ผักกาดหอม
มองไปข้างหน้าครับ….
หลังน้ำท่วมหาดใหญ่ รัฐบาลยังมีงานหนักรออยู่
ในแง่ความสูญเสียทางเศรษฐกิจ…มหาศาล
วานนี้ (๒๗ พฤศจิกายน) นายกฯ อนุทิน นั่งหัวโต๊ะประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ตั้งกรอบการบูรณาการช่วยเหลือ เยียวยา และฟื้นฟู
การจัดสรรกรอบงบประมาณ
และเชื่อมโยงเครือข่ายทรัพยากร เชื่อมโยงเครือข่ายการสื่อสารให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
ให้ ๒ รองนายกฯ “ธรรมนัส พรหมเผ่า-พิพัฒน์ รัชกิจประการ” อยู่ในพื้นที่
“…ท่านธรรมนัสสามารถสั่งการ เปรียบเสมือนเป็นข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีได้เลยในพื้นที่จังหวัดสงขลา ส่วนท่านพิพัฒน์, โสภณ ซารัมย์, สันติ ปิยะทัต ก็ได้รับการมอบหมายให้ไปดูแลในจังหวัดแต่ละจังหวัดที่สามารถสั่งการในนามรัฐบาล หรือสั่งการในนามของนายกรัฐมนตรีได้เลย…”
“…สถานการณ์นี้เหมือนตอนโควิด-๑๙ ถ้าท่านไปรับฟังข่าวสารจากช่องทางอื่นๆ ก็จะมีความซ้ำซ้อน จึงขอให้ยึดถือข้อมูลที่ทาง ศป.กฉ.ได้ทำการแถลงทุกวันไว้เป็นข้อมูลที่จะสื่อสารอย่างเป็นทางการกับพี่น้องประชาชน โดยขอให้มีการแถลงช่วงเช้าและช่วงบ่ายเพื่อให้ประชาชนได้ทราบข้อมูลสถานการณ์ให้มากที่สุด…”
นั่นเป็นสาระสำคัญที่นายกฯ อนุทิน แถลงข่าวหลังการประชุม
เรื่องการสั่งการมีปัญหาเยอะ ครับ ดูจากคลิป “ธรรมนัส” ชี้หน้าตะโกนบอกทหารชั้นผู้น้อย
“…ผู้บังคับบัญชาตรงนี้ บอกลูกน้องพูดจากับชาวบ้าน พูดให้มันดีๆ หน่อย แย่มากเลย
เนื่องจากแม่ทัพภาคที่ ๔ เนี่ย ส่งพวกคุณมาสั่งการทางผม ต้องมาทำงานร่วมกัน ไม่ใช่ทำงานอิสระ…”
ชาวบ้านงงครับ!
เรื่องสั่งการควรจะจบที่โต๊ะหารือ ว่าใครต้องทำอะไร ตรงไหน
แต่ระดับรองนายกฯ เป็นผู้อำนวยการศูนย์บริหารจัดการน้ำในสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติ (ศนภ.) กลับต้องมาชี้นิ้วตะโกนบอกทหารชั้นผู้น้อยว่าตัวเองมีอำนาจสั่งการ ทหารอย่าแยกทำงานเป็นอิสระจากรัฐบาล
มันเห็นถึงความไม่ชัดเจนในการสั่งการตั้งแต่ต้นทาง
แถมในที่ประชุม “ธรรมนัส” ไม่เห็นด้วยกับการแบ่งโซนในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยของทหาร ให้เอาตามที่ตัวเองกำกับ
ก็ท่านเป็น ผอ.ศูนย์ฯ สั่งการอะไรไป ทหารที่อยู่ใต้การบังคับบัญชาของรัฐบาลเขาก็ปฏิบัติตามอยู่แล้ว
แต่…มันมีอยู่นิดหนึ่งครับ
ไม่ทราบว่า รองนายกฯ ธรรมนัส รู้หรือเปล่าว่า กองทัพเขาฝึกฝึกคอบร้าโกลด์ (Cobra Gold) แทบทุกปี
นอกจากเป็นการซ้อมรบระหว่างชาติพันธมิตร ไทย อเมริกา ประเทศภาคพื้นอินโด-แปซิฟิก แลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางวิชาการ ความชำนาญ และเทคโนโลยีทางทหาร มุ่งเน้นการวางแผนและปฏิบัติการร่วมทางไซเบอร์ในบริบทระหว่างประเทศ รวมทั้งเพิ่มพูนประสบการณ์ให้กับกำลังพลของกองทัพไทย และกองทัพมิตรประเทศ ในการปฏิบัติการร่วมและผสมแล้ว
ยังฝึกช่วยเหลือด้านภัยพิบัติด้วย
กิจกรรมหลักๆ ที่เขาฝึกกันคือ การฝึกช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาสาธารณภัย (Humanitarian Assistance and Disaster Relief : HADR)
เป็นการเตรียมความพร้อมของกองทัพและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งในไทยและมิตรประเทศ ให้รับมือกับภัยพิบัติทางธรรมชาติได้ดียิ่งขึ้น
ทั้งในรูปแบบการฝึกบนโต๊ะ การสาธิตการปฏิบัติ และการฝึกภาคสนาม
โจทย์ที่เขาตั้งไว้มันชัดเจนมากครับ
เป็นการฝึกเพื่อการตอบสนองที่มีประสิทธิภาพต่อภัยพิบัติในภูมิภาค เพราะในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา เกิดภัยพิบัติตั้งแต่น้ำท่วมและพายุ ไปจนถึงแผ่นดินไหวและการกู้ภัยในถ้ำ
เขาฝึกเป็นระบบ
และเป็นระบบที่เป็นสากล
ครับ…ก็เก็บไว้เป็นข้อมูล เผื่อรัฐบาลสนใจ ก็ลองถามทหารเขาดู ระบบที่เขาฝึกมาเป็นอย่างไร ช่วยกู้ภัยพิบัติที่หาดใหญ่ได้หรือไม่
ถ้าไม่ได้ จะได้ไปบอกกองทัพสหรัฐและพันธมิตรว่าที่ฝึกกันมานั้นมันใช้งานไม่ได้
ต้องเปลี่ยนวิธีฝึกกันใหม่หมด!
ว่าไปแล้วสังคมไทยดรามาเยอะครับ ถ้าจะบอกว่าทำไมการกู้ภัยของประเทศไทยมันต่ำตม ล้าสมัย ไม่เป็นมืออาชีพ ไม่ได้มาตรฐานโลก
มันต้องมองทั้งสองขาครับ
คือรัฐบาล หน่วยกู้ภัย ทั้งภาครัฐและเอกชน มูลนิธิต่างๆ กับผู้ประสบภัย
ถ้าจะให้มีประสิทธิภาพจริง ประชาชนปลอดภัยมากที่สุด มันต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกันหมด
มีการแชร์ข่าวเก่าในโซเชียล เห็นแล้วน่าสนใจ เพราะมันเข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันมากที่สุด
ย้อนฟังคำประกาศอพยพประชาชนที่เรียกว่าเป็นไวรัลในสหรัฐอย่างมาก จากเหตุการณ์พายุเฮอริเคนมิลตันพัดถล่มรัฐฟลอริดา เมื่อเดือนตุลาคม ๒๕๖๗
ประโยคเด็ดจากปากของ “บิล เพอมอล” (Bill Prummell) นายอำเภอเขตชาร์ลอตต์ รัฐฟลอริดา ซึ่งเป็นพื้นที่ด่านแรกที่ต้องเผชิญกับพายุเมื่อขึ้นฝั่งว่า
“…If you choose to stay find yourself a permanent marker. Write your name your date of birth and your next akin on your arm. So we know you are and who to contact.
This’s no joke…”
“…ถ้าคุณเลือกที่จะอยู่ ให้คุณหาปากกาเคมีเขียนชื่อและวันเกิดของคุณ และชื่อญาติของคุณไว้บนแขน เพื่อที่เราจะได้รู้ว่าคุณเป็นใครและต้องติดต่อใคร
นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น…”
ผลที่เกิดขึ้นคือ ประชาชนกว่า ๖ ล้านคนยอมอพยพออกจากพื้นที่ไปอยู่ในรัฐอื่นชั่วคราว ก่อน ๔๘ ชั่วโมงที่พายุเฮอริเคนมิลตันถล่มฟลอริดา
แต่ก็มีผู้เสียชีวิต ๔๐ ราย
สำหรับประเทศไทย การเตือนภัยมีปัญหาอย่างมาก ทำให้ประชาชนสับสน และบางส่วนไม่เชื่อการเตือนภัย เพราะเป็นห่วงทรัพย์สินจะสูญหาย
ก็ลองปรับกันดูครับว่าจะทำอะไรกันได้บ้าง
หลังจากนี้จะยังมีเรื่องที่น่าตกใจรออยู่ครับ
จำนวนผู้เสียชีวิตจะมากกว่าที่คิดกันไว้เยอะพอสมควร
นอกจากชีวิตผู้คนแล้ว สัตว์เลี้ยงที่สูญหายมันคือความเศร้าที่ยากจะบรรยาย
จะมีอารมณ์โกรธของประชาชนผู้ได้รับผลกระทบ
รัฐบาลจะกลายเป็นผู้ประสบภัย
และจะมีพรรคการเมืองเอาไปใช้ประโยชน์
สร้างความนิยมทางการเมือง!.
