นิทานเรื่อง “๒ ส.อวสาน ๓ ป.”

ใครไม่เคยเห็นการ “งัดข้อ” เป็นยังไง ก็ดูซะ
ระหว่าง…….
คณะสองมิตร “สมศักดิ์-สุริยะ “ผู้มีอำนาจเหนือพรรคพลังประชารัฐ
กับนายกฯ “คนนอกพรรค” ที่ชื่อ “พลเอกประยุทธ์”ตอนนี้ กำลัง “งัดข้อ” กัน มีเก้าอี้ “รัฐมนตรีพลังงงาน” เป็นเดิมพัน!

เมื่อวาน (๒๑ กค.๖๓) พรรคประชารัฐประชุมกัน เท่าที่อ่านตามข่าว ในที่ประชุม หัวโต๊ะไม่มีพลเอกประวิตร
มีแต่ นายวิรัช รัตนเศรษฐ นายไพบูลย์ นิติตะวัน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และนายอนุชา นาคาศัย เป็นต้น

มีมติเสนอชื่อบุคคลในตำแหน่งรัฐมนตรีสัดส่วนพรรคให้นายกฯ พิจารณา เพื่อปรับครม.ดังนี้

-นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เป็น รมว.พลังงาน
-นายอนุชา นาคาศัย รมว.อุตาหกรรม
-นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน
-นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมต.ประจำสำนักนายกฯ
ส่วนตำแหน่งรมว.อุดมศึกษาฯไม่เสนอชื่อใครดำรงตำแหน่ง
ก็เป็นการยืนยันของกลุ่มสองมิตร ปรับครม. ครั้งนี้ “นายสุริยะ” เท่านั้น ต้องนั่งเก้าอี้พลังงาน

เป็นไปตามที่นายไพบูลย์พูดเมื่อวาน นายกฯ จะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย เป็นเรื่องของนายกฯ แต่ทางพรรคจะเอาอย่างนี้
เพราะตำแหน่งรัฐมนตรีพลังงาน เป็นสมบัติของพรรค ไม่ใช่โควตาของนายกฯ!

เรียกว่า สองมิตรถลกแขนเสื้อ “ปักศอก” ตั้งแขน เกร็งลำข้อปูดโปน กำหมัดแน่น
ม่ะ…..
หน้าไหนจะดวลก็โดดลงมา เพื่อเก้าอี้พลังงานต้องเป็นของข้า นาย้ง-นายกฯ หรือบิ๊กป้อม หน้าไหนก็ไม่แคร์ทั้งนั้น!

มาดูทางนายกฯ บ้าง ว่าเมื่อสองมิตรไม่สนหน้าอินทร์-หน้าพรหมขนาดนี้
ตกลง จะต้องเอาเก้าอี้พลังงานใส่พานให้สุริยะ
หรือไม่สน …..
ยังคงเป็นนายไพรินทร์คนเดิม ตามที่ท่านตั้งใจ?

โผครม.ประยุทธ์ ๒ ว่าน่าสนใจอยู่แล้ว แต่พอเกิดการงัดข้อระหว่าง “นายกฯ-สองมิตร” มีเก้าอี้พลังงานเป็นเดิมพันเช่นนี้
ปรับครม.นัดนี้ ต้องเรียก “นัดหยุดโลก” ถึงขนาดนั้นเชียว!

เพราะเรื่องนี้ เป็นเรื่องชี้ขาด ว่ารัฐบาลนี้
“ใครใหญ่”
ระหว่าง “สองมิตร” กับ “สองป.” ใครเป็นเจ้าของประโยคที่ว่า “เราจะเสนอในสิ่งที่เจ้าไม่สามารถปฏิเสธได้”?
เห็นข้อสองมิตรไปแล้ว ทีนี้ มาดูลำข้อนายกฯ บ้าง จะได้เปรียบเทียบสู่การประเมินผลในทางได้-เสีย

นักข่าวถามนายกฯ ว่า…….
“ท่านหนักใจมั้ย ที่ขณะนี้ยังคงมีปัญหาขัดแย้งภายในพรรคพลังประชารัฐ โดยเฉพาะเก้าอี้รัฐมนตรีพลังงาน สรุปเป็นโควตาของท่านนายกฯหรือของพรรค?”

นายกฯ ท่านตอบ ว่า…….
“ยืนยันว่าไม่มีปัญหาความขัดแย้งใดๆ ผมได้คุยกับพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พลังประชารัฐแล้ว
เราไม่ได้พูดถึงว่าเป็นโควตาของใคร ผมจัดสรรให้เหมาะสมก็แล้วกัน ผมขอบคุณสมาชิกพรรคพลังประชารัฐทุกคนด้วย

ทั้งนี้ ……
ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะพูด แต่คนตัดสินใจคือผม โดยการทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน คิดว่าก็มีความเห็นชอบด้วยกันอยู่แล้วในท้ายที่สุด
คิดว่า อีกไม่นานจะมีการปรับเปลี่ยนครม. ในช่วงเร็วๆ นี้ อย่างที่บอก เป็นขั้นตอนที่ต้องดำเนินการตามกฏหมายทุกประการ”

สรุปประเด็นหลักจากที่นายกฯพูดเมื่อวานได้ว่า ขณะนี้ โผครม.ใหม่ “ลงตัว” แล้ว
อยู่ขั้นตอนนำแต่ละรายชื่อไปตรวจสอบด้านคุณสมบัติ ก่อนจะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ซึ่งนายกฯบอก จะทำให้เร็วที่สุด (ในเดือนสิงหา.)

เมื่อเทียบให้เห็นทั้งสองฝ่ายแล้ว ท่านว่า “ใครเป็นฝ่ายกดข้อของอีกฝ่ายลงไปขยี้”?
ยังก้ำกึ่ง คิดว่างั้นใช่มั้ย?

เอ้า…งั้นลองถอดรหัสจากคำพูดบางคำ-บางประโยค บางทีจะชัดเจนทางมั่นใจมากขึ้น

๑.นายกฯบอก เรื่องนี้ คุยกับพลเอกประวิตร หัวหน้าพรรคแล้ว
๒.การคุย ไม่ได้พูดเรื่องโควตาของใคร
๓.นายกฯ ยืนยัน “จะจัดสรรให้เหมาะสม”
๔.นายกฯ ย้ำ “คนตัดสินใจคือผม”

ได้คีย์เวิร์ดแล้ว พอเดาได้ยังว่า สองมิตรกดนายกฯ ลงไปขยี้ หรือนายกฯ เป็นฝ่ายกดสองมิตรลงไปขยี้?

ยัง..คือสองจิต-สองใจ ว่างั้น?
งั้นใบ้อีกนิด เรื่องโควตาพรรค-โควตานายกฯ เจาะจงเก้าอี้พลังงาน นายกฯ ชัดมาตลอด เก้าอี้กระทรวงเศรษฐกิจสำคัญๆท่านจะคัดสรรคนมาเอง
พูดตรงๆ เก้าอี้คลัง-พลังงาน เป็นโควตานายกฯ

แต่พลังประชารัฐ ยกบิ๊กป้อมเป็นหัวหน้าพรรคก็จริง แต่อำนาจคุมพรรค “สองมิตร” สมศักดิ์-สุริยะ “คุมเบ็ดเสร็จ”!
และสองมิตรก็สวน “ซึ่งๆ หน้า” ตลอด……

เก้าอี้พลังงานเป็นสมบัติพรรค เป็นโควตาพรรค ไม่ใช่โควตานายกฯ!?
จนถึงวินาทีสุดท้าย นายไพบูลย์ผู้บอกว่าศรัทธานายกฯ มาแต่วินาทีแรกเข้าการเมือง ยังออกมาสวนคนที่เขาศรัทธาเพื่อบูชาสองมิตรว่า
พลังงานต้องสุริยะเท่านั้น ส่วนนายกฯ จะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ก็แล้วแต่นายกฯ ถึงขนาดนั้น!

แต่ท่าทีนายกฯ ไม่เคยหักหาญพรรค พูดตรงๆ พรรคพปชร.วันนี้ ก็คือพรรคสองมิตร และท่านยืนตรงอยู่ประโยคเดียวตลอดมา
ใครเสนอใครมาก็ได้ แต่การตัดสินใจจะเอาใคร-ไม่เอาใคร เป็นสิทธิ์ของท่าน
ความจริง ถ้าเป็นภาษาแทงผี เรียกว่า “แบเบอร์” คือ นายสุริยะ “ไม่สมหวัง” ในเก้าอี้พลังงานแบเบอร์!

เพราะนายกฯ บอกแล้ว การปรับครม.ครั้งนี้ “ผมจะไม่ทำให้ประชาชนผิดหวัง”
แล้วมีหรือ ที่นายกฯ ผู้มีหัวใจอยู่ที่ประชาชน จะไม่รู้ว่า
ถ้าตั้งนายสุริยะเป็นรัฐมนตรีพลังงาน…….
“ประชาชนจะสมหวังหรือผิดหวัง!?”

ชัดแล้วใช่มั้ย…….
เอาให้ “ชัดแจ๋ว” ไปเลยก็ได้ นายกฯ บอกได้คุยกับบิ๊กป้อมหัวหน้าพรรคเป็นที่เข้าใจกันแล้ว
ผมก็อยากบอกว่าในรอบ ๕+๒ ปี ผมยังไม่เคยเห็นเรื่องไหนที่บิ๊กป้อม “ยืนกราน-ยืนยัน” คำเดิมทุกครั้งเท่าเรื่องนี้ ที่นักข่าวถามรายวัน ว่า……..
ตกลง “เก้าอี้พลังงานเป็นของพรรคหรือของนายกฯ?”
“ของนายกฯ”
“ของนายกฯ”
“ของนายกฯ”

เนี่ย…บิ๊กป้อมยืนคำนี้ทุกครั้ง แม้เมื่อวาน ผมนั่งรถมาทำงาน เปิดฟังข่าว นักข่าวถามอีก ท่านก็ตอบสั้นๆ ด้วยคำเดิมว่า
“ของนายกฯ”……..

ทั้งๆ ที่ ที่ประชุมพรรคโดยสองมิตรมีมติออกมาแล้ว “เก้าอี้พลังงานเป็นของสุริยะ…มะระเป็นของขี้นก”!
นอกจากอมตวาจา “ผมไม่รู้” แล้ว คำว่า “โควตาของนายกฯ” ถือเป็นอภิมหาอมตวาจาของบิ๊กป้อมเลยก็ว่าได้

ฉะนั้น……
ปรับครม.ครั้งนี้ ทั้งน่าสนใจและเร้าใจพระเดช-พระคุณพ่อแม่พี่น้องเป็นอย่างมาก
เพราะมันกลายเป็น “ศึกวัดบารมี” ในรัศมีอำนาจไปแล้ว ว่าใครอำนาจเหนือใคร ในรัฐบาลนี้

๒ ป. “ป้อม-ประยุทธ์” หรือ ๒ ส. “สมศักดิ์-สุริยะ” ?
ยิ่งมติพรรคเมื่อวาน เขี่ยบิ๊กป๊อก “พลเอกอนุพงษ์” ลงจากเก้าอี้มหาดไทย มติสองมิตร สั่งให้บิ๊กป้อมไปนั่งแทน
ถ้าโผครม.ประกาศออกมา…..
ทุกอย่างเป็นไปตามสองมิตรบัญชา สุริยะนั่งพลังงาน บิ๊กป๊อกหลุดมหาดไทย บิ๊กป้อม “ร่างทรง” สองมิตรขึ้นไปแทน
นิทานเรื่องนี้ก็ต้องชื่อว่า “๒ ส.ขึ้นวอ ๓ ป.อวสาน” ฉบับสมบูรณ์
ก็จะได้หัวเราะจนฟันหลอกันทั้งเมืองเลยละแบบนี้!


Written By
More from plew
ไม่ได้โม้นะ…สาบานได้-เปลว สีเงิน
เปลว สีเงิน พักนี้ นายกฯ อารมณ์ดีนะ นักข่าวถามอะไรก็ จ๋าๆ จ้ะๆ ตลอด “จะไปอยู่รวมไทยสร้างชาติหรือไม่คะ?”
Read More
0 replies on “นิทานเรื่อง “๒ ส.อวสาน ๓ ป.””