เมื่อวันที่ 16 ก.ย. 2563 ดร.พิสิฐ ลี้อาธรรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้อภิปรายในร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญได้พิจารณาเสร็จแล้วว่า
วิกฤติครั้งนี้จะมีความเสียหายทางเศรษฐกิจร้ายแรงกว่าครั้งใดๆ ในประวัติศาสตร์ มีการกล่าวกันว่าความตกต่ำของเศรษฐกิจนี้จะมากกว่าเมื่อคราวเกิดวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ถึง 4 เท่า เพราะฉะนั้นจึงไม่ควรประเมินผลกระทบจากวิกฤติครั้งนี้น้อยเกินไป ในแง่ของการคลังต้องเตรียมไว้ว่าจะดูแลอย่างไรเพื่อไม่ให้ฐานะการคลังเสียหายไปมากกว่านี้
“ผมจำได้ว่าเมื่อสมัยที่ท่านนายกฯ ชวน เป็นนายกฯ ครั้งที่ 2 ท่านมารับตำแหน่งเพราะว่าเกิดวิกฤติต้มยำกุ้งในช่วงรัฐบาล พล.อ.ชวลิต และท่านมาเป็นนายกฯ ในปลายปี 40 ท่านได้มีการลดค่าใช้จ่ายของกระทรวงกลาโหม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการจัดซื้อเครื่องบิน ท่านได้ไปเจรจากับผู้นำของอเมริกา คือนายคลินตัน เพื่อที่จะให้ยกเลิกการซื้อเครื่องบินรบ ที่กองทัพอากาศได้ไปทำสัญญาไว้
ท่านได้ขอให้ทางสหรัฐฯ คืนเงินที่เราจ่ายล่วงหน้าไปด้วย ขณะเดียวกันในฐานะที่ท่านเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมด้วย ท่านนายกฯ ชวนสมัยนั้นก็ยังมีการให้ทูตทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ได้มีการลดจำนวนลง เดิมทีแต่ละประเทศที่เราส่งทูตทหารไป จะมีครบทุกเหล่า แต่ท่านก็ให้ลดลงมา แล้วให้ย้ายกลับเข้ามาอยู่กับสถานทูตเพื่อลดค่าใช้จ่าย ผมคิดว่าสิ่งเหล่านี้เราต้องเตรียมการไว้ในครั้งนี้”
ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่มาที่ขอให้มีการปรับลดงบของกระทรวงกลาโหม แต่ส่วนตัวก็ยังไม่อยากให้เงินของกระทรวงกลาโหมนี้จะต้องถูกตัดทอนมากเกินไป เพราะเห็นว่ายังมีความจำเป็นในการที่จะให้เกิดประโยชน์ในการใช้จ่าย ซึ่งเมื่อปีที่ผ่านมา ตนได้ยื่นกระทู้ถามรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ต่อกรณีทหารเกณฑ์ที่ได้เกณฑ์เข้ามาในกองทัพประมาณ 2 แสนนาย ควรให้มีการฝึกอาชีพ อย่างน้อยให้จบ ปวช. ปวส. หรือปริญญาตรี ซึ่งเจ้ากรมเสมียนตราได้ดำเนินการไป โดยเฉพาะรัฐมนตรีช่วยฯ ก็ได้รับปากว่าจะดำเนินการในเรื่องนี้ แต่ยังติดที่งบประมาณที่ยังจัดสรรไม่ได้
ดร.พิสิฐ จึงเสนอให้ตัดงบของกระทรวงกลาโหมในส่วนที่เกี่ยวกับการจัดซื้ออาวุธก็ดี หรือการส่งทูตไปต่างประเทศก็ดี เพื่อมาใช้ฝึกทหารเกณฑ์ เพราะเชื่อว่าจะเป็นการสร้างอาวุธที่ดีที่สุดในการป้องกันประเทศ ถ้าบุคลากรทุกระดับมีความสามารถ มีสติปัญญาที่สามารถทำงานได้ ก็จะเป็นสิ่งที่ป้องกันตัวเราดีที่สุด
“ผมเองอยากขอให้เราได้ให้กำลังใจกับทหารว่า ในยามที่มีโควิดครั้งนี้ เราก็ต้องอาศัยทหารในการปกป้องพรมแดน ซึ่งเรามีกับเพื่อนบ้านเป็นพันกิโลเมตร ผมเองเพิ่งได้ไปเห็นที่ปักษ์ใต้ ก็ได้เห็นปัญหาทางปักษ์ใต้อยู่เหมือนกัน เราจึงจำเป็นต้องมีทหารช่วยดูแลเพื่อผลักดันไม่ให้มีการลักลอบเข้ามาเพราะเชื่อได้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับประเทศเพื่อนบ้าน น่าจะมีผลต่อเนื่องพอสมควร”