“น้ำเงิน-แดง” ใครใจถึง? #เปลวสีเงิน

เปลว สีเงิน

เพราะความ “หลงผิด” ของมนุษย์ตัวเดียวนี้เท่านั้น

ทำให้มนุษย์ทั้งโลก

ต้องพบกับนานาปัญหาในการดำรงอยู่ในโลกใบนี้

มนุษย์เข้าใจว่า เขามีอำนาจเหนือธรรมชาติ มีวิทยาการควบคุมธรรมชาติได้

จึงขาด “ความเคารพ” ต่อธรรมชาติ!

ใช้ดิน น้ำ ลม ไฟ ต้นไม้ ป่า เขา ห้วย หนอง คลอง บึง ลำธาร โดยไม่เห็นคุณค่า ซ้ำย่ำเหยียด หมิ่นหยาม

ผลของการไม่เคารพธรรมชาติต่อเนื่องมายาวนานของมนุษย์นั่นแหละ ภาวะโลกที่เป็นอยู่ปัจจุบันนี้ ถ้าจะเรียกให้ตรงตามตัว ก็ต้องเรียกว่า

นี่คือ “ผลของการเนรคุณ” ต่อธรรมชาติ!

แต่มันเสียดแทงความเย่อหยิ่งของเหล่ามนุษย์ผู้ทรนงตนที่เขารับไม่ได้

“ผู้ทรงวิทยาการปล้นโลก” จึงสร้างกระดองปกปิด “จิตใต้สำนึกโสโครก” นั้น ด้วยศัพท์สวยหรูว่า “ภาวะโลกร้อน”!

“ภาวะโรคร้อน” คืออะไร?

ก็คือการกระทำย่ำยีต่อธรรมชาติด้วยความโลภและเห็นแก่ตัว จนธรรมชาติเกิดภาวะ “ขาดความสมดุล”

ผลของการที่ธรรมชาติเกิดภาวะ “ขาดความสมดุล” นั่นแหละ

“ดิน-น้ำ-ลม-ไฟ-อากาศ”

จึงสร้างความวิปริต-ผิดเพี้ยนให้โลกทั้งใบ “ไม่เหมือนเดิม”!

มนุษย์ทั้งโลก ก็ต้องรับผลของกรรมนั้น อยู่กันอย่างร่านทุรนต่อไป จนกว่ามนุษย์จะหยุดหยิ่งผยอง และสำนึกได้ว่า

ธรรมชาติ ก็คือ “บิดร-มารดา” ของมนุษย์และสัตว์

จะไม่กตัญญูก็ไม่ว่า

แต่จงอยู่แบบอย่าฆ่า “บิดร-มารดา” ด้วยผยองคิดพิชิตโลกเลย!

วิทยาการน่ะ ต่อให้ออกไปยึดครองดาวดวงอื่นได้ ต่อให้โคตรของโคตร AI คุมโลกได้ ก็อย่าหวังจะชนะธรรมชาติได้

ในความที่ “โลกใบนี้กลม”

เมื่อขึ้นสูงสุดด้วยทรนงว่า “เหนือธรรมชาติ” แล้ว สุดท้าย ก็ต้องพบความจริงว่า นั่นไม่ใช่ปัญญาพามา

หากแต่ด้วยอวิชชา-โง่เขลา ทำให้หยิ่งผยองนำไปสู่เส้นทางทำลายล้าง หาใช่ทางสร้างสรรค์ไม่

เมื่อไปสุด ก็ต้องหมุนกลับลงที่ต่ำ ด้วยพบสัจจธรรมว่า

“สูงสุดจริงแท้ ไม่ได้อยู่บนฟ้า….

หากแต่อยู่ที่ต่ำสุด คือ ป่า เขา ห้วย น้ำ ลำธาร ต้นไม้ มนุษย์และสัตว์ เกื้อกูลกัน นั่นแหละ ที่เรียก “ธรรมชาติ” หล่อเลี้ยงโลกทั้งใบ ให้มนุษย์และสัตว์ ดำรงอยู่ได้โดยเป็นสุข!

อะไรที่มนุษย์สร้าง ว่าเร็วสุด เพียงใช้เวลาชั่วโมงเดียว ก็สามารถออกไปนอกโลกได้

แต่จงเชื่อเถอะ ด้วยธรรมชาติของจิตมนุษย์เรานี่แหละ อะไรที่วิทยาการล้ำเลิศใช้เวลา ๑ ชั่วโมง ถึงจะออกนอกวงโคจรโลกได้

แต่ด้วย “ธรรมชาติของจิต” เดิมแท้…

แค่ช้างกระดิกหู-งูแลบลิ้น นอกโลกที่ว่าไกล ก็ไปถึงแล้ว!

ฉะนั้น มนุษย์อย่าดูถูกธรรมชาติ อย่ามองข้ามธรรมชาติ

จงอยู่ด้วยเคารพธรรมชาติ

และนอบน้อมรับเอาธรรมชาติเป็นบิดร-มารดา เป็นครูบาอาจารย์ของเรา แล้วเราจะเป็นสุข โลกจะเป็นสุข

ไม่ใช่สุขเพราะ “อยู่เหนือธรรมชาติ”

หากแต่สุขเพราะ “อยู่เหนือโลก”!

เหนือโลกอย่างไร ท่านก็จะ “หากุญแจไข” ได้เอง ถ้าท่านไม่ใช่คนประเภท “เกิดมาเพื่อเป็นภาระรกโลก”

อืมมมม…..

ไม่สนุกเนอะ คุยอะไรก็ไม่รู้ ชวนง่วงนอน

งั้นมาคุยเรื่องสนุกๆ กันบ้างดีกว่า มองท้องฟ้าการเมืองตอนนี้

“ดาวเพื่อไทย” หม่นแสง กะพริบ ริบหรี่ อยู่ไกลๆ ในม่านเมฆน้ำลายทึบ

ดาว “พรรคประชาชน” ฟุ้งกระจายไปทั่ว ยังมีแสงในม่านหมอก แต่ไม่เกาะกลุ่ม และไม่แจ่มใสเหมือนก่อน

“ดาวประชาธิปัตย์” เมื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กลับมาเป็นหัวหน้าพรรค แม้ดาวพฤหัสที่ราศีเมษของคุณอภิสิทธิ์จะมีแสง แต่ยังอ่อนแรง การโคจรยังไม่มีทิศทางเด่นชัด

ทั้งดาวบริวาร ถึงจะระยิบ-ระยับ แต่ระยิบ-ระยับ ประเภท “กากเพชรพลอย” โดยรวมแล้ว รักษาอาการให้ “ฟื้นไข้” โอกาสวิ่งได้ในอนาคตยังมีอยู่

“ดาวภูมิใจไทย” ดูจะเป็นดาวดวงเดียวที่สุกสว่าง และมีดาวบริวารเหมือนดาวหางที่พาดยาวบนท้องฟ้า สาดประกายแสงบดบังดาวดวงอื่นๆ ให้จางหม่น

แต่ดาวพลังประชารัฐ ดาวรวมไทยสร้างชาติ และดาวไทยภักดี ในขณะที่ดาวภูมิใจไทยสาดจ้าเหนือท้องฟ้า

ทั้ง ๓ พรรค นี้ ยังมีแสงกะพริบล้อแสงอยู่บนท้องฟ้าได้วิบๆ ไหวๆ ถึงไม่ใสกระจ่าง แต่มีทางโคจรชัดเจน

ส่วนพรรคเล็ก-พรรคน้อย ทั้งเกิดใหม่และอยู่เก่า เห็นกระจายอยู่ปลายลำแสงหลายพรรค ก็คงต้องใช้เวลาอีกซักพักเพ่ง เพราะนี่เพิ่งข้างขึ้น ๔ ค่ำ

รอข้างแรมให้ฟ้ามืดกลางเดือนหน้า คงพอเพ่งพิจารณาได้ว่าดาวพรรคไหนมีพลังแสงแห่งรังสีที่ฟ้า-ดิน จะส่งเข้าสภา ทำหน้าที่ปราบเหี้ย

ช่วงนี้ อยู่ในสมัย “สภาปิดการประชุม” จะเปิดสมัยประชุมสามัญครั้งต่อไป วันที่ ๑๒ ธันวา.๖๘

“สภาปิด” แต่กรรมาธิการแปรญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อฉีกฉบับปัจจุบัน ตั้งสสร.เขียนใหม่เป็นฉบับ “แดง-ส้ม” พอใจ

“ยังทำหน้าที่” อยู่!

นัยว่าจะเร่งให้เสร็จและขอให้ประธานรัฐสภาเปิดสมัยวิสามัญให้ วันที่ ๑๐-๑๑ ธันวา.

ครม.ก็จะประชุมอนุมัติให้ทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ตาม MOA

สภาเปิดสามัญ วันที่ ๑๒ ธันวา. ถ้าร่างฯ รัฐธรรมนูญแปรญัตติเสร็จ ก็จะได้เข้าสภาเพื่อผ่านวาระ ๒

นี่ตามเทอมเวลานะ…..!

แต่ประเด็นมันมีว่า สภาเปิดปุ๊บ พรรคเพื่อไทย เขาจะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลภูมิใจไทยปั๊บ เพื่อคว่ำรัฐบาลไปเลย

ฝ่าย นายกฯ อนุทินก็บอกว่า…..

ถ้ายื่นเปิดอภิปรายเพื่อคว่ำ วันที่ ๑๒ ธันวา.สภาเปิดปุ๊บ ก็จะยุบสภาปั๊บเหมือนกัน!

เรื่องอะไร ที่จะยอมให้เพื่อไทยเปิดอภิปรายเพื่อด่ารัฐบาลฟรีๆ เพราะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยอยู่แล้ว โหวตก็แพ้ฝ่ายค้านอยู่ดี

งั้นยุบซะเลยดีกว่า ให้ประชาชนตัดสินจากการเลือกตั้ง!

แบบนี้ก็ต้องมี “ติดปลายนวม” กันหน่อย จริงมั้ย?

ผมว่า “เพื่อไทย” ไม่กล้ายื่นเปิดอภิปรายเพื่อล้มรัฐบาลแน่ ขืนล้ม ตัวเองก็ซวย พรรคประชาชนก็ซวยด้วย

เพราะร่างฯ รัฐธรรมนูญฉบับ “นำไปสู่เส้นทางล้มชาติ-ล้มสถาบัน” ที่หมายมั่นปั้นมือมาด้วยกัน ก็ต้องแท้งไปโดยปริยาย!

ส่วน นายกฯ อนุทิน ผมว่าท่านเอาแน่

ที่บอกว่า ถ้ายื่น ก็ยุบ

ผมเชื่อตามนั้น ว่า นายกฯ อนุทิน “พูดแล้วทำ” แน่ ถ้าเพื่อไทยยื่นตอนไหน ท่านก็ยุบสภาตอนนั้น!

ฉะนั้น ๑๒ ธันวา. “ปิดแอร์วัดใจ” กันเลย ว่าระหว่างนายจุลพันธุ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กับ นายกฯ อนุทิน หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย

ใครจะใจกล้า-ใจถึง “ตามที่พูด” กว่ากัน?

ผมว่านายจุลพันธุ์ เอาเข้าจริง ก็แค่ มีเขียด มีสังกะสี ไม่กล้ายื่นหรอก!

เออ…แล้วเขาเปิดตัว “แคนดิเดต” นายกรัฐมนตรีของพรรคกันแล้ว ถ้าพร้อมตามที่พูด เพื่อไทยจะ “อมภูมิ” เพื่ออะไรหรือ ก็เปิดตัว ๓ แคนดิเดตนายกฯ ของพรรค ประชันกะเขาไปเลยซี

หรือ “ไม่มีภูมิจะอม” จึงได้แต่ดมๆ เลียๆ แล้วส่งเสียงขู่ไปตามวิสัย “นักเกไพ่มือเปล่า”?

ถ้านึกไม่ออกจะเอาใครเป็นแคนดิเดตนายกฯเพื่อไทย ผมจะแนะให้ ๑.นายจุลพงศ์ อมรวิวัฒน์ ๒.นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ๓.นายก่อแก้ว พิกุลทอง”

อะไหล่ไว้อีกคนก็ได้ “นายอดิศร เพียงเกษ”!

“พรรคประชาชน” ซี เขาพร้อมจริง เมื่อวานประกาศ ๓ แคนดิเดตนายกฯ ของพรรค ชนกับแคนดิเคตนายกฯ “พรรคภูมิใจไทย” ไปเลย

๑.นายณัฐพงษ์ เรื่องปัญญาวุฒิ ๒.น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคฝ่ายนโยบาย ๓.นายวีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร รองหัวหน้าพรรคฝ่ายยุทธศาสตร์

ส่วน “พรรคภูมิใจไทย” เปิดตัวก่อนเพื่อน ๓ แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคก็มี ๑.นายอนุทิน ชาญวีรกูล ๒.นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ และ ๓.นางศุภจี สุธรรมพันธุ์

ดูอาการแค่นี้ก็รู้แล้ว….

เหมือน ๓ พรรคเล่นโปกเกอร์ ภูมิใจไทย เขาใส่ก่อน แล้วพรรคประชาชน เขาขอดู…ใส่ตาม ด้วยมั่นใจในหน้าไพ่ในมือ

ส่วนพรรคเพื่อไทย อึกๆ อักๆ

อยากจะลักไก่ ทั้งที่หน้าไพ่แต้มไม่ถึง นั่นก็ไม่เป็นไร แต่ใจไม่ถึงนี่ซี หน้าซีดเป็นไก่ไหว้เจ้าอย่างนี้

โยนไพ่ แล้วลุกไปขี้ก่อนเถอะไป๊!

เห็นนายจุลพันธุ์คุย ร่างญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ตามมาตรา ๑๕๑ เตรียมไว้แล้ว

แน่จริง สภาเปิด ๑๒ ธันวา.ปุ๊บ ต้องยื่นต่อประธานรัฐสภาปั๊บเลยนะ

ไม่งั้น เสียถึง “ห้วหน้าคอกหมา” ในคุกเลยเชียว จะบอกให้!

เปลว สีเงิน

๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๘

Line Open Chat *เพิ่มช่องทางการรับข่าวสาร จากเว็บไซต์ *อ่านคอลัมน์ เปลว สีเงิน ก่อนใคร *ส่งตรงถึงมือทุกคืน *เปิดกว้างเพื่อแฟนคอลัมน์พูดคุยแบบกันเอง ทุกเรื่องราว ข่าวสารบ้านเมือง สังคม ฯลฯ
Written By
More from plew
“พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง” #เปลวสีเงิน
เปลว สีเงิน ช่วงนี้ ถึงมกรา.ปีหน้า อย่ามัวงงงวยกับแฟชั่นแต่งตัวนายกฯ หญิงผู้งามเลิศในปฐพี จนลืมดูโลกเป็นอันขาด! เบิ่งกันไว้บ้างเน้อ…. มีอะไรตูมตามขึ้นมา จะได้ไม่เหมือนหมาตกใจเสียงพลุ-เสียงประทัด จนช็อกตาย ในสงคราม...
Read More
0 replies on ““น้ำเงิน-แดง” ใครใจถึง? #เปลวสีเงิน”