บมจ.ทิพยประกันภัย โชว์ผลงาน 6 เดือนแรก ปี 63 สวนกระแสเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำกำไรสุทธิทะลุ 1,052.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% โดยเบี้ยประกันภัยรับรวม 11,615.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.86 % “ดร.สมพร” เผยการพัฒนาผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมใหม่ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า ผลักดันให้เบี้ยประกันภัยโตทุกประเภท พร้อมปรับยุทธศาสตร์ครั้งใหญ่ ยกฐานะเป็นบริษัทโฮลดิ้งส์เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน รุกขยายธุรกิจต่างประเทศ หวังก้าวสู่บริษัทประกันภัยชั้นนำในภูมิภาค
ดร.สมพร สืบถวิลกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ TIP เปิดเผยถึง ผลการดำเนินงานประจำงวด 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 30 มิถุนายน 2563 ว่า บริษัทฯมีอัตราการขยายตัวของกำไรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สวนกระแสกับภาพรวมเศรษฐกิจที่ชะลอตัวอย่างชัดเจนหลังจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยมีกำไรสุทธิรวมกว่า 1,052.57 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 1.75 บาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 953.33 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 1.59 บาท กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นกว่า 99.24 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 10.41%
สำหรับครึ่งปีแรกของปี 2563 บมจ.ทิพยประกันภัย สามารถทำเบี้ยประกันภัยรับรวมทั้งสิ้น 11,615.54 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 9,302.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 2,312.97 ล้านบาท หรือคิดเป็น 24.86%
ดร.สมพร กล่าวเพิ่มเติมว่า เบี้ยประกันภัยรับรวมที่เพิ่มขึ้นเกือบ 25% สืบเนื่องจากบริษัทฯ ได้พัฒนาศักยภาพการให้บริการและนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าออกมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เบี้ยประกันภัยรับทุกประเภทขยายตัวเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยเบี้ยประกันอัคคีภัย เพิ่มขึ้น 7.23% เบี้ยประกันภัยทางทะเลและขนส่ง เพิ่มขึ้น 34.07% เบี้ยประกันภัยรถยนต์ เพิ่มขึ้น 35.32% และเบี้ยประกันภัยเบ็ดเตล็ด เพิ่มขึ้น 24.45%
ขณะที่ฐานะการดำเนินงานของบริษัทฯ ยังคงแข็งแกร่ง ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2563 บมจ.ทิพยประกันภัย มีสินทรัพย์รวม 42,503.89 ล้านบาท หนี้สินรวม 34,695.70 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้นรวม 7,808.19 ล้านบาท
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด -19 ที่ลุกลามและขยายวงกว้างไปทั่วโลกนั้น ดร.สมพร กล่าวว่า บมจ.ทิพยประกันภัย ได้ตระหนักถึงความวิตกกังวลของประชาชนคนไทย จึงได้นำเสนอกรมธรรม์ประกันภัยความคุ้มครองการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด – 19 ที่ครอบคลุมทั้งการดูแลค่ารักษาพยาบาล รวมถึงจะได้ค่าสินไหมทดแทนในกรณีที่เสียชีวิตจากการติดเชื้อโรคโควิด – 19 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนทั่วไป
ขณะเดียวกันยังได้นำนวัตกรรมใหม่มาให้บริการแก่ลูกค้าของบริษัทฯ ด้วยการจับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจเปิดตัวแอปพลิเคชัน Doctor Anywhere เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าสามารถรับการตรวจหาเชื้อ หรือรับคำปรึกษาผ่านระบบออนไลน์ โดยจะมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษา วินิจฉัยอาการในเบื้องต้น รวมถึงบริการนำส่งยาถึงบ้านอีกด้วย เพื่อให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตใหม่ (New Normal) โดยลูกค้าไม่ต้องออกจากบ้าน สามารถช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ลูกค้าอีกทางหนึ่งด้วย
นอกจากนี้ บมจ.ทิพยประกันภัย ได้ยึดนโยบายการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สอดรับกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ออกมารองรับหลังวิกฤตโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย ด้วยการเปิดตัว โครงการ “TIP ปันสุข” รวมทั้งสิ้น 4 ซีรี่ส์หลัก คือ เที่ยวปันสุข , TIP อิ่มสุข , เกษตรเป็นสุข และTIP เติมสุข โดยเปิดตัวด้วยซีรี่ส์แรก เที่ยวปันสุข ที่จะรองรับโครงการกระตุ้นการท่องเที่ยวของภาครัฐ “เราเที่ยวด้วยกัน” ประชาชนสามารถเลือกซื้อกรมธรรม์ประกันภัยราคาประหยัดที่สามารถสร้างหลักประกันและความมั่นใจในการเดินทางท่องเที่ยว ขณะที่อีก 3 ซีรี่ส์จะทยอยออกมาอย่างต่อเนื่องเร็วๆ นี้
“ทุกโครงการที่ออกแบบขึ้น ทิพยประกันภัยตั้งใจเป็นอย่างยิ่งที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือให้พี่น้องคนไทยที่ได้รับผลกระทบให้มีความสุข ความมั่นใจ ความอุ่นใจ มีโอกาสที่ดี ให้สามารถก้าวข้ามผ่านและผ่านพ้นภาวะวิกฤตในครั้งนี้ไปด้วยกันอย่างรวดเร็ว” ดร.สมพร กล่าว
สำหรับแผนการดำเนินงานในอนาคตนั้น ดร.สมพร กล่าวว่า ปัจจุบัน บมจ.ทิพยประกันภัย กำลังอยู่ในขั้นตอนของการดำเนินการปรับโครงสร้างการถือหุ้นและการจัดการ เป็นบริษัทโฮลดิ้งส์ ภายใต้ชื่อบริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นในการจัดการองค์กร ให้ก้าวทันกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม และตอบสนองต่อความต้องการของตลาดประกันภัยในยุคดิจิทัล (Digital Insurance) โดยบริษัทโฮลดิ้งส์จะเพิ่มโอกาสในการลงทุนในธุรกิจที่สามารถสนับสนุนธุรกิจประกันภัยที่เป็นธุรกิจหลักของบริษัทฯ เพื่อสร้าง Ecosystem การให้บริการผู้บริโภคอย่างครบวงจร
นอกจากนั้น บริษัทโฮลดิ้งส์จะเน้นการขยายธุรกิจไปที่กลุ่มประเทศในอาเซียน และจะลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจประกันภัย (Insurance Related) เพื่อสนับสนุนธุรกิจหลักของบริษัทฯให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น สำหรับขั้นตอนการดำเนินการปรับโครงสร้างการถือหุ้นและการจัดการคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปลายปี 2563 หรือประมาณต้นปี 2564 ซึ่งภายหลังการปรับโครงสร้าง หุ้นสามัญของบริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) จะเข้าเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ แทนที่หุ้นสามัญของ บมจ. ทิพยประกันภัย
“การปรับโครงสร้างการถือหุ้นและการจัดการของ บมจ. ทิพยประกันภัย เป็นบริษัทโฮลดิ้งส์ ภายใต้ชื่อ บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) จะทำให้มีความยืดหยุ่นในการลงทุนขยายธุรกิจได้มากยิ่งขึ้น สอดคล้องกับแผนการดำเนินงานในอนาคตที่ตั้งเป้าจะก้าวสู่บริษัทประกันภัยชั้นนำในภูมิภาค” ดร.สมพร กล่าว