ผสมโรง
สันต์ สะตอแมน
หนูชื่อช่อ..มากับบุตรและมากับทอน..
ผมชื่อบุตร..มากับทอนและมากับช่อ ผมชื่อทอน..มากับช่อและมากับบุตร!
เอาล่ะ..มากันพร้อมหน้าแล้ว ก็ช่วยพร้อมใจลงมือปฏิบัติการ “ตามหาความจริง” ตามลายแทง “การ์ตูนแนวหน้า” ให้หน่อยเถอะ คงไม่ยุ่งยากถึงขนาดต้องใช้แสงเลซง-เลเซอร์ให้ปวดตา..ง่ายๆ ตามนี้..
ใครบอกพิธีไหว้ครูล้าหลัง..ใครบอกรัฐไทยไม่ควรอุปถัมภ์ศาสนาพุทธ..ใครบอกเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแค่วาทกรรม..
ใครเคยเข้าร่วมม็อบเสื้อแดงเมษา 53..ใครกระเหี้ยนกระหือรือคิดล้มล้างการปกครอง ใครต้องการแก้ม.112
แค่นี้แหละ..แต่ดูจะยากที่ “ช่อ-ทอน-บุตร” จะหาพบ หรือพบก็คงยากที่หนึ่งหญิงสองชายจะเฉลยให้รู้กัน!
แต่นี่..ไม่ต้องตามหา เพราะความจริงได้เก็บอยู่ในหัว ติดตัวอยู่ตลอดเวลา อยู่ที่ว่าจะพูดหรือปิดปากเท่านั้นเอง
และเมื่อนายจตุพร พรหมพันธ์ ประธาน นปช.กล่าวถึงการยิงเลเซอร์ตามหาความจริง เหตุการณ์สลายการชุมนุม ปี 53 ขึ้นมา ก็..ถึงเวลาที่นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ หรือ “แรมโบ้อีสาน” จะพูด..
“ในฐานะที่ตนเคยเป็นอดีตแกนนำที่อยู่ในเหตุการณ์ชุมนุมคนหนึ่ง อยากจะเตือนสตินายจตุพร ในฐานะเพื่อนรักกัน ว่าบทเรียนในอดีตพวกเราเคยตกเป็นเครื่องมือของใครบางคนบางกลุ่ม
พวกเราต้องยอมรับความจริงกันว่า พวกเรามีจุดยืนที่เรียกว่าทฤษฎี 2 ขา ขาที่ 1.เรามีจุดยืนเพื่อประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
แต่ขาที่ 2.เรามีจุดยืนเพื่อผลประโยชน์ตนเอง ในการรับใช้พรรคการเมืองเพราะพวกเราเป็นสมาชิกพรรคการเมืองกันเกือบทุกคน
และเรายังมีผู้บังคับบัญชาคอยสั่งการอยู่เบื้องหลังในการชุมนุม คงไม่ต้องให้เราบอกว่าเป็นใคร พอเลือกตั้งเสร็จทุกคนก็ได้รับรางวัลสมนาคุณความดีความชอบแกนนำทุกคนมีตำแหน่งทางการเมืองกันถ้วนหน้า
บางคนให้มีตำแหน่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ บางคนได้ลูกหรือภรรยามาเป็น ส.ส.ในสภา แกนนำบางคนได้เป็นถึงรัฐมนตรีในกระทรวงใหญ่ๆสองสามกระทรวงด้วยซ้ำไป….
เหตุการณ์ทั้งหลายที่เกิดขึ้นเมื่อปี 52และ 53 ไม่มีใครรู้ดีเท่ากับพวกเราว่าเบื้องหน้าเบื้องหลังเป็นเช่นไร ยิ่งให้ผมพูดยิ่งจะเป็นการเผาพวกเดียวกัน อย่าให้ผมพูดเลย สุดท้ายประชาชนจะกล่าวหาว่า
พวกเราเองต่างหากหลอกเอาประชาชนมาเป็นเครื่องมือเป็นเกาะกำบังเรียกร้องคร่ำครวญหาประชาธิปไตย จนกระทั่งถูกยัดเยียดข้อหาพาประชาชนไปตาย เพื่อรักษาผลประโยชน์ให้ใครบางคน
ผมอายเขายิ่งผมพูดจะยิ่งเห็นธาตุแท้ของใครบางคนที่ทำกับพวกเราและยิ่งบาปกันไปใหญ่ ผมเองก็สุมแน่นเต็มหน้าอกไม่เคยคิดอยากระบายกับใคร
ขณะนี้เวลานี้สมองคิดอย่างเดียว อยากไถ่บาปอยากกลับเนื้อกลับใจ อยากใช้ชีวิตและลมหายใจที่เหลืออยู่ตอบคุณแผ่นดิน
หมั่นเข้าวัดทำบุญสร้างกุศลให้วีรชนทุกคนที่ล่วงลับได้อโหสิกรรมให้พวกเราทุกคน”
ก็..แค่นี้พอมั้ง และถ้าสิ่งที่นายสุภรณ์ หรือ “แรมโบ้อีสาน” พูดไม่ใช่ความจริง ไม่ทันถึงวันพระหน้าหรอก นายจตุพรต้องโผล่มา โน่น..เสียงกาว่อนแล้ว..
รอกินไส้แดง!