ชั่วคราว 30 วัน ก่อนเดินหน้าขยายผลสอบให้ครอบคลุม เพื่อจัดการขบวนการทุจริต รักษาผลประโยชน์แก่พี่น้องประชาชน
นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้า กรณีที่มีผู้ร้องเรียนการเบิกจ่ายเงินบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคของคลินิก 18 แห่งในเขตกรุงเทพฯ ว่ามีการเบิกจ่ายงบประมาณจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ทั้งที่ไม่ได้มีการตรวจโรคและให้บริการแก่ประชาชน
ดังนั้น กรม สบส.ในฐานะหน่วยงานหลักในการคุ้มครองผู้บริโภคในด้านระบบริการสุขภาพ จึงได้สั่งการให้พนักงานเจ้าหน้าที่จากกองกฎหมาย และกองสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ กรม สบส.ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ณ คลินิก 18 แห่งซึ่งกระจายอยู่ทั่วกรุงเทพฯ ในช่วงต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
โดยพนักงานเจ้าหน้าที่ฯ ได้ดำเนินการรวบรวมข้อมูลจากเอกสารและสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องกับคลินิก จนพบข้อเท็จจริงว่าคลินิกทั้ง 18 แห่งมีการจัดทำเอกสารเท็จเพื่อเบิกจ่ายงบตรวจสุขภาพจาก สปสช.จริง
พนักงานเจ้าหน้าที่ฯ จึงเข้าแจ้งความ ร้องทุกข์ กล่าวโทษกับกองปราบปรามให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด ตามมาตรา 73 ของพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. 2541 ฐานจัดทำหรือยินยอมให้ผู้อื่นจัดทำหลักฐานเกี่ยวกับค่ารักษาพยาบาลและค่าบริการเอกสารแสดงการตรวจโรค เอกสารแสดงผลการรักษาพยาบาลของสถานพยาบาล หรือเอกสารกรณีอื่นอันเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลอันเป็นเท็จ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
และอาศัยอำนาจตามมาตรา 49 มีคำสั่งให้คลินิกทั้ง 18 แห่ง ปรับปรุงให้ถูกต้องตามความเป็นจริงภายในระยะเวลาที่กำหนด แต่มีคลินิก 2 แห่งที่ไม่สามารถดำเนินการตามได้ กรม สบส.จึงมีคำสั่งให้ปิดคลินิกดังกล่าวเป็นการชั่วคราว เป็นระยะเวลา 30 วัน เพื่อดำเนินการให้ถูกต้อง มิฉะนั้น กรม สบส.จะมีคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาลของคลินิกทั้ง 2 แห่งต่อไป
ด้านทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรม สบส. จะร่วมกับ สปสช.ขยายผลตรวจสอบคลินิกเพิ่มเติม เพื่อจัดการขบวนการทุจริตเบิกจ่ายงบของรัฐ และรักษาผลประโยชน์ให้กับพี่น้องประชาชน โดยแบ่งการดำเนินการตรวจสอบ 18 คลินิกในเขตกรุงเทพฯ ซึ่งได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว ต่อไปจะตรวจสอบสถานพยาบาล ซึ่งมีทั้งโรงพยาบาล รวมทั้งคลินิกชุมชนอบอุ่น ในเขตกรุงเทพฯ เพิ่มเติมอีก 66 แห่ง ในต้นเดือนสิงหาคมนี้ โดยประสานกับคณะกรรมการสอบสวนที่คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติตั้งขึ้น และสปสช. ต่อไป