ดู “การเมืองในพรรคการเมือง” ท้องไส้ขย้อนกันแล้ว วันนี้ เปลี่ยนบรรยากาศ
ไปดู “การเมืองในสาธารณสุข” กันบ้าง!
เรื่องกลไกภายในของหมอกระทรวงสาธารณสุขนี่ เป็นที่กล่าวขานมายาวนานว่า
“ข้างนอก” เสื้อกาวน์ขาวๆ
แต่ด้วยอำนาจที่คู่กับผลประโยชน์ (มหาศาล) อันคนภายนอกมองไม่เห็น
ทำให้ “ข้างใน” โหด-อำมหิต ชวนสยอง
“การเมืองหมอ” ไม่ต่าง “การเมืองกินเมือง” มันแฝงด้วยเรื่องอำนาจและผลประโยชน์บนการแย่งชิง
เหมือนแฝด เพียงแต่คนละฝาเท่านั้น!
วัน-สองวันนี้ ท่านคงเห็นข่าว……..
ปลัดปากแดง “นพ.สุขุม กาญจนพิมาย” แห่งกระทรวงสาธารณสุข มีคำสั่งให้
“นายแพทย์ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล” ผอ.รพ.ขอนแก่น ไปปฏิบัติราชการ ในกระทรวงสาธารณสุข
และให้ “นายแพทย์เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ” ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี ไปรักษาการตำแหน่ง ผอ.รพ.ขอนแก่น
โดยให้ไปรายงานตัวเพื่อปฏิบัติราชการภายในวันที่ ๕ มิย.คือศุกร์ที่จะถึงนี้
กับคนทั่วไป คงไม่นึกอะไร ก็แค่โยกย้ายธรรมดา แต่ในวงการแพทย์-พยาบาล-บุคลากรทางแพทย์ คือคนในวงการหมอ รับรู้ได้ทันที
ว่า…มันต้องมีอะไร ไม่งั้น ไม่ย้ายนอกฤดูกาลปุบปับแบบนี้หรอก!
ผมก็เหมือนกัน เห็นข่าวทีแรกก็เฉยๆ แต่พออ่านคำสั่งย้าย เห็นข้อหา เห็นที่มา-ที่ไปของเรื่อง
เอ๊ะ…นี่มันส่อเจตนา-ส่อพิรุธชัดๆ
ข้อความในคำสั่งนั้น ดูจะรวบรัดแบบ “ยัดข้อหา” แต่ปลัดสุขุม กลับสั่งประหาร โดยที่การสอบสวนทวนความยังไม่จบ
และที่สำคัญ ต้นเรื่องที่กล่าวหา…….
มาจาก “บัตรสนเท่ห์” ใบเดียว!
แต่ปลัดสุขุม “ประหารชีวิต” นายแพทย์ชาญชัยทันที-ทันใด แบบนี้ จะไม่ทำให้ฉุกคิดว่า เรื่องนี้ มันต้องมีเบื้องหลังได้อย่างไร?
ลองอ่านข้อความในคำสั่งปลัดสุขุมหน่อยก็ได้…….
“ด้วยมีผู้ร้องเรียนกล่าวหา นายชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาล (ผู้อำนวยการเฉพาะด้าน (แพทย์) ประเภทอำนวยการระดับสูง โรงพยาบาลขอนแก่น สำนักงานสาธารณสุข จังหวัดขอนแก่น ว่า
มีพฤติกรรมฉ้อราษฎร์บังหลวง
ประกอบกับคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ตามคำสั่งกระทรวงสาธารณสุขที่ 1161/2562 ลงวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2562 ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นแล้ว
พบว่า มีมูลที่ควรกล่าวหา และศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต กระทรวงสาธารณสุข เห็นว่า มีพฤติกรรมข่มขู่ จูงใจให้เกิดพยานหลักฐานที่เป็นเท็จ
จึงเห็นควรให้ย้ายออกจากโรงพยาบาลขอนแก่น เพื่อให้การดำเนินการสอบสวนเป็นไปด้วยความเรียบร้อยไม่เป็นอุปสรรคและเป็นธรรมแก่ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ตามกระบวนการทางกฎหมาย…..ฯลฯ….
ผู้ร้องเรียน คือ บัตรสนเทห์ อันไม่มีตัวตนคนร้องว่าใคร กล่าวหา นายแพทย์ชาญชัย รับเงินทอน ๕% จากบริษัทยาช่วงเดือนมีค.- ตค.๖๑
แค่บัตรสนเท่ห์ ไต่สวนทวนความยังไม่จบกระบวนการ แต่ปลัดสุขุมระบุเปรี้ยง “พฤติกรรมฉ้อราษฏร์บังหลวง”!?
ท่านปลัดฯ ทราบหรือไม่ว่า ข้อหาฉ้อราษร์บังหลวงนั้น มันร้ายแรงขนาดไหน?
มันหมายถึงการคอรัปชั่น การกินบ้าน-โกงเมือง เบียดบังเอาทรัพย์สินเงินทองโดยอำนาจหน้าที่ราชการ
ตามกฎหมายป.ป.ช.แก้ไขเพิ่มเติม ปี ๕๘ โทษถึงประหารชีวิตเชียวนะ!
เรื่องแต่ปี ๖๑ ตามกระบวนการ การสอบสวนก็น่าจะดำเนินมานานเป็นปีๆ แล้ว
แล้วเหตุอันใด เพิ่งมาอ้างว่าหมอชาญชัยมีพฤติกรรมขมขู่พยานเอาตอนนี้ และย้ายสายฟ้าแลบ
หรือจะย้ายเอาฤกษ์ก่อนตัวเองเกษียณในเดือนตุลา.ที่จะถึง แต่ดูเหมือน ตอนที่ท่านขึ้นมาเป็นปลัดฯ เมื่อ ตค.๖๑ งานแรกในตำแหน่งปลัด
ท่านก็ประเดิมด้วยการย้ายมีเลศนัย ระหว่าง นายแพทย์ชาญชัย กับนายแพทย์เกรียงศักดิ์มาทีแล้วมิใช่หรือ?
เดี๋ยวค่อยคุยประเด็นนี้ พูดกันตรงประเด็นย้าย ๑ มิย.นี่ก่อน
หมอชาญชัยที่ปลัด “เล่นแรง” ท่านนี้ เท่าที่ติดตามดู ท่านเป็นคนดี เป็นที่รักของแพทย์/พยาบาล/บุคลากรทางแพทย์มาก
แม้กระทั่งคนขอนแก่นและจังหวัดใกล้เคียง ก็รักและศรัทธาเชื่อถือในตัวท่าน
ที่สำคัญ แต่เดิม โรงพยาบาลขอนแก่น ขาดสภาพคล่อง ติดลบตั้ง ๓-๔ ร้อยล้าน พูดตรงๆ ว่า ขาดทุนหนัก
หมอชาญชัยเข้ามาเป็นผอ.ก็ปรับปรุง-แก้ไข กลไลบริหาร จนพลิกจากติดลบมามีสภาพคล่อง คือกำไร
คือ พฤศจิกา ๕๘ หมอชาญชัยเข้ามาเป็นผอ.ครั้งแรก การเงิน รพ.ขอนแก่นติดลบกว่า ๒๐๐ ล้าน ต่อเนื่องยาวนาน
ท่านเข้ามาผ่าตัด พอถึงปี ๖๐ จากติดลบ กลับมีเงินบำรุงโรงพยาบาลเป็นบวกกว่า ๒๐๐ ล้าน
ตรงนี้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ เป็นพยานได้ เพราะท่านเขียนยืนยันไว้ ดังนี้
“เขาเชิญเพื่อนผม เป็นนักวิชาการด้านการเงินการบัญชีที่เก่งเรื่องการเงิน/การบัญชี ไปช่วยแก้ไขปัญหา สต็อกยาในห้องยา, ในวอร์ด, ปัญหาการรั่วไหล, ปัญหาการคีย์ข้อมูลเบิกเงินจาก สปสช. เขาทำให้ของที่ซื้อในราคาเดิมหน่วยละ ๙ บาท เหลือหน่วยละ ๓ บาท ได้ ทำให้ประหยัดเงินโรงพยาบาลไปได้ปีละเกือบ ๔๐ ล้านบาท
เพื่อนผมมาเล่าให้ฟังว่า……
คนนี้เคยอยู่ในพวกแพทย์ชนบทเก่า แต่ปลีกตัวออกมา และเป็นคนดีและเป็นคนเก่ง ตั้งใจทำงานเพื่อส่วนรวมมาก ผมยิ่งมั่นใจว่า การเป็นพวกใครมาก่อนไม่สำคัญเท่ากับสิ่งที่เขาทำให้กับส่วนร่วมและประชาชน
สิ่งที่เขาทำ เขาบริหารโรงพยาบาลศูนย์ทำให้ประชาชนได้รับบริการทางการแพทย์ดีขึ้น ทำให้บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขมีกำลังใจทำงานรับใช้ประชาชนดีขึ้น
เขาเคยถูกกลั่นแกล้งเพราะพวก “แพทย์อ้างชนบท” สนิทสนมกับปลัดกระทรวง
ถูกย้ายไปอีกจังหวัด เพื่อให้พวก “แพทย์อ้างชนบท” ได้มาดำรงตำแหน่งแทนเขา ฯลฯ….”
พวก “แก๊งชนบท” นี่แหละ มันเพาะต่อเป็นรุ่นๆ ระโยง-ระยาง ชักใย ทั้งใน-ทั้งนอก ฝังรากสาธารณสุข
มาเฟีย ยังมีจรรยาบรรณโจร แต่แก๊งอ้างชนบท เป็นโจร ไร้จรรยาบรรณ บางตัวการ แก่จะตาย ยังหน้าไหว้-หลังหลอก!
เรื่องเงินทอนบริษัทยา ๕% นั้น
คือโรงพยาบาล เป็นผู้ใช้ยา บริษัทยา เป็นผู้ขายยา
โรงพยาบาลกับบริษัทยา จึงเป็นคู่ค้ากัน
ตามหลักการค้า บริษัทยา “ผู้ขาย” เขาก็ให้เปอรเซ็นต์ “ผู้ซื้อ” คือโรงพยาบาล
ตรงนี้ กับที่โรงพยาบาลขอนแก่น ๕% ซึ่งไม่มีผลบวก-ลบในทางทำให้ยาแพงขึ้นหรือถูกลง
บริษัทยาก็ส่ง ๕% นั้น เข้าบัญชี “กองทุนพัฒนาโรงพยาบาลขอนแก่น” เป็นเงินบำรุงโรงพยาบาล
ทำให้ต้องคิด ……..
ก่อนๆ ๕% มันไปไหน ปล่อยให้โรงพยาบาลขาดสภาพคล่องต่อเนื่อง ๒-๓ ร้อยล้าน
พอหมอชาญชัยมาบริหาร นอกจากลบหนี้หมดแล้ว ยังมีกำไรเป็นร้อยๆ ล้าน?
แต่การล้างหนี้-สร้างกำไรให้โรงพยาบาล กลายเป็นโทษ ด้วยข้อหา “รับเงินทอน ๕%”?!
แม้สาธารณสุขมีคำสั่งห้ามโรงพยาบาลรับเปอร์เซ็นต์ค่าจัดซื้อยา คำถามที่ตามมาก็คือ
ในเมื่อระบบการค้าเขาจ่ายเปอร์เซ็นต์ หมอชาญชัยไม่รับ บริษัทยาส่งเข้ากองทุนพัฒนาโรงพยาบาลตามระบบเขา
แล้วสาธารณสุขย้อนไปสอบมั้ยว่า……
ก่อนหน้านี้ คือก่อนยุคหมอชาญชัย ๕% นั้น ไม่ได้เข้ากองทุน แล้วใครรับไป?
ต้องสอบย้อนทุกโรงพยาบาลทั้งประเทศด้วย ไม่เฉพาะที่ขอนแก่น ถ้าสอบเฉพาะขอนแก่น อาศัยเป็นเหตุย้ายหมอชาญชัย เพื่อให้พวกอ้างชนบทมาแทน
ระวังนะ เกษียณแล้ว ก็เจอ ๑๕๗ ปฎิบัติ-ละเว้นปฏิบัติหน้าที่ได้!
โรงพยาบาลขอนแก่น มีขุมทรัพย์ที่พวกอ้างชนบทพบลายแทงหรืออย่างไร ตอนปี ๖๑ ปลัดสุขุม ก็ย้ายหมอชาญชัยไปอยู่จันทบุรี ให้หมอเกรียงศักดิ์มาเป็นแทน เป็นเรื่องมาครั้งหนึ่งแล้ว
ก็ได้ “ศ.นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร” รมว.สาธารณสุข สมัยรัฐบาลประยุทธ ๑ มอบความถูกต้อง โดยย้ายหมอชาญชัยกลับที่เดิมให้
มาปี ๖๓ ส่งท้าย ปลัดสุขุม เอาอีก…..
อาศัยบัตรสนเท่ห์ ตั้งข้อหาฉกรรจ์ ย้ายหมอชาญชัยเข้ากรุ เอาหมอเกรียงศักดิ์ไปเป็นแทนอีก (จนได้)!
มีอำนาจ ก็ทำไป…….
ก็ขอเตือน ตั้งข้อหากันเอง เอาพวกกันเองสอบ ลุยสำนวนสอบให้ตรงข้อหาที่ตั้ง มาเฟียแก๊งชนบทไม่ติดคุก
แต่ปลัดฯ มาดี ไม่แน่ว่า จะไปดี!