอคำ นำมาคลุกกับหัวข่าอ่อนแล้วเอาไปผัดกับเครื่องคั่วกลิ้งที่มีตะไคร้ ขมิ้นบ้าน พริกไทยดำ พริกขี้หนูแห้ง ตำจนเข้ากัน เวลาผัดกลิ่นจะฟุ้งกระจายออกมาที่โต๊ะนั่งโล่งๆ จนต้องจามกันออกมา เสร็จแล้วใส่ใบยี่หร่า พริกไทยสด ยกออกมาเสิร์ฟ เนื้อไก่ย่างที่ทั้งเหนียวนุ่มแต่หวานมัน บวกเข้ากับเครื่องคั่วกลิ้งที่แทรกเข้าไปในเนื้อไก่ ยิ่งกินก็ยิ่งเผ็ด ต้องแกล้มด้วยผักสดที่ให้มาด้วย ซึ่งผักสดที่นี่ส่วนมากลุงหรอยจะปลูกไว้ที่บริเวณหลังร้าน ทำให้ได้ผักสดที่สะอาดและปลอดภัยจากสารพิษต่างๆ อีกด้วย
อาหารเด่นของภาคใต้ที่ต้องสั่ง คือ สะตอผัดกุ้งกะปิ ลุงหรอยรู้จักเลือกสะตอว่าต้องใช้สะตออะไรมาผัดจึงจะได้รสชาติที่อร่อย ใช้กุ้งแชบ๊วยเอาหัวออกมาผัดกับกะปิอย่างดี หอมใหญ่ พริก กระเทียม ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาวและน้ำมันหอย พอได้ที่แล้วจึงใส่สะตอลงไปผัดจะได้รสชาติสะตอผัดกุ้งกะปิให้อร่อยมาก
แต่ที่พลาดไม่ได้อย่างเด็ดขาดก็คือ แกงส้มปลากดเหลือง แกงส้มของภาคใต้หรือทางภาคกลางเรียกกันว่า แกงเหลือง ที่นี่จะไม่เหมือนที่อื่นๆ เพราะรสชาติอร่อยเกินบรรยายชนิดที่ว่ามีการแข่งขันทำแกงส้มที่ไหนทั้งในสงขลา จังหวัดใกล้เคียง หรือแม้กระทั่งไปกรุงเทพมหานคร
ถ้าลุงหรอยเข้าแข่งด้วย ก็มักจะคว้ารางวัลชนะเลิศเสียเกือบทุกครั้ง จนแทบจะไม่มีใครอยากจะแข่งด้วย เพราะฝีไม้ลายมือในการทำพริกแกงส้มของลุงหรอยนั้นอร่อยมาก จะมีทั้งพริกเหลือง ขมิ้นบ้าน กระเทียม เกลือ น้ำตาลปึกนิดหน่อย ส่วนปลาที่ใส่ ลุงหรอยจะใช้ปลากดเหลืองเป็นๆ เนื้อจะนุ่มหวาน บวกกับความเผ็ดของเครื่องแกง
ที่แปลกคือ ที่นี่จะใส่ หัวมันขี้หนู ซึ่งฤดูหนึ่งๆ จะปลูกได้ครั้งเดียว รสชาติมันๆ หวานๆ มองผ่านๆ คล้ายกับลูกองุ่น กินแกล้มไปพร้อมๆ กัน จะเข้ากันได้อย่างไม่น่าเชื่อ เวลากินตักน้ำแกงที่มีทั้งเผ็ด เปรี้ยวหวานนิดหน่อย ราดกับข้าวสวยร้อนๆ แกล้มกับไข่ต้มยางมะตูม พร้อมผักสดๆ ก็จะอร่อยเกินบรรยายครับ
แต่ถ้าติดอกติดใจในรสชาติของแกงส้มแล้วละก็ ซื้อขอแนะนำให้ซื้อน้ำแกงส้มสูตรเข้มข้นทำสำเร็จของลุงหรอยกลับมาทำกินเองที่บ้าน ซึ่งมีวิธีการทำที่ง่ายแสนง่าย ใครๆ ก็ทำได้ แนะนำไว้ให้อย่างเรียบร้อยกลับมา หรือถ้าอยู่ในกรุงเทพมหานคร อยากรู้ว่ารสชาติของน้ำแกงส้มลุงหรอยเป็นอย่างไร ก็ไปที่ร้านโครงการหลวงในตลาด อตก. สวนจตุจักร น้ำแกงส้มของลุงหรอยมีวางขายอยู่ที่นี่ครับ
ซึ่งโรงแรมใหญ่ๆ หลายแห่งในกรุงเทพมหานครก็ซื้อน้ำแกงส้มของลุงหรอยนี่แหละครับไปแกงขายให้ลูกค้าได้ชิมจนเป็นที่ติดอกติดใจนักชิมอาหารของภาคใต้แท้ๆ กันไปทั่ว
ที่แปลกอีกอย่างหนึ่งของร้านหรอยคือ พนักงานจะยกจานอาหารมาเสิร์ฟแล้ว แต่ก็ยังกินไม่ได้เพราะช้อนกับส้อมที่จะตักกินนั้น ลุงหรอยจะให้พนักงานยกออกมาเป็นอย่างสุดท้าย โดยใส่มาในถ้วยที่มีน้ำร้อนจัด ทำให้ไม่ต้องเช็ดช้อนเช็ดส้อมให้ยุ่งยากครับ
ชื่อร้าน หรอย / เจ้าของ คุณอดิศร (ลุงหรอย) จุลจินดา
สถานที่ อ.หาดใหญ่ จากสนามบินหาดใหญ่ เดินทางเข้าเมือง ประมาณ 2 กิโลเมตร จะพบร้านอยู่ด้านซ้ายมือ หรือจากหาดใหญ่ตรงไปสนามบินประมาณ 6 กิโลเมตร ก็จะพบร้านอยู่ขวามือ เปิดบริการตั้งแต่เวลา 10.00-21.00 น. โทรศัพท์ 0-7425-1027 หรือ 08-9976-3500
