8 กันยายน 2563 เวลา 13.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังใน) หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เผยที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. ….
ซึ่งทั่วไปจะมีการทำประชามติอย่างน้อย 2 ครั้ง เผื่อให้รัฐสภารับรอง ซึ่งเลขาสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต. ) ได้ประเมินงบประมาณทั่วไปอยู่ที่ 3,000 ล้านบาท
หากมีสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 งบประมาณเพิ่มขึ้นอีก 1,000 ล้านบาท อาจอยู่ที่ 4,000 ล้านบาท เนื่องจากต้องมีการกระจายสถานที่ลงคะแนนมากขึ้น เพื่อให้มีการเว้นระยะห่างทางสังคม ประมาณ 600 – 1,000 คนในแต่ละจุดลงคะแนน รวมทั้ง กกต. จะต้องใช้งบประมาณบริหารในส่วนของเอกสาร รวมถึงรัฐสภา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียืนยันว่า รัฐบาลพร้อมสนับสนุนการทำประชามติต่าง ๆ ให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรียังเปิดเผยว่า รัฐบาลเตรียมความพร้อมสำหรับการเลือกตั้งท้องถิ่น โดยคาดว่าจะต้องใช้งบประมาณราว 2,000 – 3,000 ล้านบาท พร้อมยืนยันว่าจะมีการจัดการเลือกตั้งท้องถิ่นภายในปีนี้ แต่อาจต้องเว้นระยะประมาณ 60 วัน เนื่องจากมีขั้นตอนในการดำเนินการหลายอย่างด้วยกัน
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียังกล่าวว่า รัฐบาลยังให้ความสำคัญกับปรับปรุงกฎหมายที่อำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่ดำเนินการแล้ว อาทิ Single Window และ One Stop Service ที่พบว่ายังมีปัญหา เนื่องจากการดำเนินการใช้ระยะเวลานาน ซึ่งได้กำชับไม่ให้มีการทุจริต เรียกรับผลประโยชน์ที่ทำให้ระบบมีความล่าช้า
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีเผยถึงกรณีการสืบหาข้อเท็จจริงคดีของนายวรยุทธ อยู่วิทยา พร้อมเปิดเผยข้อมูล ในชั้นคณะกรรมการชั้นต้น และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ จะเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาสอบสวนทุกคน พร้อมย้ำว่านายกรัฐมนตรีไม่สามารถก้าวล่วงการทำงานของหน่วยงานยุติธรรมได้