6 ก.ค.63 นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล กรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สถานการณ์ความเดือดร้อนทางเศรษฐกิจของประชาชนสอดคล้องกับผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่ต้องการเห็นการปรับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรี ซึ่งสาเหตุของปัญหาก็เป็นเพราะคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจยังไม่เข้าใจปัญหาที่แท้จริง จึงไม่สามารถแก้ไขได้
ซึ่งตลอดการทำงาน 5-6 ปีที่ผ่านมาคณะรัฐมนตรีชุดนี้ โดยเฉพาะ ครม.เศรษฐกิจ จะมองเฉพาะมิติของเศรษฐกิจมหภาค ละเลยการดูแลในกลุ่ม Real Sector เมื่อการเติบโตไปเพิ่มที่เอกชนรายใหญ่จึงเสมือนว่าเศรษฐกิจสามารถเดินหน้าได้ แต่ในความเป็นจริงผู้ประกอบการระดับกลางจนถึงระดับล่าง ต้องประสบกับวิกฤติอย่างหนักไม่มีเงินทุนเหลือและถูกซ้ำเติมด้วยวิกฤติส่งออกและการท่องเที่ยว ซึ่งล้วนติดลบทั้งสิ้น ทำให้ประชาชนระดับกลางถึงล่างมีภาระหนี้สิน
ขณะที่การดูแลพี่น้องประชาชน รวมถึงการออกมาตรการผ่อนคลายต่างๆ ไม่สามารถช่วยเหลือประชาชนที่ยากลำบากได้จริง เป็นการทำเพียงฉาบฉวยเท่านั้น ซึ่งจะเห็นได้ว่าโครงการส่วนใหญ่ที่จะนำเงินจากการกู้ยืม ตาม พ.ร.ก.เงินกู้ 3 ฉบับมาใช้ล้วนแต่เป็นโครงการเก่าที่เกิดก่อนจะมีสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิค-19 และเมื่อนำมาใช้ก็ไม่ปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ ยังคงมองเรื่องการท่องเที่ยวชุมชน และเศรษฐกิจฐานราก แต่ไม่มองการส่งเสริมการตลาด ไม่มองการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีใหม่ และอีกหลายๆ ปัญหาที่ไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง
ทำให้เกิดการชะงักงันทางเศรษฐกิจ รวมถึงการส่งออกที่ไม่สามารถเดินหน้าได้แต่รัฐบาลไม่ได้มียุทธศาสตร์ในเรื่องเหล่านี้ และไม่เห็นท่าทีว่าจะหยิบยกเรื่องเหล่านี้มาพูดคุยอย่างจริงจัง โดยเห็นได้จากการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี ซึ่งล้วนแต่เป็นรูปแบบเก่าที่ต่อเนื่องมาจากปี 2562