“ค้าน” ตามใบสั่งจากฝั่ง “แค้น”

กองทัพ…….

เป็น “ปราการด่านหน้า” ประเทศ
จักรวรรดิอำนาจตะวันตก หรือใครก็ตาม ถ้าต้องการเป็นเจ้าเข้าครองประเทศไทย
ต้องทำลายกองทัพหรือทำให้กองทัพง่อยเปลี้ยเสียขาไปให้ได้ก่อนเท่านั้น!

จึงไม่น่าแปลกใจ ที่ขบวนการไส้ศึกคราบสส.ซีกค้าน ๒-๓ พรรค ใช้อำนาจผู้พิจารณางบประมาณ เรียกเหล่าทัพมา จิก-ตบ-กัด ยังกะกองทัพเป็นทาส ซานมาซบขอเงิน!

“ทัพเรือ”…….
กรณีซื้อเรือดำน้ำอีก ๒ ลำ มูลค่า ๒๒,๕๐๐ ล้าน ตามตกลงเดิมกับจีน ความจริงไม่น่าเป็นประเด็นอีก

เพราะนอกจากสถานการณ์ภูมิภาคทางทะเลเปลี่ยนไปเวลานี้ เรือดำน้ำ จึงไม่ใช่แค่ “ของต้องมี” อย่างที่เพื่อนบ้านแต่ละประเทศเขามีเท่านั้น

หากแต่มันถึงจุด “จำเป็นต้องมี”
ไม่ใช่เอาไปรบกับใคร หากแต่มันช่วยป้องกันไม่ให้ใครมารบหรือรุกรานเรา
ด้วยภูมิศาสตร์ทางทะเล ไทยเชื่อมกลางระหว่างทะเลจีนใต้-มหาสมุทรแปซิฟิก, กับทะเลอันดามัน-มหาสมุทรอินเดีย มีช่องแคบมะละกา เป็นทางลอด
เหมือนอยู่ท่ามกลางเขาควาย

“ซ้ายจีน-ขวาสหรัฐ” ด้วยความเป็น “จุดยุทธศาสตร์” ทางทะเลเชื่อมสองมหาสมุทร
ไม่วันใด-วันหนึ่ง ภูมิภาคตรงนี้ ยากหนีพ้น ที่จะถูกใช้เป็นเวทีสัประยุทธ์ระหว่าง ๒ ยักษ์!

เขารบกันอยู่ใต้ทะเล เรานอนตูดโด่งอยู่บนดิน จะรู้ต่อเมื่อเรือดำน้ำประเทศใด-ประเทศหนึ่ง โผล่พรวดเข้ามาถึงมุ้งคือปากอ่าวแล้วนั่นแหละ

อย่างที่ฮอลันดา ฝรั่งเศส อังกฤษ เคยทำกับเรามาแล้ว เรามีแต่ ช้าง, ม้า ไม่มีเรือรบ ได้แต่นั่งดูตาปริบๆ

เขาอยากได้ดินแดนตรงไหน ก็ต้องทูนหัวให้เขา ไม่ทูนให้ มันก็ยิงปืนเรือใส่ ตูม..ตูม ถึงไม่หมอบราบ ก็จำยอมคาบแก้วให้เขา

โชคดี ที่บรรพบุรุษเรายังรักษาพื้นที่ประเทศส่วนใหญ่ไว้ได้ จนไอ้ลูกหลาน ได้ยืนชู ๓ นิ้ว ถึงวันนี้

บทเรียนก็มีมาแล้ว และสถานการณ์โลกวันนี้ มันส่งสัญญานแล้ว
ประเทศรอบบ้าน ล้วนมีเรือดำน้ำ เป็นยามตรวจตราให้ประเทศ เว้นแต่ไทยเราเท่านั้น มีแต่กระเบือ ไม่มีเรือดำน้ำ

พื้นที่อ่าวไทย เขตติดต่อทั้งเขมร, มาเลย์, พม่า, เวียดนาม รวมถึง สิงคโปร์ อินโดฯ เว้นลาวประเทศเดียว ไม่มีพื้นที่ทางทะเล

ไม่พูดด้านมั่นคง พูดด้านทรัพยากรทางทะเล, คุ้มกันเส้นทางเดินเรือ, ลักลอบขนคน/ขนของผิดกฎหมาย, จารกรรมทางทะเล, อุบัติภัยทางทะเล ด้านสิ่งแวดล้อม และ ฯลฯ

เรามัวแต่ว่ายกรรเชียงอยู่บนผิวน้ำ แต่เขาว่ายกบผลุบๆ เข้ามา กว่าจะรู้ ก็ต่อเมื่อเขาโผล่พรวดกลางอ่าวไทย เราก็ชักแหงกๆ ไปเท่านั้น

ยุคนี้ บุกทางน้ำ, ทางอากาศ ส่วนทางบก ไว้สำหรับตอนยึดพื้นที่
ผมถึงได้บอก เรือดำน้ำวันนี้ มันไม่ใช่ของต้องมี หาแต่มันเป็น “ของจำเป็น” ต้องมี!

๓ ลำ แค่พอกล้อมแกล้ม จะคล่องตัวต้องซักครึ่งฝูง แต่แค่นี้ ยังถูกการเมืองชังชาติถล่มเละ
เพราะ “มีธง” อัดทหาร นั่นแหละ

เขาจึงลากเรื่องในโต๊ะประชุม ไปแถลงบิดเบือนข้อมูลข้างนอก
กลัวสังคมจะไม่ “เกลียดกองทัพ”
จึงใช้ตรรกะโจร ยกเรื่องซื้อเรือเทียบกับความยากจน ให้ผู้คนจินตนาการว่า ชาวบ้านกำลังอดอยาก แทนจะช่วยชาวบ้าน กลับเอาไปซื้อเรือดำน้ำ “ก็หวังเปอร์เซ็นต์” ประมาณนั้น

พูดอิฐ มันก็ถูกอิฐนะ……..
เรือดำน้ำมันกินไม่ได้ สู้ข้าวไม่ได้ มันกินได้ คนเพื่อไทยจึงกินกันบรรลัยวอด ๕-๖ แสนล้าน!

กองทัพเรือคงทนพฤติกรรมบิดเบือนไม่ไหว เมื่อวาน (๒๔ สค.๖๓) จึงออกมาแถลงข้อเท็จจริง

แต่อย่างว่า สังคมส่วนหนึ่งเวลานี้ ไม่ต้องการข้อเท็จจริง ไม่ต้องการเหตุผล
ต้องการ “ความพอใจ-สะใจ” ตามที่ถูกฝังหัวให้เชื่อ-ให้ทำอย่างนั้น

บ้านเมืองอยู่ช่วง “ผีป่าเข้าธานี-อัปรีย์สิงเมือง” อะไรๆ มันก็วิบัติเป็น

ก็ให้เขาไปสุดสายป่าน (ก่อน)……
เหมือนไฟป่า “เผาตัวเอง” มอดไหม้แล้ว จึงจะเป็นไฟมอดเชื้อ เหมือนน้ำหลาก ต่อให้เขื่อนกั้นก็บรรลัย ต้องปล่อยถะถั่งไประยะหนึ่ง

และเหมือนผีตาย ต่อเมื่อ ๗ วันแล้ว จึงจะรู้ว่าตาย นั่งร้องไห้กับร่างไร้วิญญานตัวเอง!

“พล.ร.อ.สิทธิพร มาศเกษม” เสนาธิการทหารเรือ เอ่ยนำแถลง ส่วนหนึ่ง ว่า

“จากที่กองทัพเรือเข้าชี้แจงอนุกมธ.วันที่ ๒๑ ส.ค.ก่อนมีอนุกมธ.บางคน นำข้อมูลไม่ครบถ้วนมาแถลง โดยหวังผลทางการเมืองและสร้างผลกระทบต่อรัฐบาล…..”

“พล.ร.ท.ประชาชาติ ศิริสวัสดิ์” รองเสธฯทร.ชี้แจง เงิน ๒๒,๕๐๐ ล้านบาท ไม่ได้จัดซื้อในปี ๖๔ ครั้งเดียว แต่แบ่งจ่ายใน ๗ ปี
ดังที่พูดกันถือเป็นการสร้างความเกลียดชังให้สังคม เรื่องนี้เป็นความลับของราชการ การนำเนื้อหาการจัดซื้อมาโจมตีและให้ข่าวที่ผิด ถือเป็นเรื่องการเมืองและเห็นแก่ตัวที่สุด

“ที่กล่าวหาว่าการจัดซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือ เป็นสัญญาเก๊ ไม่เป็นความจริง จำนำข้าวที่พรรคเพื่อไทยทำต่างหากที่เป็นจีทูจีเก๊ และไม่ถูกต้อง

แต่กองทัพเรือทำการซื้อแบบจีทูจีอย่างถูกต้อง โปร่งใส ขอสังคมอย่าตกเป็นเหยื่อเรื่องการเมือง”

“พล.ร.ท.ธีรกุล กาญจนะ” ปลัดบัญชีทร.แจกแจง

“เป็นการตั้งงบแบบผูกพัน ไม่ใช่การตั้งงบใหม่ กองทัพเรือ เข้าใจถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19

กองทัพเรือได้ขอทางการจีนชะลอการจ่ายงวดปี ๖๓ ไปแล้ว ๓,๓๗๕ ล้านบาท
และนำเงินส่วนนี้ ส่งคืนให้รัฐบาล ผ่าน พ.ร.บ.โอนงบ ๔,๑๓๐ ล้านบาท คิดเป็น ๘.๗๘ % ทำให้ต้องขยับกรอบชำระจากปี ๖๓-๖๙ เป็นถึงปี ๗๐

การแบ่งจ่ายแต่ละงวด จะเป็นประมาณนี้
ปี ๖๔ วงเงิน ๓,๙๒๕ ล้าน ปี ๖๕ วงเงิน ๒,๖๔๐ ล้าน ปี ๖๖ วงเงิน ๒,๕๐๐ ล้าน
ปี ๖๗ วงเงิน ๓,๐๖๐ ล้าน ปี ๖๘ วงเงิน ๓,๕๐๐ ล้าน ปี ๖๙ วงเงิน ๓,๕๐๐ ล้าน และปี ๗๐ วงเงิน ๓,๓๗๕ ล้าน

“พล.ร.ต.อรรถพล เพชรฉาย” ผู้อำนวยการสำนักงานจัดหายุทโธปกรณ์ทหารเรือ ในฐานะกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการบริหารโครงการจัดหาเรือดำน้ำ

และ “น.อ.ธาดาวุธ ทัตพิทักษ์กุล” รองผอ.ฯแถลงร่วม

“ที่บอกว่า “จีทูจีปลอม” เป็นการให้ข้อมูลเท็จ เนื่องจากครม.มีมติอนุมัติและมอบอำนาจให้ผบ.ทร.

และผบ.ทร.อนุมัติให้ประธานกรรมการบริหารโครงการจัดหาเรือดำและเสนาธิการทหารเรือเป็นผู้แทน ในการลงนามข้อตกลง

จึงยืนยันว่า ทุกอย่างเป็นไปด้วยความถูกต้อง พิจารณารอบคอบตามระเบียบวิธีราชการทุกประการ

ขณะที่รัฐบาลจีนสั่งการให้หน่วยงาน SASTIND ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐของจีน สำหรับการบริหารงานด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและการส่งออกอาวุธ มอบอำนาจให้บริษัท CSOC และมอบอำนาจให้ประธานบริษัท CSOC มาลงนามแทน

ดังนั้น ผู้มาลงนามของจีน ได้รับมอบอำนาจมาอย่างชัดเจน จึงเป็นจีทูจีของจริง
ประเด็นที่ยังคลาดเคลื่อน เรื่องการทำสัญญาระหว่างรัฐบาลจีนกับไทย เนื่องจากเป็นจีทูจี คือ ความเอื้อเฟื้อมิตรไมตรีระหว่างรัฐบาล จึงไม่ใช้คำว่า “สัญญา”
และใช้คำว่า “ข้อตกลง” ทำให้มีผู้เข้าใจผิด ไปแปลว่า ข้อตกลง คือ MOU ที่ต้องลงนามโดยนายกฯ และรัฐมนตรีกลาโหม ทั้งที่ข้อตกลงนี้ เป็น Agreement ไม่ใช่ MOU”


“พล.ร.ท.เถลิงศักดิ์ ศิริสวัสดิ์” เจ้ากรมยุทธการทร.แถลงน่าสนใจ ว่า

“อดีต ไทยมีเรือดำน้ำ และสามารถข่มขวัญประเทศที่รุกรานน่านน้ำให้ถอยกลับไปได้

ทัพเรือพยายามจัดซื้อเรือดำน้ำมาหลายปี แม้จะยังไม่เห็นสงครามโลกในขณะนี้ แต่มีความขัดแย้งเกิดขึ้นในน่านน้ำ อีกทั้งสหรัฐส่งเรือรบเข้าไปในพื้นที่ทะเลจีนใต้มากขึ้น

หากเราไม่มีกำลังที่เข้มแข็งเพียงพอ ผลประโยชน์ของชาติย่อมกระทบแน่นอน แล้วเราจะมั่นใจได้อย่างไรว่า ในทะเลจีนใต้ จะไม่มีเหตุการณ์ปะทะนองเลือด?


ผมเชื่อว่า มี และอย่าลืมว่า จัดซื้อวันนี้ อีก ๖ ปี จึงจะได้เรือลำน้ำ

กองทัพเรือจัดซื้อเรือดำน้ำลำที่ ๒-๓ ราคา ๒๒,๕๐๐ ล้านบาท เมื่อเทียบผลประโยชน์ของชาติทางทะเล คิดเป็น ร้อยละ ๐.๐๙๓ เท่านั้น

“จากสถานการณ์ความขัดแย้งในทะเลจีนใต้ รวมถึงคาบสมุทรเกาหลี รวมถึงการวางกำลังทางเรือสหรัฐฯ ในพื้นที่ใกล้เคียงกับพื้นที่ความขัดแย้ง
มีความเป็นไปได้ว่า “จะมีการปะทะกัน”
ซึ่งส่งผลต่อเส้นทางการเดินเรือและผลประโยชน์ทางทะเลของประเทศมูลค่ามหาศาล รวมถึงปี ๒๕๗๒ ข้อตกลงระหว่างไทยกับมาเลเซีย ในการพัฒนาพื้นที่ร่วมทางทะเลหรือ เจดีเอ จะยุติลง คาดว่าจะมีการพูดคุยเพื่อทำสัญญาก่อนปี ๒๕๗๒


ดังนั้น การที่เรามีเรือดำน้ำในปี ๒๕๗๐ จะส่งผลต่อการเจรจาต่อรองเกี่ยวกับพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล ส่งผลให้ไทยไม่เสียเปรียบ”

อืมมมม….
นี่ถ้าไทยซื้อเรือดำน้ำฝรั่งเศส เยอรมนี สวีเดน จ่ายค่ายยุโรป หรือรัสเซีย คงไม่มีใครเดือดร้อน

เพราะซื้อหยวนคลาส S26T คู่กัดสหรัฐฯกระมัง สมุนจึงต้องทำงานตามใบสั่ง ชนิดไม่คำนึงกระทั่งคำว่า “ชาติบ้านเมือง” ตัวเอง.

เพิ่มช่องทางรับข่าวสารได้ที่ LineID:plewseengern.com หรือสแกน QR Code 
Written By
More from plew
“บิ๊กเซอร์ไพรส์เบิ้มๆ” ของทาส
“ไมค์ ขยะศาสตร์” วันนี้…. ขึ้นระดับผู้ “ทรงอิทธิพลทางความคิด” โดยมีคณาจารย์ธรรมศาสตร์และนักศึกษาเป็นสาวก “สยบยอม” ทั้งกายและใจ
Read More
0 replies on ““ค้าน” ตามใบสั่งจากฝั่ง “แค้น””