พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษก กห. เปิดเผยว่า เมื่อ 9 พ.ค. 63 : 0900 พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กห. และ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปล.กห. ได้ประชุมร่วมกับ กอ.รมน. นขต.กห.และเหล่าทัพ เพื่อติดตามการบริหารจัดการมาตรการกักตัวควบคุมโรคของรัฐ ( State Quarantine ) และการช่วยเหลือประชาชน ณ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กห. ในศาลาว่าการกลาโหม
สถานะคนไทยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศและยังคงอยู่ในมาตรการกักควบคุมโรคของรัฐ จำนวน 3,382 ราย ส่งกลับภูมิลำเนาแล้ว 2,783 ราย โดยพระสงฆ์ที่อยู่ในมาตรการกักควบคุมโรค จำนวน 225 รูป ครบกำหนดทยอยเดินทางกลับไปจำวัดตามภูมิลำเนาตั้งแต่วันนี้ ทั้งนี้ ตั้งแต่ 9 – 13 พ.ค. 63 จะมีคนไทยจากประเทศต่างๆทยอยเดินทางเข้ามาอีก รวมเกือบ 1,500 ราย เป็นพระสงฆ์จำนวน 75 รูป
การช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาด ตามนโยบายของ นรม.และรมว.กห. โดยกำลังทหารจากทุกเหล่าทัพได้ทยอยบริจาคโลหิตให้กับ สภากาชาดไทย แล้วอย่างต่อเนื่อง ปริมาณกว่า 2 ล้านมิลลิลิตร เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนเลือดตาม รพ.ต่างๆ พร้อมทั้งสนับสนุนมาตรการป้องกันด้วยการผลิตหน้ากากอนามัยชนิดผ้าแจกจ่ายประชาชนและแรงงานกลุ่มเสี่ยงแล้วจำนวนกว่า 1.4 ล้านชิ้น ขณะเดียวกันได้จัดรถครัวสนามเคลื่อนที่ ประกอบอาหารสำเร็จรูป รวมทั้งจัดอาหารแห้งและสิ่งของจำเป็น กระจายแจกจ่ายส่งตรงถึงบ้านกลุ่มผู้มีรายได้น้อยทั้งในชุมชนเขตเมืองและชนบท พร้อมทั้งให้บริการตัดผมและสร้างความตระหนักด้านสาธารณสุขควบคู่กันไป เพื่อเสริมมาตรการป้องกันและบรรเทาความเดือดร้อนของสังคมไปด้วยกัน
นอกจากนั้น ทุกเหล่าทัพยังได้ร่วมกันนำพืชผักสวนครัวที่ปลูกในหน่วยทหาร ออกจำหน่ายให้กับประชาชนในราคาถูก พร้อมทั้งสนับสนุนการขนส่งและจัดพื้นที่ของหน่วยทหารในภูมิภาคต่างๆ เป็นจุดรวมและกระจายสินค้าทางการเกษตร โดยเฉพาะผลไม้ตามฤดูกาล สนับสนุนให้ประชาชนต่างพื้นที่สามารถบริโภคในราคาพิเศษ
พล.อ.ชัยชาญ’ ได้ย้ำการแสดงความขอบคุณจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นรม.และรมว.กห. มายังกำลังพลของทุกเหล่าทัพ ที่สนับสนุนรัฐบาลบริหารจัดการรับมือกับปัญหาการแพร่ระบาดของ COVID – 19 มาโดยตลอด โดยเฉพาะมาตรการคัดกรองและกักควบคุมโรคของรัฐ กับคนไทยที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ รวมทั้งการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในภาวะที่ประชาชนไม่สามารถออกมาใช้วิถีชีวิตปกติ โดย นรม.และรมว.กห.ได้กำชับ ขอให้คงเข้มมาตรการคัดกรองตามชายแดนและสนับสนุนการบริหารจัดการสถานที่กักตัวควบคุมโรคของรัฐและระดับพื้นที่ในทุกสถานที่ ให้มีมาตรฐานเดียวกันตามแนวทางที่สาธารณสุขกำหนด พร้อมทั้งแสดงความห่วงใย โดยขอให้สนับสนุนและดูแลความปลอดภัยการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทุกคน โดยย้ำต้องไม่ประมาท