น้ำบอก “นิมิตเมือง” #เปลวสีเงิน

น้ำบอก "นิมิตเมือง" #เปลวสีเงิน

เปลว สีเงิน

 ต้นปี…

แผ่นดินสะท้าน-สะเทือน เขย่าอาคารบ้านเรือนกรุงเทพฯ พัง

กลางปี…

ฝนตก-น้ำป่าถล่ม ฝัง “แม่สาย” จมในทะเลเลน

ปลายปี…

ฝน ๓๐๐ ปี ถล่มใต้ จม “หาดใหญ่” เป็นเมือง “ใต้บาดาล”!

ก็สุดแต่ละท่านจะมอง ว่าเป็นนิมิตหมายในทางร้ายหรือทางดี?

สำหรับผม มองว่า นี่…เป็นเวลา “ฟ้า-ดิน” ทำหน้าที่ปัดกวาดเสนียดจัญไร ที่มนุษย์ไทยยกย่องคนเลว แล้วเหยียบย่ำคนดีให้มีอำนาจในบ้านเมืองมายาวนาน ถึงคราให้พินาศไป

พร้อมชำระ-สะสางใหม่ ให้ทุกอย่างเข้าที่-เข้าทาง “เมืองไทย…เมืองคนมีธรรม”!

ผมเฝ้าดูฝนที่ตกแช่ ชนิด ๓ วัน ๗ คืน ในภาคใต้ ไม่มีเวลาหยุด ถนนหนทางจมหายกลายเป็นท้องทะเล

อาคาร-บ้านเรือนเห็นแต่หลังคา คล้ายภูเขาปริ่มยอดเหนือน้ำ

ใจผมน่ะ…ร้อนรุ่ม แต่มันแห้งแล้ง

เพราะเห็นแล้วแต่ช่วยอะไรพี่น้องใต้ไม่ได้เลย ทั้งที่นราธิวาส ยะลา ปัตตานี หาดใหญ่ สงขลา พัทลุง สตูล และตรัง

ที่ทำได้ ก็แค่อธิษฐานจิต…..

กราบขอเมตตาบารมีธรรม “หลวงพ่อทวด” จงอภิบาลรักษานำพาลูกหลานใต้ให้พ้นผองภัยอันหนักหนาในรอบ ๓๐๐ ปีนี้ไปให้ได้ด้วยเถิด!

ย้อนพิจารณาภัยพิบัติในไทย ตั้งแต่ต้นปี-กลาง-ปลายปี ท่านใดมองอย่างไร ไม่รู้นะ แต่ผมเห็นว่า

เป็น “นิมิตเมือง” สู่ความรุ่งเรืองอารยะวิไลของประเทศไทยที่ประชาชนทุกหมู่เหล่า “เหนือ-ใต้-กลาง-อีสาน-ออก-ตก” ร่วมบุญเป็นทุนเสริมนำ

เมื่อบ้านเมืองมีภัย……

ไทยทุกไทย “หลอมใจ” รวมเป็นหนึ่งเดียวกัน!

แล้วเข้าช่วยกัน ไม่แบ่งแยกพวกเขา-พวกเรา ไม่แบ่งแยกเชื้อชาติ ศาสนา ลัทธิ  สี และความเห็นต่าง

ผองมนุษย์ในแผ่นดินไทย

คือ “ผองไทย” ใจเดียวกัน พร้อมช่วยเหลือซึ่งกันและกัน “สุดชีวิต” โดยไม่คิดเป็นอื่น!

น้ำฝนจากฟ้า “ล้างประเทศ” ที่ใต้ ก็ประมาณนั้น

ตั้งแต่วันแรก ผมเห็นหลากชีวิต หลากคิด หลากวิถี และหลากการกระทำของผู้คนหลากหลายอาชีพ

หน่วยงานภาครัฐ รัฐบาล อาสาสมัคร จิตอาสา ต่างคน-ต่างออกมาช่วย ใครหยิบฉวย ช่วยทางไหน-อย่างไรได้ ก็ขมีขมันออกช่วยผู้ประสบภัย

โดยไม่เอาแต่คอย “เพ่งโทษ” คนโน้น-คนนี้ กูดีคนเดียว!

แรกๆ ก็ต่างคนต่างมุ่งช่วย แต่ฝนที่กระหน่ำทั้งวัน-ทั้งคืนชนิดไม่ยอมให้ลืมหู-ลืมตา มันแปลงเมืองทั้งเมือง จังหวัดทั้งจังหวัดให้กลายเป็นทะเลเวิ้งว้าง อย่างรวดเร็ว

เมื่อน้ำท่วมทั้งเมือง ประปาก็ต้องตัด ไฟฟ้าก็ต้องตัด สื่อสารก็ต้องตัด ทุกคนกระจัดกระจายอยู่บนยอดไม้ บนหลังคาบ้าน ยิ่งมืดค่ำ ก็ยิ่งยากค้นหา

แล้วข้าวปลาอาหาร โดยเฉพาะน้ำดื่ม เป็นวันๆ จะทนกันได้แค่ไหน “ใจเขา-ใจเรา” คิดแล้ว มันคับแค้นยิ่งนัก ที่ผมช่วยเหลือพี่น้องใต้ยามนี้ไม่ได้เลย

ซ้ำร้ายกว่านั้น การช่วยเหลือ เป็นไปอย่างยากลำบาก

เฉพาะที่หาดใหญ่ จากทะเลกลายเป็นมหาสมุทรแรงทั้งลมและคลื่น จนเรือเล็กไม่สามารถออกไปเสาะสาผู้คนที่ติดอยู่ตามบ้านได้

คนรอความช่วยเหลือ ก็ทุรนทุราย

คนที่พร้อมออกไปช่วยเหลือ ก็ร้อนใจ ทุรน-ทุรายไม่แพ้กัน เพราะมันออกไปไม่ได้

คลื่นใหญ่ เวิ้งว้าง การสุ่มหาเป้าหมาย ยิ่งเป็นไปอย่างยากยิ่ง!

จากเหนือสุด “แม่สาย-เชียงราย” ถึงใต้สุด “หาดใหญ่-สงขลา” ระยะทาง ๑,๔๐๐ กิโลเมตร

ดูซิ..ใครจะไปเชื่อ แต่มันเกิดขึ้นแล้ว…

พี่น้องภาคเหนือ “มูลนิธิสยามแม่สาย” ขนเสบียง, เรือ ออกเดินทางจากเชียงรายมุ่งหน้าไปช่วยพี่น้องใต้ที่จมน้ำอยู่ตอนนี้

พี่น้องอีสาน “หลายต่อหลายจังหวัด” ไม่รีรอ บรรจุข้าวปลาอาหารของแห้งและอะไรที่นำไปช่วยเหลือพี่น้องใต้ได้

อย่างรายนี้ ตามข้อความที่แชร์กัน….

“จักรกฤษณ์ หรือที่ชาวบ้านเรียกขานว่า “น้องปอนด์” หนึ่งในทีมกู้ภัยที่ลงพื้นที่ช่วยน้ำท่วมหาดใหญ่ ได้สร้างความซาบซึ้งและเรียกน้ำตาไปทั่วโซเชียล หลังเขาออกมาเปิดใจถึงการตัดสินใจที่ยิ่งใหญ่

เขาต้องเผชิญกับคำถามที่ว่า “มีเงินถึงออกไปช่วยคนอื่นได้” แต่ความจริงคือ “ผมไม่ได้มีเงินอะไรเลยครับ ในบัญชีผมเหลืออยู่แค่ 12,000 บาท”

ทั้งที่ปีที่แล้ว รถเคยพังไปหลายคัน จากการช่วยเหลือ แต่แรงผลักดันที่ทำให้เขาหยุดไม่ได้คือ เสียงโทรศัพท์ที่ดังเข้ามาตลอดทางว่า

“น้องปอนด์…ถึงไหนแล้ว” และคำพูดที่จำเขาได้ว่า”พี่อยู่ตรงนี้นะ ตรงที่น้องเคยมาช่วย”

ในสถานการณ์ที่หนักกว่าเดิมหลายเท่า น้องปอนด์จึงตัดสินใจทิ้งงานทุกอย่างที่นครพนม

แล้วมุ่งหน้าสู่ภาคใต้ด้วยความคิดเดียวว่า “ขอให้ได้ไปช่วยก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง”

เขาเชื่อว่า “เงินไม่ใช่คำตอบของทุกอย่าง”

แต่ ‘หัวใจ’ ต่างหาก ที่พาเราไปถึงที่ที่เรา “ควรอยู่'” แม้จะเหลือเงินในบัญชีเพียงน้อยนิดก็ตาม”

หน่วยจิตอาสา หน่วยกู้ภัย หน่วยอาสาสมัคร มูลนิธิการกุศล ที่เราเห็นหน้าพวกเขาทุกครั้งยามมีภัย

ตอนนี้ ทั้งเจ็ตสกี ทั้งรถ ทั้งข้าวของบรรดามี เขาลงไปรวมกันอยู่ที่หาดใหญ่พร้อมหน้า

แต่ขอสะกิดด้วยความเกรงใจนิดนะ พี่ๆ กระจายกันไปช่วยพี่น้อง ที่สตูล ที่พัทลุง ที่ตรัง ด้วยนะ อย่ามุ่งแต่หาดใหญ่ที่เดียว

เออ…ท่านใดต้องการทำบุญ-ทำทาน กับท่านผู้ทรงกียรติ “รอมฎอน ปันจอร์” สส.พรรคประชาชน ผู้ขมักเขม้น ในหน้าที่แบ่งแยกความคิดประชาชนบ้างครับ

เห็นสส.พรรคส้มท่านนี้ โพสต์ว่า

Romadon Panjor

ท่านใดมีรถใหญ่เดินทาง #ปัตตานี-#สนามบินหาดใหญ่ วันนี้บ้างครับ ผมจะเป็นต้องบินคืนนี้! ขอติดรถไปด้วยครับ

โถ…น่าสงสาร

ใครมีรถใหญ่ ก็นึกว่าช่วย “ลูกเสือ-ลูกตะเข้” ให้พ้นภัย มีแรงไปทำหน้าที่กัดกร่อนบ่อนเซาะได้ต่อไปด้วยเถอะ!

นี่ก็เป็นอีกวิถี-ลีลาหนึ่ง ของผู้คน ในยามบ้านเมืองมีภัย

ผมเห็น นายกฯ อนุทิน ลงไปลุยน้ำ-ลุยฝนอยู่กับชาวบ้านที่หาดใหญ่ ต้มยำทำแกง แจกจ่ายผู้ประสบภัย ๒-๓ วันติด

ก็มีเสียงค่อนขอด ตอดข้าง-ตอดแคม จากพรรคบางพรรค

แต่ฝนมิเคยซา ฟ้ามิเคยแห้ง สถานการณ์หาดใหญ่มีแต่หนักขึ้น การออกช่วยเหลือยากลำบากขึ้น

ในขณะที่ประชาอาสา รวมพลังออกช่วยผู้ประสบภัยที่ติดอยู่ตามบ้าน ทหารช่าง ราชบุรี ลำเลียงเรือยาง อุปกรณ์กู้ภัย มุ่งใต้

ทัพเรือส่ง “เรือหลวงจักรีนฤเบศร” มาลอยลำเป็นฐานปฎิบัติการ ให้เครื่องบิน บินขึ้น-บินลง

ทั้งบินสำรวจค้นหา ทั้งนำคนที่ติดน้ำออกมา ทั้งบรรทุกข้าวปลาอาหารไปหย่อนให้

รัฐบาลประกาศใช้ “สถานการณ์ฉุกเฉิน” สงขลาทั้งจังหวัด

เรียกว่า ในภาวะวิกฤตเฉพาะหน้า สิ่งแรกที่ต้องทำคือการ เซฟชีวิตประชาชน ด้วยการค้นหา หย่อนอาหาร นำตัวออกมา เจ็บป่วยต้องรักษา

ขอให้ผ่านภาวะวิกฤตนี้ไปก่อน การป้องกัน การแก้ไข ผิด-ถูก-ขาดตก-บกพร่อง อย่างไร ค่อยไปไล่เลียงเป็นบทศึกษาสู่การแก้ไขกันหลังจากนั้น

แต่ก็มีผู้เจนจบทางวิชาการ มีปัญญาชนบางท่าน ออกมาช่วยแก้สถานการณ์วิกฤติ ตามวิถีคิดของเขา เช่น

“ศาสตราจารย์ ดร.เกษียร เตชะพีระ” คณะรัฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความว่า

“รัฐบาลอนุทินมีวิกฤตความชอบธรรมแต่ต้น ใบอนุญาตกะพร่องกะแพร่งใกล้หมดอายุ

มาตอนนี้ มีวิกฤตประสิทธิภาพจัดการภัยพิบัติซ้ำอีก”

ยังมีนักการเมือง นักวิจารณ์การเมือง แสดงทัศนะต่อปัญหานี้ว่า

วิกฤตหาดใหญ่สะท้อนรัฐล้มเหลว!

บางนักวิชาการ บางกูรูหน้าจอ ออกมาสอนรัฐบาลว่า ที่ทำอยู่เปะปะ ไม่มีแบบแผน ไม่มีศูนย์บัญชาการ มันต้องทำอย่างนั้น-อย่างนี้ถึงจะถูก

บ้างตำหนิรัฐบาล ปล่อยให้น้ำท่วมฟ้า-ปลากินดาว โดยไม่มีแผนรับมือ ผนอพยพคนล่วงหน้าได้อย่างไร?

ผู้มีความรู้ท่วมหัวแต่ไม่เคยเอาตัวรอดได้ซักครั้ง กางตำราสอนกลางน้ำเชี่ยวว่า ต้องขุดตรงโน้น ขยายตรงนี้ ต่างๆ นานา

นี่ก็เป็นอีกวิถี-ลีลาหนึ่งของคนร่วมสถานการณ์วิกฤตในบ้านเมืองเดียวกัน

น้ำท่วมร้อยครั้ง คนประเภทนี้ คำพูดประเภทนี้ ก็มีทั้งร้อยครั้ง!

ซึ่งไม่ผิด-ไม่แปลกอะไร สำหรับคนประเภท “ละเลงขนมเบื้องด้วยปาก” เหมือนคนตะโกนสอนมวยข้างเวที

ลองให้มันขึ้นไปชกเองซักนาที แล้วดูซิ….

ไอ้ที่ปากเก่ง-สอนเก่ง-ตำหนิคนทำงานด้วยอคติในใจตัวเองเก่งนั้น แค่ครึ่งเสี้ยววินาทีกับสถานการณ์จริง

……จะร้องกี่เอ๋ง?!

เรื่องดินฟ้าอากาศ พอคาดเดาได้ แต่จะให้รอดปลอภัยเป๊ะๆ เทวดาก็ยังทำไม่ได้

อย่างสหรัฐฯ ไปถึงขั้นจะเป็นพ่ออวกาศแล้วด้วยซ้ำ แต่..แต่ละปี ยังถูกพายุถล่มจมเมือง ผู้คนล้มตายไปปีละเป็นร้อย-เป็นสิบ

บางอย่าง…รู้ แต่ต้องยอมรับชะตากรรม

อย่างปีนี้ ที่เท็กซัส ฝนตก-น้ำท่วม กว่า ๓,๐๐๐ ครั้ง คนตายร่วม ๑๕๐ คน ยังไม่เกี่ยวกับพายุปีละหลายๆ ลูกที่ถล่มรัฐต่างๆ

ถ้ามันป้องกันและแก้ภัยธรรมชาติได้ง่ายๆ อย่างที่ไอ้พวกนักวิชาการละเลงน้ำลายคร่อกๆ แล้วสรุปว่า

“วิกฤตหาดใหญ่สะท้อนรัฐล้มเหลว” แบบนั้นละก็

สหรัฐก็ล้มเหลว จีนก็ล้มเหลว อินเดีย ก็ล้มเหลว ญี่ปุ่น-ไต้หวัน ก็ล้มเหลว ฟิลิปปินส์ อินโดฯ เวียดนาม และฯลฯ ก็ล้มเหลว เพราะปีนี้ ฝนตก-น้ำท่วมเละทุกประเทศ!

มีแต่วิกฤต “เอาอยู่” ยุคยิ่งลักษณ์, วิกฤตทะเลโคลนจมแม่สาย “ยุคแพทองธาร” เท่านั้น

เป็นวิกฤตที่ “ไม่สะท้อนรัฐล้มเหลว”!?

ปัญหา “ภัยธรรมชาติ” นับจากท้ายศตวรรษที่ ๒๐ นี้ไป มันกลายเป็น “ธรรมชาติเหนือโลก” ไปแล้ว

ระหว่าง “มนุษย์กับธรรมชาติ” ใครจะอยู่-ใครจะไป

นับจากนี้ มนุษย์ต้องตอบตัวเองแล้วว่า……..

-มนุษย์จะยอมปรับตัวเองให้เข้ากับวิถีธรรมชาติ

-หรือจะต้องให้ธรรมชาติปรับวิถีเข้าหามนุษย์?

ทุกสิ่งที่เกิดในโลกนี้ ………

ไม่มีสิ่งไหนเกิดโดยไร้สาระ อย่างน้อยวิกฤตธรรมชาติในรอบปีนี้ ก็เป็นสิ่งเตือนว่า เราปลูกบ้านอยู่แบบ “แบกะดิน” ไม่ได้แล้ว

กรุงเทพฯ “ไม่ต้องย้าย”

แต่กรุงเทพฯ “แห่งที่ ๒” ต้องไปอยู่ “ที่ดอน” แถบอีสานโน่น!

เปลว สีเงิน

๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๘

Line Open Chat *เพิ่มช่องทางการรับข่าวสาร จากเว็บไซต์ *อ่านคอลัมน์ เปลว สีเงิน ก่อนใคร *ส่งตรงถึงมือทุกคืน *เปิดกว้างเพื่อแฟนคอลัมน์พูดคุยแบบกันเอง ทุกเรื่องราว ข่าวสารบ้านเมือง สังคม ฯลฯ
Written By
More from plew
“รู้เขา-รู้เรา-รู้โลก” – เปลว สีเงิน
เปลว สีเงิน หยุด ๔ วัน ไปเที่ยวถึงไหนกันบ้างล่ะครับ กลับมาแล้ว ก็เล่าให้ฟังกันด้วยนะ วันนี้ ไม่คุย แต่มีสาระให้อ่าน เพื่อรับรู้ภาวการณ์...
Read More
0 replies on “น้ำบอก “นิมิตเมือง” #เปลวสีเงิน”