“การรัฐประหารที่ผ่านมาจะเป็นการรัฐประหารครั้งสุดท้าย เพราะได้สร้าง New Normal ให้กับสังคมมากมายมหาศาล New Normal ที่ได้สร้างก็คือ เราได้นายกรัฐมนตรีที่ไม่เคยรับฟังประชาชน หยาบคายใส่ประชาชน
ดิฉันขอเป็นตัวเเทน ของประชาชนทั้งประเทศ ขอให้นายกรัฐมนตรีรับฟังเสียงของนักศึกษาเเละประชาชนที่ก้องกังวาลไปทั่วว่า อย่าหลอกตัวเองอีกต่อไป รับฟังและพิจารณาลาออกเพื่อให้ประเทศนี้เดินต่อไปได้ หมดเวลาของท่านตั้งนานเเล้ว การที่ท่านยื้อยุดอยู่จนทุกวันนี้ ทำให้ประชาชนหมดคำที่จะพูดกับท่านอีกต่อไป”
ในการอภิปรายทั่วไปเเบบไม่มีการลงมติ ตามมาตรา 152 ของรัฐธรรมนูญเเห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้อภิปรายซักถามนายกรัฐมนตรี โดยระบุว่า
จากการปล้นอำนาจจาก ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี สืบเนื่องมาถึงการได้เป็นนายกรัฐมนตรีด้วย รัฐธรรมนูญ 2560 ที่มีชื่อเล่นว่า ‘รัฐธรรมนูญฉบับนกหวีด’ นอกจากสืบทอดอำนาจให้ พล.อ.ประยุทธ์ แล้ว ยังสร้างความพิกลพิการให้กับการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
เพราะเป็นรัฐธรรมนูญที่ทำลายพรรคการเมืองและไม่เเยเเสต่อหลักสิทธิมนุษยชน นอกจากนี้ ข้ออ้างในการดันทุรังอยู่ต่อท่ามกลางการกดดันของนักเรียน นักศึกษา เเละประชาชน ทั่วประเทศ ด้วยการบอกว่า ประชาชนทั่วประเทศออกมาเคลื่อนไหวมีไม่ถึง 67 ล้านคน ถือเป็นข้ออ้างที่มีลักษณะตรรกะป่วย เช่นเดียวกับกับที่มักอ้างว่า มีผู้อยู่เบื้องหลังกลุ่มนักศึกษาโดยไม่ยอมรับว่าพวกเขาเหล่านั้นเติบโตเเละมีพัฒนาการได้ด้วยตัวของเขาเอง
“สิ่งที่ตั้งใจจะถาม คือ ขณะนี้ประชาชนกำลังอกสั่นขวัญเเขวนกับข่าวลือเรื่อง การรัฐประหาร และสร้างความกังวลใจต่อนักลงทุน มีผลเสียต่อระบบเศรฐกิจ อีกทั้งยังไม่สามารถให้การเมืองมีเสถียรภาพได้ แม้แต่การเคลื่อนย้ายกำลังพลของกองทัพก็ถูกหวาดระเเวง
ในฐานะผู้เเทนของราษฎรจึงขอถามไปยัง นายชวน หลีกภัย ในฐานะที่เคยดำรงตำเเหน่งนายกรัฐมนตรี 2 สมัย เเละดำรงตำเเหน่งประธานสภาผู้เเทนราษฎรหลายสมัย อยากถามประสบการณ์ว่า ทุกครั้งที่เกิดการรัฐประหารขึ้นในประเทศไทย ทำไมผู้เเทนราษฎรทั้งหมดถึงเเยกย้ายกลับตามภูมิลำเนา เพราะเหตุใดถึงไม่รวมตัวกันเพื่อต่อต้านการรัฐประหาร เพื่อให้ประชาชนอุ่นใจว่า พวกเราคือตัวเเทนของราษฎร ได้ทำหน้าที่ปกปักรักษาอำนาจอธิปไตยไว้
“ขอถาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะที่ท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญ มีประสบการณ์ในการทำรัฐประหาร และในฐานะที่ท่านเคลมว่าเป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย หากมีการทำรัฐประหารเกิดขึ้น ท่านจะมีเเนวทางในการป้องกันเเละรักษาระบอบประชาธิปไตยไม่ให้ถูกทำลายด้วยกองทัพอย่างไร
เเละเมื่อกองทัพใช้อาวุธมายึดอำนาจ เราจะมีวิธีกับการรับมือวิธีอันป่าเถื่อนเเบบนั้นได้อย่างไร ท่านยอมรับมันได้หรือไม่ ท่านจะช่วยประชาชนปกปักคุ้มครองระบอบประชาธิปไตยที่เคารพในเรื่องหลักการสิทธิเสรีภาพเเละความเสมอภาคอย่างไรบ้าง เเละในฐานะที่ท่านได้ดิบได้ดีจากการรัฐประหารเเละเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับกองทัพตลอดมา
ท่านจะทำให้ประชาชนที่ออกมาชุมนุมขับไล่ท่านทั่วประเทศสบายใจได้บ้างหรือไม่ด้วยการจูงมือกองทัพออกมาแล้วประกาศให้คนรู้ว่า จะไม่เกิดรัฐประหารเกิดขึ้นอีกในประเทศไทย การรัฐประหารที่ผ่านมาจะเป็นการรัฐประหารครั้งสุดท้าย”
